บทที่ 125 ท่าทางของเจ้าอยากถูกลงโทษ ! (ต้น)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

บทที่ 125 ท่าทางของเจ้าอยากถูกลงโทษ ! (ต้น)

“วิ่ง !”

เสียงที่ว่าหาใช่ใครอื่น เป็นเสียงของสตรีลึกลับซึ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอยนั่นเอง !

อย่างไรเสีย เยี่ยฉวนย่อมเชื่อมั่นในคำของสตรีลึกลับ !

ทว่าเหล่าทหารอารักขาเมื่อเห็นว่าจู่ ๆ เยี่ยฉวนพาเจียงจิ้ววิ่งออกไป ต่างตกตะลึงในคราแรก แต่เมื่อ ไหวตัวจึงเข้าสกัดบุคคลทั้งสอง

ชายหนุ่มหยุดกึกเขาหันมองเจียงจิ้ว นางสบตาและเข้าใจต่อความนัยจึงหันมาออกคำสั่ง “หลีกทาง !”

หลังจากนั้นทั้งหมดจึงพากันออกไปเสียจากอาคารสำนักอัปสรเมรัยอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่พวกเขาออกสู่ภายนอกอาคารสำนักอัปสรเมรัย พลังมหาศาลชนิดหนึ่งพลันพุ่งใส่ชั้นบนสุดของสำนักอัปสรเมรัย

ตู้ม !

สิ้นเสียงระเบิด อาคารสักนักอัปสรเมรัยพลันพังทลายลงบางส่วนทันที ขณะเดียวกันภายนอกก็ได้ อลหม่านไปด้วยเงาของผู้คนที่แตกตื่นวิ่งหนีกันชุลมุนออกจากอาคาร พร้อมกับเสียงหวีดร้องด้วยความตื่น ตระหนก

ในเวลาเดียวกันนั้น เยี่ยฉวนและเจียงจิ้วก็ได้รีบรุดออกไปทันทีพร้อมด้วยทหารอารักขา

ทั้งสองต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด !

พลันที่ส่วนยอดซึ่งพังทลายลงของอาคารสำนักอัปสรเมรัย ปรากฏร่างคนผู้หนึ่งสวมผ้าคลุมสีดำ ทะยานออกมาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแล่บ สังเกตเห็นได้ว่าในมือมีคัมภีร์ยุทธ์ชั้นยอดขั้นปฐพี !

คนในชุดดำตั้งท่าจะผละไปจากสถานที่ ทว่าขณะนั้นกลับมีเสียงกราดเกรี้ยวดังมาในระยะไกล

“กล้าดีนัก !”

สิ้นเสียงคน แรงผลักดันจากกลุ่มเมฆด้านบนพุ่งตรงลงมาที่ร่างคนในชุดดำด้านล่าง ก่อนคนชุดดำจะ ผลักฝ่ามือข้างขวาออก ทำให้เกิดลำแสงสว่างพุ่งวาบออกจากกลางฝ่ามือ

ตู้ม !

บังเกิดเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นสะท้านไปทั่วทั้งฟ้า ในเวลานั้นความสว่างจากแสงทำให้ท้องฟ้าในยามค่ำคืนพลันสว่างไสวราวกับเวลากลางวัน

“ขั้นผสานเทพ !”

พลันร่างชายชราผู้หนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าคนในชุดดำ สายตาจ้องเขม็งไปที่คนชุดดำ พลางร้องถาม

“เจ้าคือใคร ? เหตุใดจึงกระทำการละเมิดต่อสำนักอัปสรเมรัย ?”

“สำนักอัปสรเมรัยเช่นนั้นหรือ ? ฮ่าฮ่า…”

คนชุดดำเปล่งเสียงหัวเราะ “ที่แท้นั่นคือที่ใดกันแน่ ?”

เสียงของผู้พูดแหบห้าวและน่าประหลาด ด้วยเพราะเขาสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าไว้

ชายชราเกือบจะเอ่ยตอบ ทว่าชายชุดดำกลับผลักมือขวาออกทันใดนั้น ก่อนกดฝ่ามือลงโดยเร็ว

ตู้ม !

