บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 472

มีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับหนี้สินของเจเรมี่ และเขาก็เริ่มสูญเสียความน่าเชื่อถือในแวดวงธุรกิจเพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน

หลายคนกำลังรอคอยคำอธิบายและคำชี้แจงจากเจเรมี่ แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปสักพัก ก็ยังไม่มีอัปเดตใด ๆ จากทางทวิตเตอร์ของเขา

เฟลิเป้ได้ทำนายเอาไว้ด้วยเหมือนกันว่า เจเรมี่จะจัดการแก้ไขสถานการณ์นี้อย่างไร ถึงอย่างนั้น แม้ว่าจะผ่านไปหนึ่งวันแล้ว แต่เจเรมี่ก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา

คล้ายกับว่าเขาได้หายไป และปิดทุกช่องทางการติดต่อสื่อสารจากโลกออนไลน์

เมเดลีนเป็นคนเดียวที่รู้ว่า ตอนนี้เจเรมี่อยู่ในอพาร์ตเมนต์ของเธอ แต่ว่านี่มันผ่านไปแล้วหนึ่งวันเต็ม ๆ เขายังไม่ได้สติอีกเหรอ?

มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่ตอบโต้อะไร หลังจากที่ได้เห็นงานแถลงข่าวในวันนี้ หรือว่าอาการป่วยของเขาจะหนักขึ้น?

เมเดลีนครุ่นคิดเรื่องนี้เงียบ ๆ จากนั้นเธอก็ตามเฟลิเป้ไปยังร้านอาหารที่หรูหราที่สุดในเกลนเดล เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง เฟลิเป้เลือกเปิดขวดไวน์ที่แพงที่สุดขวดหนึ่ง

“ยินดีด้วย ในที่สุดคุณก็บรรลุเป้าหมายของคุณได้สักที เพียงเท่านี้ ทุกอย่างในบริษัทวิทแมนก็เป็นของคุณแล้ว” เมเดลีนยกแก้วไวน์ของเธอขึ้น เพื่อแสดงความยินดี

เฟลิเป้ยิ้มออกมาจากดวงตา “ก่อนที่ผมจะพบกับคุณ ความปรารถนาและเป้าหมายสูงสุดของผมคือการล้างแค้นให้พ่อแม่ อย่างไรก็ตามในตอนนี้คุณคือ ความปรารถนาที่ผมอยากจะได้รับมากที่สุด” เขาพูดพร้อมกับหยิบแหวนแต่งงานที่เขาเตรียมไว้ล่วงหน้าออกมา เพชรขนาดเท่าเม็ดถั่วกำลังสะท้อนแสงระยิบระยับภายใต้แสงสว่างที่ตกลงมากระทบ

เมื่อมองไปที่แหวนก็ทำให้เมเดลีนนึกย้อนถึงวันวานที่เธอได้แต่งงานเจเรมี่ในทันที

ถึงแม้ว่าเขาจะเย็นชามากแค่ไหน แต่ในวันนั้นเขาจับมือเธอขึ้นมาและสวมแหวนให้

“วีล่า ฉันอยากดูแลเธอตลอดไปอย่างแท้จริง เธอจะแต่งงานกับฉันไหม?”

เมเดลีนตระหนักดีว่า เธอไม่มีเหตุผลใดที่จะปฏิเสธคำขอแต่งงานที่ทั้งจริงใจและอ่อนโยนของเฟลิเป้

อย่างไรก็ตาม เธอได้ใช้ความรักและความลุ่มหลงทั้งหมดของเธอไปกับเจเรมี่หมดแล้ว เธอจึงไม่รู้ว่าการรักใครสักคนอีกครั้งควรจะรู้สึกอย่างไร

มองในอีกแง่หนึ่ง หากเธอแต่งงานกับผู้ชายที่ดูแลเธอด้วยความจริงใจ อย่างนั้นแล้วมันก็คงเป็นการอวยพรในรูปแบบหนึ่ง

เมเดลีนคิดเรื่องนี้ และยิ้มออกมา หลังจากนั้นเธอก็ยื่นมือไปหาเฟลิเป้

เฟลิเป้ยิ้มละไม และจับมือของเมเดลีนเอาไว้เพื่อสวมแหวนที่นิ้วนางของเธอ

“คุณแม่”

ทันใดนั้น ความเงียบก็ได้ถูกทำลายลงด้วยเสียงไร้เดียงสา

เมเดลีนดึงมือของตัวเองกลับอย่างกะทันหัน ก่อนสายตาของเธอจะมองไปยังแจ็คสันที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเธอ เธอลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว “แจ็ค?”

