ภาคที่ 1 บทที่ 21 ทุกข์ทรมาน

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 21 ทุกข์ทรมาน

 

 

ภายในห้องอาบน้ำอันเงียบสงบ กู่ชิงลั่วค่อย ๆ ยกมืองามปานหยกขึ้นลูบไล้ไปทั่วร่าง การเคลื่อนไหวของนางทั้งงามสง่าและเย้ายวนใจเกินบรรยาย

 

 

ถึงเด็กสาวจะยังไม่เป็นสาวเต็มตัว ทว่าก็เติบโตขึ้นได้อย่างงดงาม ที่ควรโตขึ้นมาก็โต ที่ควรเชิดสูงขึ้นก็เป็นไปตามที่ควรเป็น สิ่งใดที่ควรมี นางล้วนมีพร้อมทั้งสิ้น

 

 

เมื่อนัยน์ตาซูเฉินได้เห็นภาพฉากนี้เข้า เขาก็แทบทรงตัวไม่อยู่

 

 

เด็กหนุ่มรู้อยู่เต็มอกว่าการแอบมองแบบนี้เป็นเรื่องผิดศีลธรรม ฉะนั้นซูเฉินจึงพยายามต่อสู้กับตนเอง เขาพยายามสั่งตนให้ไม่หันไปมอง ทว่าทุกครั้งที่หันไปทางอื่น เงาร่างงามปานหยกก็ตามมาหลอกหลอนอยู่ที่หางตาทุกครา ทำให้เขาไม่สามารถอดใจ หันกลับไปมองอีกครั้งจนได้ จรรยาบรรณอันดีงามของเด็กหนุ่มต่อสู้กับสัญชาตญาณแบบรบกันพันตู บางครั้งฝ่ายจรรยาบรรณอันดีงามชนะ บางคราสัญชาตญาณก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ ซูเฉินหันหัวตนเองไป ๆ มา ๆ ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือดระหว่างสองฝ่าย

 

 

กู่ชิงลั่วไม่รู้เลยว่าเด็กหนุ่มกำลังต่อสู้กับจิตใจตนเองอยู่ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหันไปหันมา นางจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “ทำไมเจ้าถึงส่ายหัวไปมาเช่นนั้นล่ะ?”

 

 

“อ๋อ…… ปวดคอนิดหน่อยน่ะ ก็เลยจะขยับให้คลายปวดเสียหน่อย” ซูเฉินตอบ ส่ายหัวไปมาแบบกลองป๋องแป๋ง [1. กลองป๋องแป๋ง ของเล่นของชาวจีน หมุนไปมาเพื่อทำให้เกิดเสียง]

 

 

ซูเฉินเหลือบมองเรือนร่างงามที่อยู่ภายใต้ระลอกน้ำ ทำให้ใจเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ไม่อาจห้ามใจตนเองไว้ได้เนื่องจากแรงกดดันจากอวัยวะบางส่วนในร่างกาย    ซูเฉินค่อย ๆ นั่งลง นัยน์ตาจับจ้องไปที่กู่ชิงลั่วอย่างหื่นกระหาย

 

 

หากนางเป็นหญิงมากประสบการณ์แล้วไซร้ กู่ชิงลั่วคงสังเกตเห็นแล้วว่าท่าทางของซูเฉินผิดปกติไปสักหน่อย ทว่าจิตใจของนางนั้นสะอาดบริสุทธิ์ ดังนั้นเรื่องเช่นนั้นจึงไม่เคยอยู่ในหัวแม้แต่น้อย เด็กสาวถามขึ้นอีกฝ่ายราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ใช่สิ แล้วเจ้าไปล่วงเกินหลินเซี่ยจนต้องฆ่าแกงกันได้อย่างไร? ความแค้นระหว่างตระกูลซูและตระกูลหลินร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือ?”

