ตอนที่ 956 คิดถึงบ้าน

Elixir Supplier

956 คิดถึงบ้าน

“จริงสิ ผมได้มาจากเหว่ยจวินว่า คุณรับเป็นตัวแทนของบริษัทหนานชานเภสัชด้วย“ใช่ครับ”พันเจียโหย่วตอบ

“ซุปเสี่ยวเผยหยวนขายดีไหมครับ?”

“ขายดีมากเลยครับ”พันเจียโหย่วพูด“สินค้าไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ซื้อทั้งหมดเป็นเพราะการพูดปากต่อปากคนที่เคยใช้แล้วต่างก็พูดกันไปในทางที่ดีทั้งนั้นครับ”

“ทําไมผมเหมือนกําลังฟังโฆษณาอยู่เลยนะ?”หวังเย้าถามกลั้วหัวเราะ“แล้วคุณได้เอาให้คุณ
แม่ของคุณกินรึยังครับ?”

“แม่ของผมกินแล้วครับ”พันเจียโหย่วตอบ“หลังจากกินแล้วเธอรู้สึกดีขึ้นแค่เล็กน้อยเท่านั้น”“อืมโดยพื้นฐานแล้วซุปเสี่ยวเผยหยวนมีฤทธิ์อ่อนและไม่มีผลข้างเคียงใดๆ”หวังเย้าพูด“มัน

สามารถใช้เป็นยาบํารุงในระยะยาวได้แต่ปัญหาที่แม่ของคุณมีก็คือการไหลเวียนโลหิตและฉีที่ไม่ราบรื่นถึงยาตัวนี้จะมีประโยชน์ แต่ร่างกายก็สามารถดูดซึมได้แค่เล็กน้อยเท่านั้นทําให้ประสิทธิภาพของตัวยาลดลงไปมาก”

“แล้วตอนนี้เชียนเชิงใช้ยาอะไรอยู่เหรอครับ?”“ยาตัวนี้มีชื่อว่าซุปเป่ยหยวนครับ”หวังเย้าตอบ“หรือมันจะเป็นต้นตําหรับของซุปเสี่ยวเผยหยวน?”พันจวินถามข่าๆ

“คุณจะพูดแบบนั้นก็ได้ครับ”หวังเย้าพูด

ซุปเป่ยหยวนถูกดัดแปลงและปรับปรุงจนกลายมาเป็นซุปเสี่ยวเผยหยวน สมุนไพรวิเศษถูกแทนที่ด้วยสมุนไพรธรรมดาทําให้ฤทธิ์ของตัวยาลดลงไปมากเพราะสมุนไพรหลักของยาชนิดนี้ก็คือสมุนไพรวิเศษเมื่อพูดถึงแพทย์แผนจีนแล้วในตัวยาก็จะมีทั้งสมุนไพรตัวหลักจากนั้นก็ตามมาด้วยสมุนไพรตัวรองสมุนไพรตัวหลักนั้นเป็นองค์ประกอบที่สําคัญที่สุดดังนั้นเมื่อเปลี่ยนมันก็

เท่ากับเป็นการเปลี่ยนตัวยาให้กลายเป็นยาอีกชนิดหนึ่งแทน

หลังจากที่หญิงชราดื่มยาไปได้ไม่นานหวังเย้าก็เริ่มนวดให้กับเธอด้วยเทคนิคพิเศษเขาได้ใช้วิธีการนวดแบบทุยหนาเพื่อช่วยเรื่องการไหลเวียนโลหิตและฉีมันได้ไปกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและฉีเพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมตัวยาได้ดีขึ้นหลังจากนั้นสักพัก ใบหน้าที่ซีดเซียวของหญิงชราก็เริ่มมีสีสันขึ้นมาเล็กน้อย ประสิทธิภาพของยาตัวนี้สูงกว่าซุปเสี่ยวเผยหยวนถึง 10 เท่าและร่างกายยังสามารถดูดซึมได้ง่ายด้วยทั้งหมดเป็นเพราะความมหัศจรรย์ของสมุนไพรวิเศษไม่ใช่แค่ประสิทธิภาพของสมุนไพรวิเศษเท่านั้นแต่การดูดซึมตัวยาก็ยังง่ายกว่าด้วยหวังเย้าจดจ่ออยู่กับการนวดที่ช่วงเอวและขาของหญิงชรา

