26 ย้ายห้อง

ปล้นสวรรค์

SPH:บทที่ 26 ย้ายห้อง

 

“น้องชายเย่หยู รอฉันด้วยสิ!” เสียงเรียกดังขึ้นจากด้านหลังเย่หยู

หลังจากงานพิธีอำลาผู้อาวุโสถัง เย่หยู ผู้ซึ่งกำลังเดินไปยังโรงเรียน หยุดชะงักและหันกลับมามอง พบหมอหนุ่มคนหนึ่ง ผู้ซึ่งวิ่งตามทันจนได้

“มีอะไรเหรอครับ?”

 

เมื่อมองดูหมอหนุ่ม กำลังวิ่งเหยาะๆ ตรงมาทางเขา เย่หยูเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

หมอหนุ่มจ้องมองเย่หยู พลางครุ่นคิดสักครู่ ก่อนจะประมวลความคิดของตนเอง

“เอ่อ ชื่อของผมคือ หลิวอี้เฟิง และผมเป็นหมอประจำอยู่ที่โรงพยาบาลกลางแห่งแรกของเมืองหมิง วันนี้ผมได้เห็นเทคนิคใช้เข็มขั้นเทพของคุณ ซึ่งสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยไว้ได้ทันเวลา ผมเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ความคาดการณ์ ตกใจแทบจะขึ้นสวรรค์ไปเลย! “

เย่หยูเหลือบมองดูที่หลิวอี้เฟิง ” ช่วยพูดภาษามนุษย์ที!”

 

หลิวอี้เฟิง เกาหัวของเขา และหัวเราะเบา ๆ “ผมอยากเรียนรู้จากคุณ!”

“ผมไม่ว่าง!”

เย่หยู กรอกตามองไปทางซ้าย

หลิวอี้เฟิงตกตะลึง ตรงๆอย่างนี้เลย?

“เดี๋ยวก่อน! น้องเย่ ผมจริงจังนะ จริงจังสุด ๆ ! ผมอยากเรียนรู้การฝังเข็มของคุณอย่างแท้จริง อัตราการผู้เสียชีวิตของคนไข้ของผมจะต้องจะลดลงอย่างมากแน่ๆ!”

 

เมื่อเย่หยู ได้ยินคำพูดของ หลิวอี้เฟิง เขาจึงหยุด และหันหลังกลับ มองดูหลิวอี้เฟิง “คุณจริงจัง?”

เมื่อหลี่อี้เฟิง ได้ยินว่าเริ่มมีความหวัง ทันใดนั้นเขาก็พยักหน้าทันที “แน่นอน ผมจริงจังมาก!”

เย่หยูคิดไตร่ตรองสักครู่แล้วพูดว่า “ไม่ใช่ตอนนี้ แต่หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง ผมจะสอนคุณให้!”

เมื่อหลี่อี้เฟิงได้ยินแบบนี้ เขารู้ว่านี่เป็นคำสุดท้ายของเย่หยู เขาทำได้แค่พยักหน้าอย่างเสียใจ “เอาล่ะ เราตกลงกันแล้วว่า คุณต้องสอนผมไปซักพัก!”

 

“หืมมม!” ไม่ต้องกังวล ผมขอตัวก่อน ถึงเวลาเรียนแล้ว “

เย่หยู ตกลง และหันหลังกลับออกไป เข้าเรียน

อันที่จริงเย่หยู อยากจะสอนหลี่อี้เฟิงจริงๆ นั่นเป็นเพราะหลี่อี้เฟิง มีความต้องการที่จะเรียนรู้อย่างแท้จริง ยิ่งมีคนอยู่ในชมรมเข็มมหัศจรรย์มากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีคนไข้ก็ยิ่งได้รับประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เย่หยู เตรียมพร้อมที่จะใช้หนังสือทางการแพทย์นำไปประมูลขาย ดังนั้นเขาไม่สามารถมอบให้หลิวอี้เฟิงได้

 

ยิ่งไปกว่านั้นคำอธิบายในหนังสือทางการแพทย์นั้นซับซ้อนมาก หากปราศจากคำอธิบายของเย่หยู มันคงยากมากที่ทำความจะเข้าใจ

เนื่องจากนั้นเย่หยู ไม่ได้มีเวลามากพอ เขาจึงเก็บเรื่องนี้เอาไว้

ในท้ายที่สุด หลิวอี้เฟิง ทำได้แค่หันหลังกลับ และมองเย่หยู เดินจากไป

เมื่อเดินผ่านทางเข้าโรงเรียนของเซียงหยู นัยน์ตาของเย่หยู ก็เปล่งประกายเมื่อเห็นโอวหยางหยู

 

นับตั้งแต่ โอวหยางหยูใส่ร้ายเย่หยู ครั้งที่แล้ว หลังจากที่เย่หยู เปิดเผยความลับของเขาออกมา เขาก็วิ่งหนีออกจากห้องเรียนไปด้วยความอับอายและโกรธเคือง เขาไม่ได้กลับมาเข้าเรียนเลย หลังจากวันนั้น

ตอนนี้เย่หยู เห็นเขาอีกครั้งและโอหยางหยู กำลังเดินมากับ ฉินชิง

พวกเขาลงเอยด้วยกันได้อย่างไร?