บังเกิดแสงแปลบปลาบขึ้นเหนือศีรษะของฝ่ายตรงข้าม

ชายชราสีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน และผลักออกฝ่ามือทั้งสองขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบนจนเกิดพลังมหาศาลก้อนหนึ่งพุ่งทะลวงจากกลางฝ่ามือ

แต่ทว่าพลังก้อนนั้นเมื่อปะทะเข้ากับแสงสว่างแปลบปลาบกลับแตกระเบิดกระจายไป

จากนั้น…

ตู้ม !

ร่างของชายชราถูกพลังปะทะจากอากาศกระเด็นไปกับพื้น !

เมื่อเห็นเช่นนั้น ร่างในชุดดำหาได้ติดตามเข้าซ้ำ แสงสว่างวาบหนึ่ง ร่างทะยานออกไปในระยะไกล อย่างรวดเร็ว แค่ชั่วพริบตา คนในชุดดำก็อันตรธานหายในความมืดมิดยามราตรี

ที่พื้นดิน ชายชราเคลื่อนไหวออกจากซากหักพัง สายตาจ้องไปยังที่ไกลสุดขอบฟ้า เขาขยี้ก้อนหินในมือจนแหลกเป็นก้อนเท่าขนาดหัวแม่มือ หินเกิดสั่นสะเทือนเล็กน้อย ก่อนที่หินนั่นจะแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงเรือง ก่อนพุ่งหายไปในอากาศ

เขาส่งสัญญาณให้ใครบางคน !

ครู่ต่อมา บังเกิดเสียงการต่อสู้แว่วมาจากท้องฟ้าในระยะไกล !

เห็นได้ชัดว่า ผู้กล้าแกร่งแห่งสำนักอัปสรเมรัยมาถึงแล้ว !

ในตอนนั้นเอง สตรีนางหนึ่งเดินตรงเข้ามาที่เยี่ยฉวนและองค์หญิงเก้า !

สตรีผู้นั้นคือซู่ชิงซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการประมูลราคาก่อนหน้า นางค้อมตัวลงแสดงคารวะต่อองค์หญิง เก้า “องค์หญิงเพคะ ข้าต้องขอประทานอภัย สำนักอัปสรเมรัยจะติดตามคัมภีร์โบราณคืนมาให้เร็วที่สุด ขอทรงโปรดให้โอกาสพวกเราสักครั้งเพคะฝ่าบาทองค์หญิง !”

องค์หญิงทอดพระเนตรไปทางขอบฟ้าในระยะไกล พลันพยักหน้า “อีกห้าวันข้าจะกลับมาที่สำนักอัปสรเมรัย !”

จากนั้น นางและเยี่ยฉวนจึงรีบออกจากสถานที่แห่งนั้นทันที

เดินออกมาสักพักหนึ่ง เสียงในหัวของเยี่ยฉวน สตรีลึกลับดังขึ้นว่า “ตามเขา !”

“ตามเขา ?”

เยี่ยฉวนได้ยินเช่นนั้นพลันรู้สึกสะดุ้งในใจ

“รีบไปเร็ว !”

ฉับพลันเสียงสตรีลึกลับเร่งเร้ามาอีก “ข้าสัมผัสได้ถึงกฎแห่งเต๋าจากชายคนนั้น !”

“สัมผัสถึงกฎแห่งเต๋า !”

เยี่ยฉวนเย็นวาบตลอดสันหลัง “ผู้อาวุโส ทำไมจึงเพิ่มมาบอกข้าตอนนี้ ? ป่านนี้แล้ว เกรงว่าข้า คงไม่สามารถไล่ตามเขาทันแล้วขอรับ !”

เสียงลึกลับพูดอย่างใจเย็น “เจ้าแค่เริ่มออกตามเสียตั้งแต่ตอนนี้ มันอยากนักหรือไร ?”