บรรยากาศของการขอแต่งงานถูกทำลายลง เฟลิเป้มองดูแหวนเพชรในมือของตัวเอง ขณะที่ความชั่วร้ายสะท้อนวาบในดวงตาของเขา

“แจ็ค ทำไมลูกมาอยู่ที่นี่? แล้วรู้ได้อย่างไรว่าแม่อยู่ที่นี่?”เมเดลีนย่อตัวลงนั่ง และถามขณะที่กอดแจ็คสันไว้ในอ้อมแขน

แจ็คสันคลอเคลียเมเดลีน พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มแหย ๆ “คุณแม่คือ เทพธิดาของผม เพราะอย่างนั้นผมจะตามติดคุณแม่ตลอดไป”

เมเดลีนยิ้ม และลูบหัวของเด็กน้อย “เด็กโง่”

หลังจากพูดจบ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น

เมื่อมองไปที่รายชื่อคนโทรเข้า เธอก็เห็นว่ามันเป็นสายจากเอโลอิส

เธอครุ่นคิด ก่อนที่จะกดรับโทรศัพท์ หลังจากนั้นเธอก็ได้ยินเอโลอิสพูดออกมาอย่างระมัดระวังว่า “เอวลีน นี่… นี่แม่เอง แจ็คหายไป เขาบอกว่าคิดถึงลูกมาก แล้วจู่ ๆ ก็วิ่งออกไปเลย พ่อกับแม่พยายามหาเขาแล้วแต่ก็ไม่เจอ”

“เขาอยู่กับฉัน เพราะอย่างนั้นไม่ต้องห่วง ถ้าไม่มีอะไรอีก ฉันจะวางสายแล้ว”

“เอวลีน เดี๋ยวก่อน!”

เอโลอิสหยุดเธอไว้ อย่างไรก็ตามหลังจากที่สงบลง หล่อนก็เริ่มสะอื้นออกมา

“เอวลีน แม่ก็คิดถึงลูกเหมือนกัน…”

“ถ้าไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้จะพูด คุณนายมอนต์โกเมอรี่ ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องวางสาย” เมเดลีนวางสายโทรศัพท์โดยไม่ลังเล

อีกด้านของปลายสาย เมื่อเอโลอิสได้ยินเสียงสัญญาณตัดไปแล้ว เธอก็เริ่มร้องไห้ฟูมฟายและสำนึกผิดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

เฟลิเป้ตั้งใจว่าอยากจะใช้เวลาดื่มด่ำบรรยากาศกับเมเดลีน แต่เนื่องจากการปรากฏตัวของแจ็คสัน จึงทำให้เวลาอาหารค่ำใต้แสงเทียนของพวกเขาสั้นลง

แจ็คสันบอกว่าเขาหิว และเขาไม่เคยพูดด้วยน้ำเสียงแหย ๆ แบบนั้นมาก่อน เขาบอกว่า เขาอยากกินอาหารฝีมือของคุณแม่ เมื่อเป็นเช่นนั้นเมเดลีนจึงทำได้เพียงปฏิเสธเฟลิเป้ และพาเขากลับไปยังอพาร์ตเมนต์ อีกอย่างเมเดลีนก็อยากรู้ด้วยว่า เจเรมี่ยังอยู่ที่นั่นหรือไม่

“คุณแม่ครับ คุณแม่รู้ไหมว่าพรุ่งนี้เป็นวันอะไร?” จู่ ๆ แจ็คสันก็ถามขึ้นในตอนที่พวกเขาอยู่ตรงประตูอพาร์ตเมนต์

“พรุ่งนี้วันอะไรเหรอ?” เมเดลีนถามกลับด้วยรอยยิ้ม อย่างไรก็ตามเธอชะงักขณะที่กำลังเปิดประตู เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้

‘ใช่แล้ว พรุ่งนี้เป็นวันพิเศษจริง ๆ’