ตอนที่ 392 ภรรยาเจ้าของที่ดิน

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 392 ภรรยาเจ้าของที่ดิน

เดิมทีในคืนนี้ดวงจันทร์ลอยเด่น แต่ผ่านไปได้เพียงแค่ครึ่งค่อนคืนกลับมีเสียงฟ้าร้องคำราม หลังจากนั้นฝนก็ได้เทลงมา

ต่งชูหลานตื่นตั้งแต่ฟ้าสางดังเช่นทุกวัน ได้ยินเสียงสายฝนพรำด้านนอกจึงล้มตัวนอนลงบนเตียงอีกครา

หลายวันมานี้เหนื่อยเกินไปอย่างแท้จริง ฝนนี้คาดว่าคงจะตกไปอีกสักพัก นึกในใจว่าตนควรจะนอนต่ออีกสักหน่อย

รู้สึกง่วงอย่างอย่างแท้จริง แต่กลับนอนมิหลับทำได้เพียงพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง

ในที่สุดนางก็ยอมแพ้และลุกขึ้นมา หวีผมอยู่หน้ากระจกทองแดง เปิดประตูออก อากาศชุ่มชื้นระลอกหนึ่งพัดเข้ามากระทบกับใบหน้า และได้พัดพากลิ่นไอดินเข้ามาในจมูกของนาง นางรับรู้ได้ถึงความสดชื่นจากต้นไม้ใหญ่ภายในลานบ้าน ช่างสดชื่นมากยิ่งนัก

ต่งชูหลานยืนพิงกำแพงมองดูพายุฝนที่กระหน่ำเทลงมา ดูละอองไอน้ำที่สาดกระเซ็นเป็นฝอยเล็ก ๆ ฉับพลันนึกถึงฟู่เอ้อร์ต้ายที่ฟู่เสี่ยวกวนให้ความสำคัญเป็นอย่างมากขึ้นมาได้

วันนี้เป็นวันที่สองของเดือนแปด ต้นข้าวใกล้จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว

ต่งชูหลานเคยไปนาข้าวแห่งนั้น ข้าวในนาเติบโตได้เป็นอย่างดีจากการดูแลเอาใจใส่ของหวางเอ้อกับหวางเฉียง

หวางเฉียงบอกว่าทั้งหมดนี้คือฟู่เอ้อร์ต้ายที่คุณชายกล่าวถึง

ต่งชูหลานมิเข้าใจเท่าใดนัก หวางเอ้อดึงรวงข้าวในนาที่อยู่ติดกันเข้ามา เมื่อนำสองรวงมาเทียบกัน ต่งชูหลานถึงได้เข้าใจว่า รวงข้าวฟู่เอ้อร์ไต้นี้ทั้งยาวใหญ่ และทั้งอวบอิ่มกว่าอีกรวง

บนใบหน้าของหวางเอ้อเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น เขาบอกว่าปีหน้า ปีหน้านี้เมล็ดพันธุ์ฟู่เอ้อร์ไต้ก็จะเพียงพอที่จะเพาะปลูกครอบคลุมทั้งซีซาน ความหมายของคุณชายคือต่อจากนี้ไป ไร่นาทุกหนแห่งในซีซาน จะทำเพียงอย่างเดียวคือการเพาะพันธุ์ !

ปีหน้าก็คือฟูซานต้าย หลังจากนั้นเมล็ดพันธุ์เหล่านี้จะถูกปลูกบนผืนปฐพีทั้งหมดของราชวงศ์หยู จากนี้ไปผลผลิตธัญพืชจะเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างน้อยถึงสองเท่า!

ต่งชูหลานที่พิงกำแพงมองดูฝนพรำยิ้มออกมา

ราวกับว่าบัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนกำลังอยู่ข้างกาย

เขาเป็นผู้ชายที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง !

เขาเป็นผู้ชายของข้า !

รอยยิ้มบนใบหน้าค่อย ๆ หุบลง ผู้ชายของข้า บัดนี้เจ้าอยู่ที่ใดกัน ?

ฟู่เอ้อร์ต้ายกำลังจะเก็บเกี่ยวในอีกมิช้า หากถูกพายุฝนนี้ทำให้เสียหายแล้ว ในเมื่อเจ้ามิอยู่ เยี่ยงนั้นข้าจะไปดูแลแทนเจ้าเอง

ต่งชูหลานหมุนตัวลงบันได ไปที่ห้องชั้นล่างนางสวมเสื้อกันฝนและผ้าคลุมแล้วเดินออกไปท่ามกลางสายฝน ชุนซิ่วที่กำลังตะลึงอยู่รีบร้อนตามออกไปทันที

……

ต่งชูหลานและชุนซิ่วข้ามคลองน้ำใสมาแล้ว คนหนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าอีกคนอยู่ด้านหลังมา พวกนางได้มาถึงข้างแปลงนาแล้ว กลับเห็นว่าหวางเอ้อและหวางเฉียงกำลังยุ่งอยู่กับอะไรสักอย่าง