เย่หยูขมวดคิ้วและไม่สนใจพวกเขา เดินตรงเข้าไปในอาคารเรียน

“ฮึ!” “หยุด เสแสร้งซะที!”

 

ฉินชิงพิงแขนของโอวหยางหยู และแกล้งทำเป็นเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆที่อ่อนแอ จากมุมมองของเธอ เธอเห็นเย่หยู เดินผ่านไป จึงเย้ยหยันอย่างเหยียดหยาม

โอวหยางหยูก็เห็นเย่หยู แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะหาเรื่องเย่หยูอีก เมื่อได้ยินเสียงแหลมของฉินชิง เขาจึงถามว่า “เธอรู้จักเขาเหรอ?”

เมื่อฉินชิงได้ยินคำถามของโอวหยางหยู เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อยๆ ว่า “โอวหยาง อย่าเข้าใจผิด เขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันอีกแล้ว”

 

 

 

คิ้วของโอวหยางหยูขมวดขึ้น ขณะที่เขาพูดอย่างโหดเหี้ยม “ฉันถามว่าเธอรู้จักเขาได้ยังไง!”

ฉินชิง ไม่กล้าปิดบัง เมื่อเธอได้ยินเสียงของโอวหยางหยู

“ชื่อของเขาคือ เย่หยู เขาดูดีทีเดียว แต่เขาไม่มีเงิน หรืออิทธิพล แม้ว่าฉันอยากเป็นเพื่อนกับเขา ฉันก็ถูกปฏิเสธ หืมม!” ภูมิใจอะไรนักหนา! “

 

โอวหยางหึงหวงครู่หนึ่ง ก่อนที่จะปรากฎรอยยิ้มร้ายกาจบนใบหน้าของเขา

ฉินชิง เห็นว่าโอวหยางหยูเงียบไปนาน จึงมีความกังวลเล็กน้อย ว่าเขาจะเข้าใจความสัมพันธ์ของเธอกับเย่หยูผิด ฉินชิงรีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า

“โอวหยาง ไม่ต้องกังวล ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเย่หยู เขาเป็นเพียงคนขี้แพ้ที่ยากจนมาก เขาจะเปรียบเทียบกับคุณได้อย่างไร”

โอวหยางหยู กำกำปั้นของเขา และเรียกคืนความพ่ายแพ้ของเขาที่เผชิญหน้ากับเย่หยูครั้งก่อนกลับมา มองด้วยสายตาที่ดูน่ากลัว เขาพูดอย่างดุเดือดว่า “ถูกต้องเขาจะกล้าเปรียบเทียบกับฉันได้อย่างไร”

 

“ฮันเสวี่ย เธอสบายดีไหม?” เธอนั่งในที่นั่งของเธอ มองดูเย่หยู เล็กน้อย

วันนี้ฮันเสวี่ยแต่งหน้าเล็กน้อยโดยมีจุดประสงค์บางอย่าง อย่างไรก็ตาม ด้วยสายตาที่เฉียบคมของเย่หยู และการคาดการณ์ ของเขา

มันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะพบว่า ฮันเสวี่ย ร้องไห้เมื่อวานนี้

ฮันเสวี่ย ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อได้ยินเสียงของเย่หยู เธอกลับมามาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ” อา,เย่หยู,นายมาแล้วเหรอ

เย่หยู ชี้ไปที่ดวงตาของฮันเสวี่ย และถามอย่างเงียบ ๆ ว่า “เธอดูเหมือนจะร้องไห้มาเหรอ? เธอโอเคหรือเปล่า? “

 

ฮันเสวี่ยรีบกลอกตาของเธออย่างรวดเร็ว และพูดอย่างกระวนกระวายเล็กน้อยว่า “ไม่ ทรายเข้าตาฉันในช่วงเช้า”

เมื่อเห็นว่า ฮันเสวี่ย ไม่ได้พูดออกมา เย่หยู ก็ไม่ได้ตอแยเรื่องนี้ต่อไป

 

เช้านี้ ฉันเห็นโอวหยางหยู ฉันได้ยินมาว่าเขากำลังย้ายชั้นเรียนอยู่เหรอ?

เมื่อฮันเสวี่ย ได้ยินชื่อของ โอวหยางหยู เธอขมวดคิ้วอย่างรังเกียจ “ ฉันปล่อยเขาไปอย่างง่ายดาย ถ้าเขาไม่มีแม่เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน เขาจะถูกไล่ออกจากวิธีการใช้เล่ห์เหลี่ยมของเขา!”

 

หลังจากที่ฮันเสวี่ย พูดจบ เธอก็พูดอย่างกังวลใจว่า “เย่หยู นายต้องระวังเขาให้มากขึ้น เขาเพิ่งจะเสียหน้าครั้งใหญ่ และเขาจะไม่ปล่อยนายไปอย่างแน่นอน”

เย่หยูพยักหน้า เหมือนมีแสงไฟส่องประกายแวววาวในดวงตาของเขา “ถ้าเขาปรับปรุงตัวขึ้นก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเขากล้าที่จะมีปัญหากับฉันอีกครั้ง ฉันจะสั่งสอนเขาแน่นอน!”