เยี่ยฉวนอึ้ง “…”

“เกิดอะไรขึ้น ?” เสียงของเจียงจิ้วถามมาจากด้านข้างเยี่ยฉวน

เขารีบออกจากความคิด หันมามอง “กระหม่อมมีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ เชิญเสด็จกลับค่ายไปก่อน เถิดพะย่ะค่ะ”

พูดจบ คนพูดพลันหันหลังวิ่งออกไปทันที

เจียงจิ้วไม่ทันเอ่ยปาก คิ้วดำเรียวขมวดมุ่น นางนิ่งมองตามหลังคนที่วิ่งหายลับไป จึงหันกลับมาทาง ชายชรา “ตามเขาไป คอยดูอย่าให้เป็นอันตราย !”

ชายชราพยักหน้าครั้งหนึ่ง ร่างเกิดแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยก่อนที่จะหายไป

ทว่าไม่ช้านานนัก ชายชราพลันย้อนกลับมาที่เจียงจิ้ว สีหน้าท่าทางยุ่งยากใจ “ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ… ข้า พลัดหลงกับเขาเสียแล้ว !”

ผู้ฟังนิ่วหน้าเล็กน้อย “เป็นไปได้อย่างไร ?”

ชายชราตอบเสียงแห้ง “กระหม่อมมิทราบแน่ชัด แต่ไม่พบร่องรอยการหายตัวไป ราวกับว่าจู่ ๆ ได้หาย ไปจากโลกเสียเฉย ๆ พะย่ะค่ะ !”

ได้ยินคำกล่าวชี้แจง นางจึงได้แต่ทอดสายตาออกไปในที่ไกล ชั่วขณะหนึ่งมีเสียงพูดเบาราวกระซิบกับตนเอง “คนผู้นี้… น่าพิศวงไม่น้อย !”

นอกเขตเมืองชายแดน เยี่ยฉวนวิ่งเต็มเหยียดไปตลอดระยะทาง ในเวลาไม่นานเขาได้วิ่งเข้าสู่ใจกลาง หุบเขา ทันทีที่เข้ามาในเขตภูเขา ชายหนุ่มได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังต่อสู้แว่วมาจากหุบเขาลึก !

“หยุด !”

เสียงสตรีลึกลับร้องห้ามเสียงลั่น

เยี่ยฉวนชะงักกึก “ผู้อาวุโส ?”

สตรีลึกลับออกคำสั่ง “คอยอยู่ตรงนี้ ปล่อยให้พวกเขาต่อสู้ !”

ชายหนุ่มจึงหาที่นั่งหย่อนก้นพัก ก่อนจะถามกลับเสียงที่ดังอยู่ในศีรษะว่า “ผู้อาวุโส แท้จริงแล้วกฎแห่งเต๋าคืออะไรกันแน่ ?”

เสียงตอบมาว่า “อีกไม่นานเจ้าจะรู้เอง”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับฟัง “ผู้อาวุโส สิ่งที่อยู่บนชั้นสองฟื้นแล้ว !”

“ข้ารู้ !” มีเสียงตอบมา

เยี่ยฉวนรีบส่งคำถามออกไป “ท่านจัดการได้หรือไม่ ?”

เพี๊ยะ !

ร่างของเยี่ยฉวนกระเด็น ราวกับถูกเหวี่ยงออกไปไกลหลายจั้ง ทั้งยังกระแทกต้นไม้จนหักโค่นถึงสองต้น !

เมื่อพยุงการลุกขึ้นยืนได้ บนใบหน้าซีกขวาพลันปรากฏรอยแดงของอุ้งเท้า !

พลันเสียงสตรีลึกลับพูดขึ้นว่า “ท่าทางเจ้าคงอยากโดนทำโทษ !”

ชายหนุ่มงงงวย “…”

เสียงลึกลับกล่าวต่อไปว่า “ลืมเรื่องสิ่งที่อยู่บนชั้นสองไปเสียก่อน หน้าที่ของเจ้าในเวลานี้คือการค้นหา กฎแห่งเต๋าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หอคอยนั่นจวนจะล่มสลายนับตั้งแต่แรกแล้ว หากไม่สามารถค้นพบมันได้สักอัน เกรงว่าพวกเราต้องพบเจอกับปัญหาใหญ่ในภายหน้า”

เยี่ยฉวนคลำแก้มป้อยขณะพยักหน้า “ข้ารู้ เพียงแต่อยากบอกท่านว่าสิ่งที่อยู่ชั้นที่สอง…”