พวกนางเดินเข้าไป หวางเอ้อหันมามองอย่างตกใจ และเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน “คุณหนูต่งรีบกลับไปเถิด ฝนตกหนักเป็นอย่างมาก คุณหนูอย่าได้ออกมาตากลมหนาวเลยขอรับประเดี๋ยวจะกลายเป็นหวัด โปรดวางใจ ที่นี่มีพวกเราสองพ่อลูกคอยปกป้อง ย่อมมิเกิดปัญหาขึ้นอย่างแน่นอน”

ต่งชูหลานยิ้ม “ข้ามิใช่คนสูงส่งเยี่ยงที่พวกเจ้าคิดหรอก เรื่องใดที่คุณชายสามารถทำได้ ข้าก็ต้องสามารถทำได้เช่นกัน”

ต่งชูหลานกวาดตามองนาแปลงนี้ “ยามนี้คุณชายยังมิกลับมา ที่นี่เป็นความทุ่มเทของเขา ข้ามิอาจวางใจแล้วอยู่นิ่งเฉยได้ พวกเจ้าขุดคันนานี้เพราะเหตุใดกัน ? ”

หวางเอ้อยกผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำฝนบนใบหน้า พร้อมกับกล่าวว่า “คุณหนูต่ง ฝนครานี้คาดว่าคงจะตกไปอีกสักพัก ต้องปล่อยน้ำที่อยู่ในนานี้ไปเสีย มิเช่นนั้นหากต้นข้าวล้มลงจมน้ำจะมิใช่การดีขอรับ”

“อ่า…” ต่งซูหลายพยักหน้าราวกับเข้าใจความหมายเป็นอย่างดี หลังจากนั้นนางจึงถอดรองเท้าออกแล้วพับขากางเกง ชุนซิ่วรีบร้อนเข้าไปดึงนางเอาไว้ “คุณหนูต่ง มิได้เจ้าค่ะ ! ”

“เหตุใดถึงมิได้กัน ข้าบอกเจ้าแล้ว เรื่องที่เขาทำได้ข้าก็ทำได้เช่นกัน แม้อาจทำได้มิดีเท่าเขา”

ชุนซิ่ว หวางเอ้อ และหวางเฉียงมองนางอย่างตกตะลึง ยิ่งกว่านั้นเห็นว่าขาที่เปลือยเปล่าของคุณหนูต่งได้ย่ำลงไปในนาเสียแล้ว

ต่งชูหลานประคองรวงข้าวที่โดนฝนพัดจนล้มด้วยท่าทางงุ่มง่าม แต่นางกลับทำอย่างอดทนมิย่อท้อ

รอบดวงตาของชุนซิ่วเปลี่ยนเป็นสีแดงทันพลัน หยดน้ำตาไหลออกมามิหยุด

ชุนซิ่วเองก็ถอดรองเท้าถุงเท้าออกแล้ว ลงมาที่นาเช่นกัน ทำทุกอย่างเหมือนที่คุณหนูต่งกำลังทำ

ทั้งชีวิตนี้ของต่งชูหลานนี่ถือว่าเป็นการลงนาคราแรก

ในใจของนางรู้สึกสงบเป็นอย่างมาก รู้สึกว่านี่ก็คือเรื่องที่ตนควรจะทำ เพราะในใจของต่งชูหลานหวนนึกไปถึงเมื่อปีที่แล้วกลางพายุฝนฟู่เสี่ยวกวนเองก็ลงไปในนาเยี่ยงนี้เช่นกัน

เขากล่าวว่าผู้คนมิอาจแบ่งฐานะสูงต่ำได้ เขากล่าวว่าชาวไร่ชาวนาเหล่านี้คือกระดูกสันหลังของผู้คนทั้งใต้หล้า

เขากล่าวได้ถูกต้อง ดังเช่นหวางเอ้อกับหวางเฉียงพวกเขาเป็นชาวนาที่เรียบง่าย ที่เลี้ยงหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนนับพันนับหมื่นของราชวงศ์หยู

ต่งชูหลานขลุกอยู่กับหน้าที่เบื้องหน้าจึงมิได้สังเกตเห็นว่าชาวนาหลายคนก็ได้ทยอยมาที่ผืนนาแห่งนี้

พวกเขาเกือบทั้งหมดล้วนแต่เป็นคนในหมู่บ้านหวังเจียชุน พวกเขาล้วนได้รับบุญคุณจากคุณชายมาอย่างล้นหลาม ยามนี้คาดมิถึงว่าคุณหนูต่งจะอยู่บนผืนนานี้ท่ามกลางพายุฝนเช่นนี้ เหมือนกับเป็นการตบหน้าของพวกเขาดังฉาดใหญ่ !

