บทที่ 376 ความผิดของจวนราชครูจวิน

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 376 ความผิดของจวนราชครูจวิน
ท่านอ๋องตวนหยิบปากกาและหมึกดำออกมาเขียนหนังสือรับรองหนี้สินให้ฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นมองดูแวบหนึ่ง ก่อนจะรับมาและพับเก็บเรียบร้อย จากนั้นทั้งสองคนก็เดินไปยังตำหนักเฉาเฟิ่ง

ระหว่างทางฉีเฟยอวิ๋นได้บอกเรื่องที่ต้องทำต่อไปแก่ท่านอ๋องตวน ซึ่งเขาได้ถามขึ้นว่า : “เจ้ารับรองได้หรือว่าข้าจะไม่ตาย?”

“หากท่านอ๋องตวนสามารถเพิ่มศูนย์หลังจำนวนห้าแสนตำลึงมากขึ้นเป็นเท่าหนึ่งได้ ข้าก็กล้ารับรองว่าท่านอ๋องตวนและพระชายาจะมีบุตรสมปรารถนาภายในปีหน้าอย่างแน่นอน”

ฉีเฟยอวิ๋นพูดล้อเล่นเท่านั้น แต่ท่านอ๋องตวนกลับหยุดก้าวเดินและกล่าวถามว่า : “จริงหรือ?”

ฉีเฟยอวิ๋นจึงฝืนพยักหน้า : “จริงแน่นอนเพคะ!”

“เช่นนั้นก็ดี หากเรื่องนี้เสร็จสิ้น ข้าจะเพิ่มให้เจ้าหนึ่งเท่า” กล่าวจบท่านอ๋องตวนก็ยิ้มร่าอย่างเบิกบานใจ เหมือนกับเด็กสามขวบที่ถูกหลอกอย่างไรอย่างนั้น และเดินหน้าต่ออย่างมีความสุข

ฉีเฟยอวิ๋นเดินตามอยู่ด้านหลังด้วยความรู้สึกประหลาดใจ เช่นนี้ก็ได้หรือ?

นี่แหละน่า ชายหนุ่มที่จมอยู่ในห้วงแห่งความรักมักไม่มีสมองทั้งนั้น!

เมื่อมาถึงตำหนักเฉาเฟิ่ง ฉีเฟยอวิ๋นและท่านอ๋องตวนก็รีบเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิก่อน เมื่อพระพันปีเห็นท้องของฉีเฟยอวิ๋นที่ไม่ได้เจอะเจอกันนานหนึ่งเดือนโตขึ้นมากแล้ว จึงรู้สึกดีใจไม่น้อย

ดูท่าครรภ์นี้คงจะแข็งแรงมาก

“พระชายาเย่ตั้งครรภ์อยู่ ออกแรงมากไม่ได้ ขึ้นมานั่งเถอะ”

พระพันปีส่งสัญญาณให้ไห่กงกงรีบจัดเก้าอี้ตัวหนึ่งให้แก่นาง ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวขอบพระคุณและเดินไปนั่งลงข้างกายพระพันปี

ท่านอ๋องและคนอื่น ๆ ยืนอยู่หน้าพระพักตร์ วันนี้จักรพรรดิอวี้ตี้และฮองเฮาล้วนเสด็จมาถึงอย่างพร้อมเพรียง ทั้งสองคนนั่งอยู่อีกด้าน แต่กลับเฉิดฉายและโดดเด่นมากทีเดียว

เวลานี้พระมเหสีหวานั่งอยู่อีกด้าน ดูท่าทางอาการป่วยไม่ค่อยสู้ดีนัก ฉีเฟยอวิ๋นจึงมองเข้าไปในดวงตาสีดำเข้มคู่นั้นของนาง เพราะอยากรู้ปฏิกิริยาที่แสดงออกมาต่อหน้าฮูหยินใหญ่กั๋วกง

