โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.463 – ตั๋ว

 

ราวกับมีประกายสว่างวาบผ่านเข้ามาในจิตใจของแอปไซ

 

เขาบังเกิดความคิดขึ้นมาว่า หากตนเก็บตั๋วค่าเข้า เป็นจำนวนเงินหมื่นล้านต่อคน งั้นแค่ขายให้ได้ร้อยคน เขาก็จะได้เงินหลักล้านล้านมาได้อย่างง่ายดายเลยมิใช่หรือ?

 

นี่มันหนทางแห่งความมั่งคั่งชัดๆ!

 

ยิ่งไปกว่านั้น ปัจจุบันผลึกชีพจรธรณียังไม่ปรากฏออกมาทั้งหมด ดังนั้นมันคือสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง และยิ่งยาก ก็ยิ่งล้ำค่า!

 

สมบัติที่ล้ำค่า ผู้คนมักยินยอมจ่ายเงินเพื่อให้ได้มันมา!!

 

ขบคิดถึงจุดนี้ แอปไซหัวเราะร่า “ข้อเสนอของมิสเตอร์ฉินฟังดูไม่เลว ในฐานะสหาย ฉันยอมรับเงินหมื่นล้าน เชิญคุณเข้าไปได้”

 

ฉินเฟิงพยักหน้า เงินแค่หมื่นล้านไม่นับเป็นสิ่งใดสำหรับเขา เจ้าตัวโยนเหรียญพลังงานขนาดหนึ่งลูกบาศก์ให้แอปไซ ในใจเพียงเกิดความคิด

 

‘เอาไปเถอะ แต่หวังว่าชีวิตต่อจากนี้ของแก จะมีโอกาสได้ใช้เงินนั่นนะ!’

 

ฉินเฟิงไม่เสียเวลา ก้าวเข้าสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทันที

 

ขณะเดียวกันภายนอกภูเขา แอปไซยังไม่ยอมอยู่เฉย เขาระดมคนงานก่อสร้างทั้งหมดในเมือง สั่งการให้สร้างกำแพงล้อมรอบภูเขาศักดิ์สิทธิ์ 

 

กำแพงที่สร้างเป็นแบบเรียบง่ายไม่ซับซ้อน เหมือนจะไม่ได้มีไว้ใช้ป้องกัน แต่เป็นการสื่อถึงเครื่องหมายในการแบ่งอาณาเขตเสียมากกว่า ทั้งยังติดตั้งหอธนูเต็มไปหมด มีกระทั่งบางจุดที่แอปไซลอบวางยาพิษลงไป

 

แม้ช่วงเวลานี้ความวุ่นวายจะยังไม่หยุดลง และระหว่างก่อสร้างก็ยังคงเกิดแผ่นดินไหวอยู่บ่อยครั้ง แต่แอปไซยังคงดึงดันให้สร้างต่อไป

 

ที่เขาทำเช่นนี้ นั่นก็เพราะเขาไม่สามารถหยุดผู้ใช้พลังเลเวล C ได้ แต่หากเป็นเลเวล D ไม่ว่าใครก็ตามที่อยากเข้าไป ‘จงจ่ายค่าตั๋วให้เขา’ 

 

และก็มีเลเวล D บางส่วนยินดีจ่ายจริงๆ เพราะหากพวกเขาไม่ได้รับผลึกชีพจรธรณี เกรงว่าคงไม่สามารถยกระดับขึ้นสู่เลเวล C ได้อีกตลอดชีวิต

 

เพราะคุณสมบัติของผลึกธรณี มันคือการช่วยขยายความจุของตันเถียน , ช่วยขยายแก่นอบิลิตี้ในจิตสำนึก หรือกล่าวได้ว่ามันสามารถช่วยส่งเสริมกำลังภายในและพลังสมาธิเพื่อให้สามารถก้าวขึ้นสู่เลเวล C ได้นั่นเอง

 

ผลประโยชน์นี้สามารถล่อลวงจิตใจของผู้คนได้เป็นธรรมดา หลายคนกัดฟันมอบเงินให้กับแอปไซ 