 

 

คำพูดของกู่ชิงลั่วดึงความสนใจของเด็กหนุ่มกลับมา ทำให้ร่างกายส่วนล่างที่กดดันอยู่นานผ่อนคลายลงมาก

 

 

ซูเฉินตั้งสติเล็กน้อย ก่อนพูดขึ้น “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ถึงตระกูลหลินและตระกูลซูจะมีความบาดหมางกัน ทว่าก็ยังไม่ถึงขั้นเจอหน้ากันแล้วฆ่ากันตายหรอก จริง ๆ เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเพราะมีเหตุผลอื่น……”

 

 

ก่อนที่ซูเฉินจะเล่าต้นสายปลายเหตุ ทำไมถึงออกมาหานาง และความบังเอิญที่ตนได้ยินบทสนทนาบางอย่างเข้า

 

 

เมื่อได้ยินเขาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง กู่ชิงลั่วก็พลันยืดหลังตรง ท่ามกลางสายน้ำหลั่งไหล หน้าอกงามกระเพื่อมเล็กน้อย ยิ่งทำให้ซูเฉินรู้สึก “ไม่ค่อยสบายตัว” ขึ้นมาอีกครั้ง ที่คอรู้สึกแข็งเกร็งอีกครา

 

 

กู่ชิงลั่วพูดขึ้น “เจ้าหมายความว่ามีคนอื่นที่รู้ว่าเจ้าฆ่าหลินเซี่ยอยู่อีกหรือ?”

 

 

“อื้ม” ซูเฉินพยักหน้า “แต่ว่าข้าไม่กังวลเรื่องนี้หรอก ผู้อาวุโสซางไม่ใช่คนจากตระกูลหลินแน่ ไม่งั้นเขาคงไม่ต้องคอยระวังเรื่องผู้คุ้มกันตระกูลหลินหรอก สั้น ๆ คือเป็นเพราะเขาเกรงว่าจะถูกผู้คุ้มกันพบเข้า จึงปล่อยให้หลินเซี่ยตามฆ่าข้าแทน”

 

 

“แต่เขาก็ยังมีวิธีอื่นในการแจ้งตระกูลหลินว่าเจ้าเป็นคนทำได้นะ”

 

 

“ไม่หรอก อย่าลืมสิว่าข้าได้ยินความลับของพวกเขาแล้ว ถ้าพวกนั้นกล้าเอาเรื่องไปป่าวประกาศ ข้าก็จะเปิดเผยความลับพวกเขาเช่นกัน หากไม่อยากให้เจ็บกันทั้งสองฝ่าย พวกเขาก็ไม่ทำแบบนั้นหรอก” ซูเฉินเอ่ยตอบอย่างไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่

 

ได้ยินดังนั้น กู่ชิงลั่วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา กลับไปนั่งลงท่ามกลางสายน้ำต่อ อกงามคู่นั่นเองก็ถูกสายน้ำบดบังดังเดิม ตอนนี้มองเห็นได้เพียงเลือนราง ใจซูเฉินเต้นเบาลง ทว่าเขากลับรู้สึกเสียดายขึ้นมา

 

 

เด็กสาวทำท่าคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะพูดขึ้นอีกครา “ในเมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ เจ้าน่าจะระวังหน่อย เผื่อตาแก่นั่นจะมาตามตัวแล้วจัดการปิดปากเจ้าด้วยตนเอง”

 

 

“เพราะงั้นเลยต้องบอกเจ้าเรื่องนี้ไง” ซูเฉินหัวเราะเบา ๆ “ถึงเขาจะฆ่าข้าตอนนี้ แต่ก็คงปิดปากข้าไม่ได้หรอก”

 

 

“นี่!” กู่ชิงลั่วเบิกนัยน์ตาคู่งามกว้าง “นี่เจ้าจะลากข้าไปเอี่ยวด้วยหรือ? แบบนี้มันไม่ยุติธรรมนี่?”