ฮูหยินใหญ่กล่าวขึ้นว่า : “ฝ่าบาท เรื่องงานอภิเษกสมรสของฉวนเอ๋อร์ หากฝ่าบาทยอมเป็นเจ้าภาพ หม่อมฉันและจวนกั๋วกงคงจะซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณมากเพคะ”

จักรพรรดิอวี้ตี้ลำบากใจ ที่นี่คือตำหนักเฉาเฟิ่ง หากเขาเป็นเจ้าภาพก็เท่ากับไม่ให้เกียรติเสด็จแม่ของเขา

“ฮูหยินใหญ่ เรื่องงานอภิเษกสมรส การจะให้คนภายนอกมาเป็นเจ้าภาพในครานี้ ต้องขึ้นอยู่ท่านอ๋องตวนและพระชายาด้วยนะเพคะ

ถึงอย่างไรเสียนี่ก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ทั้งสองคนจะแต่งงานกันก็ได้”

“ฝ่าบาท ฉวนเอ๋อพยายามทุกวิถีทางเพื่อตัดขาด แต่ท่านอ๋องตวนไม่ยอม เขายอมทำทุกอย่าง ต่อให้ไม่อยากบีบบังคับฉวนเอ๋อร์ก็ตาม หากหม่อมฉันต้องทนเห็นฉวนเอ๋อร์ตายไปต่อหน้าต่อตา หม่อมฉันก็คงทำไม่ได้

ฝ่าบาท หากวันนี้ฉวนเอ๋อร์ตัดขาดไม่ได้ หม่อมฉันก็ทำได้แค่ต้องยอมตาย”

ฮูหยินใหญ่เตรียมจะคุกเข่าลง!

เมื่อเห็นฮูหยินใหญ่กำลังจะคุกเข่าลง ฉีเฟยอวิ๋นจึงรีบกล่าวออกไป : “ฮูหยินใหญ่ ช้าก่อน!”

ทุกคนมองไปยังฉีเฟยอวิ๋น นางลืมสถานะของตนเองอีกแล้ว จึงรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะคุกเข่าลงอีกครั้ง: “หม่อมฉันร้อนใจกลัวว่าเรื่องนี้จะร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม ได้โปรดเสด็จแม่ พระมเหสี ฝ่าบาท ฮองเฮาอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ”

ในรัชสมัยนี้ เรื่องที่ฉีเฟยอวิ๋นไม่พอใจเป็นที่สุดคือการคุกเข่าคารวะ เห็น ๆ อยู่ ว่านางเข้าออกวังไม่ได้น้อยไปกว่าคนเหล่านั้น

หากว่าพวกเขาไม่ได้เจอะเจอคนในราชสำนัก ก็คงจะหลีกเลี่ยงการทำความเคารพไปได้ไม่น้อย

ฮองเฮาประคองตัวฉีเฟยอวิ๋นให้ลุกขึ้น : “ลุกขึ้นเถอะ เจ้ามีครรภ์อยู่ อย่าได้คุกเข่าเลย เห็นเจ้าลำบากเช่นนี้ ตั้งแต่บัดนี้ไป ข้าขอออกคำสั่งให้เจ้า ก่อนให้กำเนิดบุตร เจ้าห้ามคุกเข่าทำความเคารพข้าอีก”

“ข้าก็ด้วย” พระมเหสีหวาคล้อยตาม

“ข้าก็เป็นกรณียกเว้น”

“ข้าด้วยละกัน”

แม้แต่จักรพรรดิอวี้ตี้และฮองเฮาก็ล้วนละเว้น ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก

ดูท่า การคุกเข่าในครานี้ถือว่าคุ้มค่า

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวขอบพระคุณ จากนั้นก็มองไปยังฮูหยินใหญ่กั๋วกงที่อยู่ด้านล่าง นางกล่าวอย่างเชื่องช้าว่า : “ฮูหยินใหญ่ การตัดขาดนี้ เป็นความประสงค์ของพระชายาตวนใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