ภายในห้องครูใหญ่ของโรงเรียนมัธยมเซียงหยู หลี่ซูฉู มองดูโอวหยางหยูด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร

 

แม่ของนาย บอกให้ฉันเปลี่ยนชั้นเรียน จำไว้ว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย! มิฉะนั้น แม้ว่าแม่ของนายจะเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ฉันก็จะไล่นายออกไป!”

โอวหยางหยู ซึ่งยืนอยู่ตรงข้ามกับหลี่ซูอี้ สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “ผมรู้แล้ว ครับท่านอาจารย์ใหญ่

 

หลี่ซูอี้ ไตร่ตรองสักครู่ ก่อนจะโบกมือไล่โอวหยางหยู “นายสามารถไปได้แล้ว และกลับไปทบทวนการกระทำของนาย!”

“ครับ!” โอหยางหยู ก้มหัวลงแล้วตอบรับ จากนั้นเขาก็หันหลังกลับ และออกจากห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ ปิดประตูด้านหลังเขา

ปัง!

 

โอวหยางหยู ชกกำแพงตึกโรงเรียนอย่างดุเดือด และพูดว่า “เย่หยู! ฉันจะไม่ปล่อยแกไป!”

เย่หยู รู้สึกเขาเหมือนได้รับการจับรางวัลในตอนเช้า และระหว่างเวลาพักในชั้นเรียน เย่หยู อดไม่ได้ที่จะรอดู ดังนั้นเขาจึงหาที่

ที่ไม่มีใครดูเขา ช่วงเวลาที่เขาจะแอบเปิดรางวัลของเขา

“ระบบเริ่มการจับรางวัล!”

“ปี๊บ” การจับรางวัลจะเริ่มขึ้น! “

 

รูเล็ตขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ในความคิดของเย่หยู มือที่เรียวบาง ก็เริ่มหมุนอย่างเมามัน รูเล็ตถูกแบ่งออกเป็นมากกว่าสิบส่วน ด้านบนถูกปกคลุมด้วยโมเสคหนา

ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

เย่หยู รู้ว่าเขาทำได้เพียง สุ่มเลือกมันออกมาตามที่เขาพอใจ หลังจาก รอสักครู่เขาก็ตะโกนว่า “หยุด!”

เข็มหมุนที่หมุนเร็วหยุดลงอย่างช้าๆ และโมเสคที่ชี้ไปยังบริเวณนั้นหายไปโดยเผยให้เห็นเนื้อหาในนั้น

นี่เป็นถ้วยรางวัลงั้นหรอ?

เหตุการณ์นั้นที่ผุดขึ้นในใจของเขาหายไป และสิ่งของปรากฏขึ้นอีกครั้งในมือของเย่หยู

ถ้วยมีลักษณะเป็นสีดำ เหมือนหยกนิล และมีลวดลายเมฆที่ม้วนขดอยู่รอบ ๆ มันมีรูปร่างเหมือนถ้วยไวน์แบบโบราณ แต่มีประณีตมาก

“ปี๊บ” ขอแสดงความยินดีกับเจ้าของร่าง คุณได้รับ ถ้วยเรืองแสง! “

เสียงของระบบดังขึ้นในใจของเย่หยู

 

“มันคือ ถ้วยเรืองแสง หรอ? ” ถ้วยเรืองแสงในรูปร่างคล้ายแก้วไวน์? “เย่หยูถาม

“ถ้วยเรืองแสง: โลกนี้มี หยกหายากชื่อของมันคือ หยกม่วง ลูบไล้ไปแล้วให้ความรู้สึกเหมือนเด็กสาววัยละอ่อน มีกลิ่นหอมของไวน์ที่ดี! มันถูกแกะสลักเป็นถ้วยเรืองแสงโดยปรมาจารย์

 

“ของเหลวใด ๆ ถูกเทลงในถ้วย มันจะกลายเป็นไวน์ชั้นยอด!”

ระบบมีความเอาใจใส่มาก ให้ข้อมูลโดยตรงของถ้วยเรืองแสง

มันบอบบางเหมือนเด็กสาว แต่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของไวน์รสเลิศ? หากของเหลวใด ๆ ถูกเทลงในถ้วยมันจะกลายเป็นไวน์ชั้นดี?

 

นี่เป็นเพียง ความสามารถหนึ่ง! เมื่อได้ยินการแนะนำของระบบเย่หยู ไม่มีความคิดอื่นใดในใจของเขา

เขาลูบเบา ๆ อย่างนุ่มนวล และถ้วยก็ส่องสว่างเล็ก ๆ และนำมันมา ดมที่จมูกของเขา เพื่อสูดกลิ่น มีกลิ่นหอมที่มีเสน่ห์ของไวน์ ปะทะจมูกของเขา

เพียงแค่ดมก็ทำให้มึนเมา!