 

เพียงไม่นาน ธุรกิจของแอปไซก็เฟื่องฟู เพลิดเพลินไปกับเม็ดเงินที่ได้รับมา

 

ผู้คนที่เข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งนานก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น 

 

 

บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ฉินเฟิงกำลังต่อสู้กับแมลงสัตว์ร้ายระดับราชันย์ 

 

รูนแห่งความมืดช่วยให้คู่ต่อสู้อ่อนแอลง มีดกษัตริย์ครามของฉินเฟิงเหวี่ยงสะบัด ผ่าลำตัวขนาดใหญ่ของศัตรูออกเป็นสองซีกทันที

 

“ตัวที่สามสิบเอ็ด!”

 

ฉินเฟิงนับในใจอย่างเงียบๆ

 

ระดับราชันย์สัตว์ร้าย มิใช่คู่ต่อสู้ของฉินเฟิงโดยสิ้นเชิง แค่เผชิญหน้าเพียงแว่บเดียว ก็สามารถสังหารลงได้ ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงได้มาถึงจุดที่เขาสามารถปัดรังควานแมลงเหล่านี้ได้ตามใจชอบแล้ว

 

เพลิงโลกันต์พลันลุกไหม้ แผดเผาเนื้อแมลงสัตว์ร้ายให้กลายเป็นขี้เถ้า แก่นอบิลิตี้ระดับราชันย์และผลึกชีพจรธรณีเผยโฉมออกมา

 

แต่ในตอนนั้นเอง จากเบื้องบนท้องฟ้า ร่างเงามนุษย์พลันถลาลงมาอย่างไม่มีปี่ขลุ่ย ก่อนหยุดฝีเท้าลอยอยู่เหนือพื้น

 

บุคคลผู้นี้แต่งกายด้วยชุดต่อสู้สีแดงเข้ม สะพายดาบใหญ่ไว้เบื้องหลัง กระทั่งผมก็ยังเป็นสีแดง คู่ดวงตาที่เผยออกมา แสดงออกถึงความกระหายเลือดเล็กน้อย

 

ทั้งคนทั้งร่าง มองมุมไหนก็ไม่ให้ความรู้สึกว่ามาดีเลย!

 

เหลือบมองแค่แว่บเดียว ฉินเฟิงก็จดจำอีกฝ่ายได้ทันที

 

–เป็นหยวนหงเฟย! อาชญากรประกาศจับ! นอกจากนี้ยังมีภารกิจล่าตัวเขาอยู่ในเครือข่ายนักล่าเงินรางวัลเป็นจำนวนมาก ทั้งยังเป็นคนจากพันธมิตรองค์กรมืด!

 

“วางของในมือแกลงซะ แล้วฉันจะยอมไว้ชีวิต” หยวนหงเฟยกล่าวอย่างหยิ่งผยอง ในแววตาที่มองมา เผยถึงจิตสังหาร

 

อันที่จริง แม้ฉินเฟิงจะยอมวางของในมือลง แต่หยวนหงเฟยย่อมไม่ยอมปล่อยฉินเฟิงไป

 

นั่นเพราะฉากที่เขาชมชอบมากที่สุด นั่นคือการสังหารเป้าหมายที่หลงคิดว่าตัวเองรอดชีวิตแล้ว จากนั้นชักนำความตายอันน่าสิ้นหวังมาสู่อีกฝ่าย

 

ช่วงเวลานี้ หยวนหงเฟยจินตนาการไปถึงฉากที่ฉินเฟิงยอมวางสมบัติลง และค่อยๆชักฝีเท้าถอยอย่างหวาดกลัวแล้ว

 

สีหน้าของหยวนหงเฟยในเวลานี้ ดูอิ่มเอม พึงพอใจเป็นอย่างมาก ทว่ามันกลับอยู่ได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็แข็งค้างไป

 

นั่นเพราะฉินเฟิงทำเป็นหูทวนลม เก็บสมบัติทั้งสองชิ้นเข้าอุปกรณ์รูนมิติซะอย่างนั้น

 

“เอาล่ะ ขอฉันขู่บ้าง แกจงมอบผลึกชีพจรธรณีทั้งหมดที่เก็บได้มาซะ แล้วฉันจะยอมปล่อยไป!”