“เป็นความประสงค์ของนาง ฉวนเอ๋อร์ก็อยู่ ข้าจะบีบนางให้ทำเรื่องที่ไม่อยากทำได้อย่างไร?” เพื่ออวิ๋นหลัวฉวน ฮูหยินใหญ่กั๋วกงจึงได้ยอมทุ่มสุดตัว

ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังอวิ๋นหลัวฉวนที่คุกเข่าอยู่ จากนั้นก็มองไปยังท่านอ๋องตวนที่กำลังกระวนกรายใจจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง

“เสด็จแม่ หม่อมฉันเองก็เคยคิดจะถามเรื่องนี้ ถึงอย่างไรหม่อมฉันก็เป็นผู้ตรวจสอบภายใน บางเรื่อง หม่อมฉันก็ต้องถามให้แน่ใจ หม่อมฉันไม่อยากละเลยหน้าที่”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ถามมาเถอะ”

พระพันปีโบกมือไปมา ฉีเฟยอวิ๋นจึงเดินลงมาจากด้านบน ไห่กงกงจึงรีบเดินมายังบันได และประคองฉีเฟยอวิ๋นเดินลงมา

เมื่อมาถึงด้านล่างฉีเฟยอวิ๋นจึงได้หันไปมองฮูหยินใหญ่กั๋วกงและกล่าวถามว่า : “ฮูหยินใหญ่ ท่านอยากให้พระชายาตวนตัดขาดจากท่านอ๋องตวน เพราะกลัวว่าวันข้างหน้าพระชายาตวนจะได้รับความขมขื่นอีกใช่หรือไม่?”

“เดิมทีฉวนเอ๋อร์ไม่อยากอภิเษกสมรสกับท่านอ๋องตวนอยู่แล้ว หม่อมฉันเคยพูดกับนางไว้ นางต้องปกป้องท่านอ๋องตวน นางถึงยินยอมอภิเษกสมรสและกลายเป็นพระชายารองของท่านอ๋องตวน

แต่ท่านอ๋องตวนเมตตาต่อฉวนเอ๋อร์ หม่อมฉันจึงได้สบายใจ

ฉวนเอ๋อร์เคยบอกว่าเพื่อจวินฉูฉู่ ท่านอ๋องตวนยอมละทิ้งชีวิต หม่อมฉันเข้าใจว่าท่านอ๋องตวนมีคนที่ท่านรักอยู่แล้ว แต่คำว่ารักคำนี้ท่านอ๋องตวนไม่ได้ให้ฉวนเอ๋อร์ และไม่เคยมีแต่ไหนแต่ไรมา บัดนี้ก็ไม่มี คิดว่าในอนาคตก็คงจะไม่มีเช่นกัน

ในเมื่อไม่มี ฉวนเอ๋อร์จะต้องทุกข์ใจมากมายถึงเพียงนั้น เรื่องนี้หม่อมฉันคิดว่าปล่อยมันเสียเถิด”

ฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางท่านอ๋องตวน : “ท่านอ๋องตวน ท่านมีสิ่งใดจะกล่าวกับพระชายาตวนหรือไม่เพคะ?”

ท่านอ๋องตวนมองไปยังอวิ๋นหลัวฉวนที่กำลังคุกเข่าไร้การเอื้อนเอ่ย : “ฉวนเอ๋อร์ ที่ข้าเคยเดิมพัน เจ้ายังจำได้หรือไม่?”

อวิ๋นหลัวฉวนอึดอัดใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก บัดนี้ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี

“ตอนนั้นหม่อมฉันแค่ตอบตกลงว่าจะไม่ไป ไม่ได้บอกว่าไม่…..” ตัดขาดสองคนนี้อวิ๋นหลัวฉวนกลับพูดไม่ออก นางตอบตกลงไปแล้วจริง ๆ

ท่านอ๋องตวนสะบัดชายเสื้อคุกเข่าลงข้างอวิ๋นหลัวฉวน : “เสด็จแม่ ฮองเฮา ฝ่าบาท กระหม่อมอยากใคร่ถามฮูหยินใหญ่สักสองสามคำ”

“ถามสิ” พระพันปีช่วยท่านอ๋องตวนอย่างสุดความสามารถ

ท่านอ๋องตวนมองไปยังฮูหยินใหญ่กั๋วกง : “ฮูหยินใหญ่ หากฉวนเอ๋อร์ยอมอยู่ต่อ จะไม่ตัดขาดได้หรือไม่?”