นาผืนนี้คุณชายทุ่มเทแรงกายและแรงใจเป็นอย่างมาก เป็นความหวังของซีซาน คาดมิถึงว่าตนนั้นจะมาช้าเสียยิ่งกว่าคุณหนูต่งเสียอีก เช่นนี้จะมีหน้าไปพบคุณชายได้เยี่ยงไรกัน !

ต้นข้าวที่ล้มลงมีมิมากนัก ต่งชูหลานรู้สึกปวดเมื่อยที่เอวเมื่อยืดตัวขึ้น ถึงได้พบว่าผืนนาแห่งนี้มีชาวนาอยู่สิบกว่าคน

หวางเอ้อส่งสายตาให้กับชุนซิ่ว ชุนซิ่วพยุงต่งชูหลานพร้อมกับกล่าวว่า “คุณหนูต่งเจ้าคะ คุณหนูโปรดดูเถิด งานนี้ถือว่าลุล่วงแล้ว ไปกันเถอะเจ้าค่ะ”

“อือ…”

ยามที่ต่งชูหลานเดินไปยังคันนา ท่ามกลางพายุฝนก็ได้มีอีกสองคนเดินเข้ามา

พวกเขามิใช่คนในหมู่บ้านหวังเจียชุน นึกมิถึงว่าหนึ่งในนั้นจะเป็นนายอำเภอเขตเหยาเยี่ยนซีเหวิน !

ขณะนี้เยี่ยนซีเหวินได้อยู่ข้างนาแล้ว เขามองเงาที่รู้สึกคุ้นเคยอย่างสับสน ขยี้ตาอย่างมิเชื่อสายตา ต่งชูหลานเงยหน้าขึ้นมาพอดี เขาเห็นใบหน้าที่สงบนิ่งใต้หมวกนั่นแล้ว !

ต่งชูหลานรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างคิดมิถึงว่าเยี่ยนซีเหวินจะมา เดิมทีตั้งใจว่าอีกสองวันจะไปที่เขตเหยาเพื่อพบเขา

ต่งชูหลานแย้มรอยยิ้มบนหน้า ขึ้นมาบนคันนา “อะไรกัน ? ลมหรือพายุอันใดที่พัดเอานายอำเภอเยี่ยนมาถึงที่นี่ได้ ? ”

เยี่ยนซีเหวินหัวเราะแล้วส่ายหัว “ผัวหาบเมียคอนเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“เจ้ามิต้องเอ่ยแล้ว เจ้านี่มันจริง ๆ เลย ! ”

ต่งชูหลานเดินไปยังแอ่งน้ำขังเล็ก ๆ ข้างนาแล้วก็ล้างเท้า ใส่รองเท้าถุงเท้าทั้งเปียก ๆ อย่างนั้น จากนั้นหันไปกำชับหวางเอ้ออีกหนึ่งประโยค “ที่นี่ต้องฝากไว้กับพวกเจ้าแล้ว…”

หวางเอ้อตอบกลับทันที “คุณหนูต่งอย่าได้กล่าวเช่นนี้ นี่เป็นหน้าที่ของพวกข้าอยู่แล้วขอรับ”

“มีสหายมาจากแดนไกล ข้าขอตัวกลับก่อน หากเกิดเหตุขัดข้องอันใดเจ้าจงรีบมาบอกกับข้าที่เรือน”

ต่งซูหลานเดินนำหน้า เยี่ยนซีเหวินตามอยู่ด้านหลัง ด้านหลังของเยี่ยนซีเหวินมีอาจารย์ท่านหนึ่ง ปีที่แล้วในตอนที่เขารับตำแหน่งก็ได้มอบตำแหน่งพ่อบ้านและที่ปรึกษากับเขา

เยี่ยนซีเหวินมองดูแผ่นหลังของต่งชูหลานพลางคิดไปต่าง ๆ นา ๆ นี่คือสตรีที่มากความสามารถและเป็นสาวงามแห่งจินหลิง เดิมทีควรเป็นดังเช่นนกในกรงทอง แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับนำพาชีวิตของนางให้ผิดเพี้ยนไป คาดมิถึงว่านางจะกล้าลงนาใช้ชีวิตเยี่ยงชาวนา หากนำเรื่องนี้ไปบอกกล่าวแก่คุณชายคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ในจินหลิน เหล่าบัณฑิตที่สูงส่งเหล่านั้น พวกเขาจะต้องมิเชื่อเป็นแน่

ตนได้มาอยู่ที่นี่เป็นเวลาใกล้จะหนึ่งปีแล้ว เขาถูกเคี่ยวกรำเสียจนแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากน้ำในพื้นที่ทางการมีความขุ่นมากเกินไป และเพราะเขาอยากจะทำให้สำเร็จ

ต่งชูหลานลงนาเยี่ยงนั้นหรือ…

เกรงว่านางกำลังทำการแสดง ? แต่ต่งชูหลานมิได้เป็นคนเยี่ยงนั้น เป็นไปได้หรือไม่ว่านางอยากทำหน้าที่ภรรยาของเจ้าของที่ดิน ?