 

มีดกษัตริย์ครามในมือฉินเฟิง ชี้ปลายแหลมไปยังอีกฝ่าย

 

หยวนหงเฟยใบหน้าแข็งค้าง ต่อมาลุกโชนไปด้วยความโกรธ

 

“ไอ้เด็กเหลือขอ แกกำลังพูดอะไรอยู่รู้ตัวรึเปล่า? เป็นแค่เลเวล D อย่ายะโสให้มันมากนัก หรือว่าเบื่อชีวิตแล้ว”

 

ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็นชา ตั้งท่ากุมมีดในมือ

 

“ฉันจะนับถอยหลังแค่ถึงสาม”

 

หยวนหงเฟยโกรธมาก “นี่แกแกล้งโง่หรือโง่จริงๆกันแน่? แต่ช่างแม่ง บิดาก็อยากเห็นเหมือนกัน ว่าใบหน้าตอนสิ้นหวังของแกมันจะน่าดูชมสักแค่ไหน!”

 

มือของหยวนหงเฟยเอื้อมไปเบื้องหลัง ดาบยาวถูกชักจากฝักมาในกุมมือ

 

ไม่รอช้า หยวนหงเฟยง้างสับดาบใหญ่ลงบนใบมีดในคราวเดียว

 

ดาบใหญ่เล่มนี้หนักมาก ยิ่งผสานรวมเข้ากับกำลังภายในของหยวนหงเฟย อำนาจของมันรุนแรงอย่างหาที่ใดเปรียบ

 

อำนาจที่ราวกับสามารถผ่าแยกขุนเขาทั้งลูกระเบิดออกมา

 

“ไอ้หนู ไม่คิดหลบหน่อยหรอ? ยืนทื่อรอความตายรึไง!” รังสีแห่งความโหดเหี้ยมสะท้อนออกมาจากดวงตาของหยวนหงเฟย

 

ฉินเฟิงแน่นอนไม่คิดหลบเลี่ยง เขาเพียงตั้งท่าเล็กน้อย และตวัดคมมีดจากล่างขึ้นบน

 

การกระทำดังกล่าว ดูยังไงก็แค่การงัดมีดขึ้นอย่างเรียบง่าย ไม่มีส่วนใดบ่งบอกว่าจะสามารถต้านทานการโจมตีของหยวนหงเฟยได้เลย

 

กำลังภายในของทั้งสองปะทะกันคราหนึ่ง

 

ในพริบตา กำลังภายในของหยวนหงเฟยราวกับน้ำแข็งต้องตะวัน มันละลายเหือดหาย ต่อมา มีดกษัตริย์ครามพลันสาดแสงจรัส เปลวเพลิงอันร้อนแรงอย่างหาที่ใดเปรียบลุกโชนขึ้นบนใบมีด

 

ฉัวะ!

 

ราวกับตัดเต้าหู้ ดาบใหญ่ถูกสะบั้นขาดจากกันทันที

 

ดวงตาของหยวนหงเฟยเบิกกว้าง ความตื่นตระหนกแทรกซึมเข้ามาแทนที่ความโกรธ

 

ต้องรู้นะว่า อาวุธของเขา ทำมาจากวัสดุระดับราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล C มันคืออุปกรณ์รูนสีเงิน ทว่าเพียงสัมผัสกับอาวุธศัตรู มันกลับถูกตัดได้อย่างง่ายดาย

 

เรื่องนี้ยังไงก็รับไม่ได้! ไม่จริง!

 

เว้นแต่อาวุธของศัตรูจะอยู่ในระดับจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล C เท่านั้น แต่อาวุธมีดยาวราวกับดาบเบื้องหน้า มันไม่แม้จะสาดแสงสีทอง

 

ถ้าอย่างงั้น ความเป็นไปได้ก็เหลือเพียงหนึ่งเดียว!

 

“อาวุธเทวะ!”