“โอ้ สบายจริงๆ!”หญิงชราทอดถอนใจการนวดของหวังเย้าทําให้เธอรู้สึกสบายมาก

เมื่อการนวดจบลง มันก็ผ่านไปถึงสองชั่วโมงแล้ว“รู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ?”หวังเย้าถาม

“อืม ฉันรู้สึกสบายมากแล้วร่างกายของฉันก็รู้สึกอุ่นด้วย”หญิงชราพูด “ที่สําคัญไปกว่านั้นขาทั้งสองข้างของฉันก็รู้สึกอุ่นเหมือนกัน ก่อนหน้านี้พวกมันทั้งเย็นแล้วก็ปวดอยู่ตลอด”

ในอดีต ขาทั้งสองข้างทําให้เธอทรมานพวกมันทั้งเย็นและปวดจนเธอไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้

ไม่ว่าจะเป็นตอนนั่งหรือตอนนอนเธอก็รู้สึกกระสับกระส่ายอยู่ตลอดเวลาตอนกลางคืนเธอก็นอนหลับไม่สนิทการที่ไม่มีพวกมันยังจะดีเสียกว่าแต่เธอก็ยังมีความหวังที่ว่าสักวันหนึ่งเธอจะ

สามารถหาหมอที่สามารถรักษาและช่วยให้เธอกลับมายืนขึ้นได้อีกครั้งหนึ่ง

“มันเป็นปฏิกิริยาปกติครับ”หวังเย้าหันไปทางพันเจียโหย่วและพูดว่า“พรุ่งนี้ให้กลับมาอีกครั้ง

เวลาเดิมนะครับ”

“ได้ครับ รบกวนแล้วครับ หมอหวัง”เขาเปลี่ยนค่าเรียกหวังเย้าใหม่

หลังจากที่ได้เห็นการรักษาของหวังเย้าเขาก็เริ่มเชื่อคําพูดของเจิ้งเหว่ยจวินขึ้นมาบ้างแล้วหลังจากพูดแสดงความขอบคุณและจ่ายเงินค่ารักษาแล้วเขาก็พาแม่ของเขากลับออกไปหลังจากขึ้นนั่งบนรถแล้วพันเจียโหย่วก็ถามเสียงเบาว่า “แม่แม่รู้สึกดีอย่างที่พูดจริงๆเหรอครับ?”เขายังคงนวดขาให้กับแม่ของเขาเพื่อเป็นการกระตุ้นกล้ามเนื้อ

“จริงสิจ๊ะทําไมแม่ต้องโกหกลูกด้วย?มีครั้งเดียวเท่านั้นที่แม่รู้สึกดีแบบนี้ก็คือเมื่อสามปีก่อนตอนที่แพทย์แผนจีนในเจียงซูกับเจ้อเจียงรักษาให้กับแม่”

“โอ้ ถ้าอย่างนั้นก็ดีๆ”

สามปีก่อนพันเจียโหย่วพาแม่ของเขาไปรักษากับแพทย์แผนจีนเฒ่าการรักษาของเขาได้ผลดีแต่โชคร้ายที่เขาแก่มากแล้วหลังจากที่พวกเขาเริ่มไปรักษากับเขาได้ไม่นานเขาก็เสียชีวิตลงไป ดังนั้น แม่ของเขาก็เลยไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง

“ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็อยู่ที่นี่กันอีกสามวันนะครับ”

“ได้สิ ไว้ค่อยกลับบ้านก่อนปีใหม่ก็ได้”หญิงชราพูด

“ผมจะจัดการตามนั้นครับ ผมรับรองเลยว่าเราจะได้กลับบ้านกันก่อนปีใหม่แน่”พันเจียโหย่วพูดเขารู้ว่าหญิงชรานั้นคิดถึงหลานชายและหลานสาวของเธอมาก

“อากาศในหมู่บ้านกลางเขาแบบนี้เย็นจริงๆ”หญิงชรานั่งอยู่ในรถและมองดูสองข้างทางตลอดทางพวกเขาเห็นคนผ่านไปแค่สองคนเท่านั้นและสองคนนั้นก็ยังเป็นคนแก่ด้วย

“เดี๋ยวนี้ คนหนุ่มสาวไม่ค่อยอยากจะมาอยู่ในหมู่บ้านแบบนี้กันหรอกครับ”พันเจียโหย่วพูด“พอสบโอกาสพวกเขาก็ย้ายเข้าเมืองทันที”
ล่ะ?”