 

 

“จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ตาแก่นั่นไม่รู้ว่าเราสนิทกันนี่ แล้วอีกอย่าง เจ้าก็เป็นคนเดียวที่รู้เรื่องนี้ด้วย”

 

 

กู่ชิงลั่วเอ่ยขึ้น “เจ้าหมายความว่า……”

 

 

ซูเฉินค่อย ๆ พูดอธิบายอย่างตั้งอกตั้งใจ “มีแผนสำรองไว้ก่อนย่อมดีกว่าอยู่แล้ว”

 

 

ซูเฉินเคยบอกให้คนงานที่ศาลาหยกพิสุทธิ์เตรียมแผนสำรองไว้ ยามถึงเวลาที่ตนต้องเจอเข้ากับสถานการณ์แบบนี้ เขาเองก็ไม่ลืมเตรียมแผนสำรองไว้สำหรับตนด้วยเช่นกัน

 

 

เมื่อกู่ชิงลั่วได้ยินดังนั้น นางก็ปรบมือก่อนหัวเราะออกมา “ดี ๆ ข้าเป็นแผนสำรองให้เจ้าเอง ถ้าเจ้าถูกฆ่าละก็ ข้าจะป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว เพื่อทำลายแผนของพวกเขาเสีย”

 

 

เอ่อ…… เจ้ายังเป็นแขกผู้มีเกียรติของตระกูลหลินอยู่นะ แอบแทงพวกเขาข้างหลังด้วยท่าทางตื่นเต้นแบบนี้มันดีแล้วหรือ?

 

 

ซูเฉินพูดขึ้น “ยังมีอีกเรื่องที่ข้าอยากให้เจ้าช่วย”

 

 

“อะไรหรือ?”

 

 

“พาข้าออกไปจากที่นี่ที”

 

 

“ตอนนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่ ตระกูลหลินยังตามหาตัวเจ้าอยู่ ตอนเจ้ายังไม่ได้สติพวกเขาก็มาหาตั้งสองครั้ง ถ้าข้าพาเจ้าออกไปตอนนี้คงปิดบังพวกเขาไม่ได้ พอฟ้าสว่างแล้วน่าจะพอมีทางพาเจ้าออกไปอย่างปลอดภัยได้”

 

 

“ถ้าไม่กลับบ้านสักคืน ที่บ้านคงทำเป็นเรื่องใหญ่แน่”

 

 

“เรื่องนี้ไม่ยาก เดี๋ยวข้าจะช่วยส่งข่าวบอกว่าเจ้าไปนอนบ้านเพื่อนก็แล้วกัน”

 

 

“งั้นคงต้องรบกวนเจ้าแล้ว”

 

 

“เจ้ากับข้าเป็นเพื่อนกันนี่ ทำไมต้องสุภาพขนาดนั้น?” กู่ชิงลั่วทำทีเป็นหยิ่งยโส ตบอกตนเองอย่างภาคภูมิ เมื่อเห็นอกคู่งามดั่งหยกที่อยู่ใต้มือของนางกระเพื่อมเปลี่ยนรูป ใจของซูเฉินพลันเริ่มกระหน่ำขึ้นอีกครั้ง

 

 

กู่ชิงลั่วหันมามองหน้าเขา ก่อนจะพึมพำขึ้นด้วยความแปลกใจ “เสียเลือดไปตั้งเยอะ ยังเลือดกำเดาออกไหวอีกหรือ? หรือเมื่อครู่ข้าใช้ยาเยอะไปกัน?”

 

ซูเฉิน “……”

 

 

ทั้งสองคนคุยกันต่ออีกสักพัก ก่อนที่ซูเฉินจะนึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้และเอ่ยปากถามขึ้น “ใช่แล้ว เจ้ารู้จักเยว่อูตี้หรือเนินกลบวิญญาณบ้างหรือไม่?”

 

 

กูชิงลั่วส่ายหัว “ไม่รู้จัก แต่ข้าให้คนไปตรวจสอบให้ได้ ถ้าเยว่อูตี้ผู้นี้ไม่ใช่คนกระจอกงอกง่อย คงแกะรอยได้ไม่ยากว่าเขาทำอะไร”

 

 

ซูเฉินส่ายหน้าทันที “เจ้าอย่าไปสืบหาข้อมูลเลยดีกว่า ไม่มีใครรู้ว่าผู้อาวุโสซางยังมีคนในตระกูลหลินอีกหรือเปล่า แบบนั้นเจ้าคงเสียเปรียบแย่ เจ้าเป็นแผนสำรองของข้า ห้ามเผยตัวให้ใครรู้ เข้าใจหรือไม่?”

 

 

“งั้นเจ้าจะปล่อยให้แผนของคนพวกนั้นสำเร็จหรือ?”