 

มีเพียงอาวุธดังกล่าวเท่านั้น ที่ไม่ถูกผูกมัดตามขีดจำกัด สามารถใช้ได้ตามดั่งใจนึก

 

ประกายแห่งความโลภผุดขึ้นมาในแววตาของหยวนหงเฟย

 

“ต่อให้แกครอบครองอาวุธเทวะ แต่ฉันไม่เชื่อหรอก ว่าในเรื่องกำลังภายใน แกจะสู้กับฉันได้! อาวุธเทวะนั่นจะตกเป็นของฉันเมื่อไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว!”

 

“ไปลงนรกซะ” กำลังภายในของหยวนหงเฟยพลุ่งพล่านเดือดดาล หลบวูบเลี่ยงมีดกษัตริย์คราม อัดฉีดกำลังภายในเข้าสู่สองฝ่ามือและ ปัง! ประทับเข้าใส่ฉินเฟิง

 

ปัง ปัง ปัง ปัง!

 

ฝ่ามือประทับลงอย่างต่อเนื่อง กระแทกทำลายโล่ปราณกำลังภายในของฉินเฟิง หยวนหงเฟยวูบกายโฉบซ้ายโฉบขวา ระดมฝ่ามือใส่ฉินเฟิงจากทุกทิศทาง

 

อย่างไรก็ตาม ปลดปล่อยออกไปกว่าสิบฝ่ามือแล้ว ฉินเฟิงกลับยังคงนิ่งเฉย ตรงกันข้าม เป็นกำลังภายในของหยวนหงเฟย ที่รักษาต่อไปไม่ไหว

 

ฉินเฟิงแสยะยิ้มหยัน ปากเอ่ย “พอได้แล้วมั้ง อย่าเปลืองแรงเปล่าอีกเลย ยอมตายซะดีๆ ฉันจะได้ดูดซับกำลังภายในของแกได้ง่ายขึ้น!”

 

ในหัวใจของหยวนหงเฟยกระตุกไหว ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว ว่าฉินเฟิงมิใช่คนธรรมดา

 

เนื่องจากหยวนหงเฟยเป็นคนของพันธมิตรองค์กรมืด ดังนั้นเขาเคยสังหารผู้คนเป็นจำนวนมาก ประกาศจับของเขาก็มีมากมายเช่นกัน เขาเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ต่อสู้ ดังนั้นเมื่อเห็นว่าไม่อาจชนะศัตรูได้ ก็ตัดสินใจหันหลังหนีทันที

 

ฉินเฟิงไม่คิดว่าหยวนหงเฟยจะตอบสนองได้รวดเร็วอย่างนี้ ไม่เสียเวลาขบคิด ก้าวสะอึกไล่ติดตาม

 

“ก้าวอัคคี!”

 

ตูม!

 

ระยะทางกว่าร้อยเมตร หดแคบลงทันตา

 

หยวนหงเฟยใช้ออกด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี วิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง

 

แต่ในเวลานั้นเอง กลิ่นอายแห่งความมืดก็ปะทุเข้ามาจากเบื้องหลัง

 

หวือออ!

 

อบิลิตี้มืดกระทบและแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของหยวนหงเฟย วิสัยทัศน์ของเขามืดบอด ประสาทสัมผัสทั้งห้าจางหาย 

 

เมื่อความมืดมิดปกคลุมไปทั้งจิตสำนึก ฝีเท้าของเขาก็ชะงักไป

 

และโอกาสทองเช่นนี้ ฉินเฟิงย่อมคว้ามันไว้

 

เจ้าตัวถลาลงจากฟากฟ้า มีดกษัตริย์ครามในมือวาดลงเป็นแนวทแยง ตัดศีรษะของหยวนหงเฟยโดยตรง!

 

ฉินเฟิงวาดมือคราหนึ่ง หัวลอยมาอยู่ในมือเขา

 

“เก็บไว้ก่อนแล้วกัน เอาไว้ค่อยไปแลกเงินรางวัลทีหลัง”

 

ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มจาง โฉบกายลงวางมือลงบนศพของหยวนหงเฟย