“แล้วลูกว่าหมอหวังคิดอะไรอยู่?ทําไมเขาถึงได้มาอยู่ในหมู่บ้านกลางเขาที่มีแต่คนแก่ด้วย

“ต่างคนต่างความคิดครับ”เขาพูด“บางคนที่มีความสามารถโดดเด่นก็มักจะมีความคิดที่ต่างไปจากคนปกติแล้วผมก็ไม่เห็นว่าหมู่บ้านนี้ไม่ดีตรงไหนอากาศสดชื่นและเงียบสงบดีด้วย”“นั่นก็จริง เหมือนกับบ้าเนกิดของพวกเรา”

หลังจากอยู่ในเมืองหลวงมาได้สักพักคนเราก็มักจะคิดถึงบ้านเกิดของตัวเอง

พวกเขามาถึงตัวเมืองและหาโรงแรมเพื่อเข้าพัก

ในหุบเขาพันโอสถที่ห่างออกไปหลายพันไมล์เมี่ยวชิงเฟิงและเมี่ยวฉางหงได้กลับมาจากเขต

เหอแล้วพวกเขารายงานเรื่องราวทุกอย่างให้เมี่ยวซีเหอฟังอย่างละเอียด

“แมลงพิษชนิดนี้อยู่ได้อย่างมากก็แค่หนึ่งเดือนเธอต้องใส่ใจให้มาก”

“ครับ ผมก็รีบเหมือนกันก่อนปีใหม่ไม่ถึงเดือนผมคิดว่าพวกเขาจะต้องไปที่นั่นสักครั้งแน่ๆผมได้บอกให้คนคอยจับตาดูเป็นพิเศษแล้วครับ”
“ดี”

วันที่สองหลังจากที่พวกเขากลับหุบเขาหลู่ซิ่วเฟิงกับหยางกวนเฟิงก็ตามไปหาพวกเขาที่หุบเขาพันโอสถในความคิดของหลู่ซิ่วเฟิงก็คือพวกเขาต้องตีเหล็กตอนที่มันยังร้อนๆอยู่

เมื่อได้พบกับเมี่ยวซีเหอพวกเขาก็รีบขอบคุณอีกฝ่ายทันที หลังจากนั้นพวกเขาก็เอ่ยความคิดของพวกเขาออกไปคาดไม่ถึงว่า เมี่ยวซีเหอจะให้ความสนใจในข้อเสนอของพวกเขาเขายังถามรายละเอียดลึกลงไปด้วย

เที่ยงวันนั้น ทั้งสองก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นอีกครั้งที่หลู่ซิ่วเฟิงได้ลิ้มรสเหล้าที่มีแค่ในหุบเขาเท่านั้น

“ผู้นําาเห็นด้วยกับพวกเขาจริงๆเหรอครับ?”

“การใช้ฉันเป็นเหยื่อเพื่อล่อเมี่ยวเทียนชวนออกมาเป็นความคิดที่ไม่เลว!”

“แต่เมี่ยวเทียนชวนเสียสติไปแล้วเขาสามารถทําเรื่องอันตรายได้ทุกอย่างผู้นําาไม่จําเป็นต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงเลยนะครับ”

“ฉันก็ไม่ได้รับปากนี่จริงไหม?”เมี่ยวซีเหอถามด้วยรอยยิ้ม

“แล้วเรื่องของเสี่ยวเหอเป็นยังไงบ้าง?”

“ราบรื่นดีครับ”

“ดี ดีมาก” เมี่ยวซีเหอพูด

เมี้ยวซีเหอไม่ได้ให้ค่าตอบกับหลู่ซิ่วเฟิงแต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธพวกเขาเช่นกันเขาเพียงแค่พูดว่า เขาขอคิดดูก่อนเท่านั้น

“เขาไม่ตกลง!”