 

 

“เรื่องนี้…… ให้ข้าลองคิดหาทางก่อนก็เถอะ เรายังมีเวลาอีกหนึ่งปีไม่ใช่หรือ? ฟังจากน้ำเสียงพวกเขาแล้ว พวกเขาน่าจะยังไม่ลงมือในเร็ว ๆ นี้เป็นแน่”

 

เมื่อกู่ชิงลั่วได้ยินดังนั้น ปากน้อย ๆ ของนางก็ยื่นออกมา “ก็ได้”

 

 

นางทำหน้าตาน่ารักมาก พอซูเฉินได้เห็นภาพนั้น ใจเขาก็พลันสั่นไหวอีกครั้ง

 

 

คืนนั้นซูเฉินนอนในห้องกู่ชิงลั่ว

 

 

ค่ำนั้น ท่าทีสบาย ๆ ไม่ระวังตนของกู่ชิงลั่วทำให้ซูเฉินทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก เรื่องหนึ่งคือร่างอ่อนช้อยดูยวนใจของนางคอยยั่วใจเขาอยู่ตลอด แม่นางน้อยผู้นี้ ตอนที่คุยกับเขาก็ยังคงใส่เพียงชุดชั้นในเท่านั้น ไม่ใส่สิ่งใดปิดไว้แม้แต่น้อย! ทว่าซูเฉินก็ต้องพยายามทำเป็นไม่ใส่ใจ แสร้งทำว่าตนไม่เห็นภาพเหล่านั้น ในขณะที่ในใจก็พยายามสั่งตนเองให้เก็บสายตาตนไว้เสีย

 

 

ใจจริงซูเฉินอยากมอง ทว่าไม่กล้าพอ แล้วยังต้องคอยควบคุมปฏิกิริยาที่เขาไม่ชอบใจเท่าไหร่จากอวัยวะบางส่วนในร่างกายตนเองอีก เป็นอีกครั้งที่เหตุผลปะทะเข้ากับสัญชาตญาณ เด็กหนุ่มจึงต้องทำเป็นไม่รู้ความจริงตรงหน้า เรื่องแบบนี้ทรมานใจซูเฉินยิ่งนัก!

 

 

โชคดีที่ร่างกายเขาบาดเจ็บหนัก หลังจากฝืนทนอยู่นานก็ไม่สามารถทนไหว สุดท้ายซูเฉินก็ผล็อยหลับไปในขณะที่พลิกตัวไปมา

 

 

เช้าวันต่อมา กู่ชิงลั่วปลุกซูเฉิน ก่อนจะนำเขาออกไปทางประตูด้านหลัง

 

 

หลังจากเดินตามนางมาไม่นาน ซูเฉินก็เดินมาถึงเขตป่า ถึงมองดูแล้วจะเป็นป่าธรรมดา ๆ ทว่าเด็กหนุ่มกลับสัมผัสได้ถึงพลังต้นกำเนิดที่ไหลเวียนอยู่ภายใต้ฝ่าเท้าของตนตั้งแต่ก้าวแรกที่สัมผัสผืนป่าแห่งนี้

 

 

“ค่ายกลพลังต้นกำเนิด?” ซูเฉินตกตะลึงไป

 

 

นี่คือพื้นที่ค่ายกลที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อชักนำพลังต้นกำเนิดอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงสามารถสัมผัสได้ถึงพลังต้นกำเนิดที่ไหลเวียนอยู่มากมายเช่นนี้

 

“ชู่ววว!” กู่ชิงลั่วยกนิ้วขึ้นเตือนซูเฉิน

 

 

หลังจากเสียง “ชู่ว” ก็มีเสียงคำรามของสัตว์ร้ายก็ดังมาจากที่ไม่ไกลนัก

 

 

เมื่อได้ยินเสียงขู่คำรามดังขึ้น ซูเฉินรู้ทันทีว่าสถานที่นี้คือที่ไหน

 

 

คือสวนสัตว์อสูร!

 

 

สวนสัตว์อสูรตระกูลหลิน!

 

 

กู่ชิงลั่วพาเขามายังสวนสัตว์อสูรตระกูลหลิน!