“ย่อมได้ หากฉวนเอ๋อร์ยอมอยู่ต่อ นางกล่าวเช่นไรก็ว่าตามเช่นนั้น”

ฮูหยินใหญ่กั๋วกงคิดว่า ไม่ว่าอย่างไรอวิ๋นหลัวฉวนจะต้องตัดใจอย่างแน่นอน

หนานกงเหยี่ยนมองไปยังอวิ๋นหลัวฉวน : “ฉวนเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าข้าทำเจ้าร้ายจิตใจของเจ้า แต่ข้าไม่เคยบอก ว่าข้าชอบเจ้า

ข้าไม่ปฏิเสธ ยอมรับว่าข้ามีตาหามีแววไม่ มองจวินฉูฉู่ผิดไป

เดิมทีข้ารู้อยู่แล้ว ว่าจวินฉูฉู่นางเป็นคนจิตใจเหี้ยมโหด

นางทำร้ายพระชายาเย่ครั้งแล้วครั้งเล่า ปั้นน้ำเป็นตัวต่อหน้าข้า และยังทำให้ข้าและท่านอ๋องเย่ขัดแย้งกันเอง ข้าไม่พูด ไม่ใช่เพราะข้าไม่รู้ไม่เห็น เพียงแต่ข้าทำร้ายผู้ใดไม่ได้ ข้าจึงทำได้แต่ต้องเสแสร้งแกล้งทำไม่รู้ไม่เห็น

เรื่องที่ข้าไม่ยอมรับที่สุดคือ ความรู้สึกดี ๆ ที่ข้ามีต่อฉวนเอ๋อร์ ความดีของฉวนเอ๋อร์ข้าจดจำไว้ขึ้นใจ

เพียงแต่ข้าไม่อาจเข้าใจถึงหัวใจของฉวนเอ๋อร์

ข้าเป็นบุรุษที่มีหญิงงามไล่ตามมาตลอด หวังจะได้คนที่ข้าชมชอบมากที่สุด จวินฉูฉู่ข้าชอบนาง ข้าคิดว่านางคือคนที่ข้าปรารถนาที่สุด

แต่ต่อมาข้าถึงได้รู้ ความงามของนางคือความสมบูรณ์ที่ข้าคิดมาตลอด ดังนั้นนางจึงได้อยู่เคียงข้างข้า ข้าจึงปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตา

ข้ายอมรับ ว่าข้าชอบนาง

แต่ข้าชอบในความดีของนาง เหตุผล ความใจดีของนาง

แต่ต่อหน้าข้า นางมักฉวยโอกาสตอนที่ข้าหลับ สร้างความอับอายให้ข้า ทำร้ายข้า หัวใจของข้าต้องหลั่งเลือดชอกช้ำใจ ข้าทุกทรมานอย่างมาก”

“อะไรนะ?” พระมเหสีระเบิดความโกรธออกมา

สีหน้าของพระพันปีแย่ลงในชั่วพริบตาเดียว

แม้แต่ฉีเฟยอวิ๋นก็ล้วนไม่สบอารมณืไปตาม ๆ กัน

พระชายาถือโอกาสตอนที่ท่านอ๋องหลับทำร้ายเขา แต่นั้นคือความผิดร้ายแรงเชียวนะ อย่าว่าแต่นางเองเลย แม้แต่ตระกูลจวิน ก็ล้วนต้องรับโทษทั้งสิ้น

ตอนนี้จวินฉูฉู่ไม่อยู่แล้ว แต่เกรงว่าตระกูลจวินก็คงจะหลีกหนีความผิดนี้ไม่ได้