“คุณไม่ได้ยินที่เขาพูดเหรอ?”หยางกวนเฟิงถาม“เขาไม่ได้เห็นด้วยกับพวกเราแต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธพวกเราเหมือนกันนั่นก็หมายความว่าเรายังมีหวังอยู่แล้วตอนนี้ก็ใกล้จะปีใหม่แล้วเขาเป็นถึงผู้นําของหุบเขาแล้วเรื่องก็เกิดขึ้นมาได้สักพักแล้วเขาจําเป็นต้องใช้เวลาในการดูแลที่นี่ด้วย”

“อืม ถ้าอย่างนั้นรอหลังปีใหม่แล้วเราก็ต้องมาที่นี่กันอีกครั้งสินะ?”

“ใช่ ก็คงต้องเป็นแบบนั้นหวังว่าเมี่ยวเทียนชวนที่ซ่อนตัวอยู่จะไม่ทําเรื่องอะไรให้เราต้องประหลาดใจตอนปีใหม่ก็แล้วกัน!”หยางกวนเฟิงนั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับและจุดบุหรี่สูบ

“คุณเรียนด้านจิตวิทยาอาชญากรมาไม่ใช่เหรอทําไมคุณไม่ลองวิเคราะห์ดูล่ะ?คุณคิดว่า

ตอนนี้เดี่ยวเทียนชวนกําลังคิดอะไรอยู่?”

สายตาของหลู่ซิ่วเฟิงจับจ้องไปด้านหน้าเขาไม่พูดอะไรอยู่นาน

หลังจากนั้นสักพักเขาก็พูดขึ้นมาว่า“บอกตามตรงนะผมวิเคราะห์อะไรไม่ได้เลย”“แต่เขาคงไม่ได้อยู่เฉยๆแน่เขาคงจะกําลังทำอะไรสักอย่างและต้องเป็นอะไรที่ทําให้เราต้องประหลาดใจ”

ภายในเมืองที่ห่างออกไปไม่กี่ร้อยไมล์เมี่ยวเทียนชวนและเมี่ยวชิงชานนั่งอยู่ด้วยกันในร้านหม้อไฟ

ในระหว่างนี้พวกเขาอาศัยอยู่ไม่ไกลและไม่ได้ออกไปไหนเลย

“ปีใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว!”เดี่ยวชิงชานถอนหายใจ

ตามปกติ นี่เป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายที่สุดในหุบเขาทุกคนต่างกําลังเตรียมตัวสําหรับปีใหม่ที่กําลังจะมาถึงปีใหม่นั้นหมายถึงงานมากมายที่ต้องทําในหุบเขาตอนนี้ความครึกครื้นเหล่านั้น

ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไปและจะเป็นแบบนี้ตลอดไป

พวกเขาปรับเปลี่ยนหน้าตาของตัวเองเพื่อที่พวกเขาจะสามารถมานั่งกินในร้านหม้อไฟได้

ช่วงนี้ การตรวจสอบพื้นที่โดยรอบที่พวกเขาอยู่นั้นค่อนข้างเข้มงวดขึ้นมากเมื่อตํารวจเห็นคนแปลกหน้าพวกเขาก็จะขอดูบัตรประจําตัวและถามคําถามมีหลายครั้งที่พวกเขาสองคนถูกตํารวจเรียกตรวจเดี่ยวชิงชานรู้สึกราวกับหัวใจมาอยู่ที่ลําคอเขาคิดว่าจะถูกจับได้แล้วแต่โชคดีที่เกี่ยวเทียนชวนสามารถจัดการทุกอย่างได้ จากการที่เคยเกี่ยวพันกับธุรกิจการลอบสังหารและลักลอบนําเข้าสิ่งผิดกฎหมายมาก่อนเมี่ยวเทียนชวนได้พบเห็นอะไรมามากทําให้เขายังสามารถใจเย็น

ได้อยู่

ฉันอยากย้อนกลับไปในอดีตจริงๆ!เดี่ยวชิงชานถอนหายใจเขาหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาและดื่ม

จนหมดแก้ว

“นายกําลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”เดี่ยวเทียนชวนถาม

“ฉันกําลังคิดถึงหุบเขา ปีใหม่ และวางแผนสําหรับอนาคต”เมี่ยวชิงชานพูดเขาไม่ได้โกหก

เขาพูดออกไปตามที่คิด