บทที่ 127 เอาไว้ค่อยพูดทีหลัง ! (ต้น)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

บทที่ 127 เอาไว้ค่อยพูดทีหลัง ! (ต้น)

กลางดึก แสงจันทร์สาดส่องฉาบพื้นผิวโลกจนกลายเป็นสีเงิน

ในโพรงแคบด้านหลังสายน้ำตก เยี่ยฉวนนั่งกอดเข่ากับพื้นดิน มีหญิงสาวชุดดำนั่งอยู่เบื้องหน้า

ด้วยความที่โพรงมีขนาดเล็กและแคบ คนทั้งสองจึงอยู่ใกล้กันมากเสียจนชายหนุ่มได้กลิ่นหอมจากกายของหญิงสาว ทว่าขณะนั้นภายในใจหาได้มีแก่ใจนึกถึงเรื่องลามกแต่อย่างใด… ด้วยสิ่งเดียวในเวลานี้คือคิดหนี !

แต่โชคไม่เข้าข้าง เพราะเขายังไม่มีโอกาสจะหลบหนี !

แม้ว่าสตรีที่นั่งอยู่เบื้องหน้าจะได้รับบาดเจ็บหนักเอาการ ทว่านางก็ไม่ใช่คนที่เขาจะสามารถต่อกรด้วยในเวลานี้ !

เยี่ยฉวนทำได้เพียงรอและคอยหาโอกาสเท่านั้น !

เมื่อนึกถึงสตรีลึกลับ มาตอนนี้ชายหนุ่มก็ไม่คิดคาดหวังความช่วยเหลือจากนางอีกแล้ว !

ขณะนั้นเอง หญิงสาวผุดลุกขึ้นทันที “แบกข้าไป !”

เยี่ยฉวนเพิ่งสังเกตเห็นเท้าทั้งสองของนาง ที่ตอนนี้นั้นมีโลหิตไหลมาตามขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาการบาดเจ็บของนางร้ายแรงเพียงใด ! เมื่อเห็นเช่นนั้นภายในหัวของเยี่ยฉวนพลันเริ่มผุดความคิดบางอย่าง

“คิดจะหนีหรือ ?”

นางเผยยิ้มออกมาในทันที “ถ้ากล้าก็ลอง !”

เยี่ยฉวนหันมาสบตาหญิงสาวชุดดำ ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะไม่หนีในเวลานี้ “พลังปราณของนางกับข้า ห่างชั้นกันเกินไป !”

“ต่อให้ในตอนนี้นางบาดเจ็บสาหัสเพียงใด หากทว่ามันก็ไม่ได้มีผลต่อนางเลยแม้แต่น้อย !”

ดังนั้นชายหนุ่มจึงหันหลังให้นางแต่โดยดี หญิงสาวนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนปีนขึ้นบนหลังของเยี่ยฉวน

ยิ่งใหญ่นัก !

ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้ ด้วยก่อนหน้าชายหนุ่มเพียงมองด้วยตาเปล่าเท่านั้น ทว่าในเวลานี้เขารู้สึกถึงทรวงอกคู่นั้นและตระหนักได้ถึงขนาดที่แท้จริงของสิ่งที่เห็น !

ความรู้สึกที่ตามมาคือนุ่มนวล !

ชั่วขณะนั้น ห้วงความคิดของเยี่ยฉวนพลันลอยไปไกล “เนื้อนวลและกลิ่นจรุงของความงดงามที่ได้สัมผัสล้วนทำให้เกิดความรู้สึกอิ่มเอมอารมณ์ยิ่งนัก”

ชายหนุ่มรีบสลัดความคิดทั้งหลายลงทันที ก่อนที่จะกระโดดออกจากบริเวณโพรงถ้ำและวิ่งออกไปตามทางโดยมีหญิงสาวเป็นผู้ชี้นำ

ทางด้านหญิงสาวที่ขี่อยู่บนหลัง แววตาเฉยเมยของนางนั้นทอดมองมาจากทางเบื้องหลัง มันมีร่องรอยแห่งความสับสนอย่างเห็นได้ชัด ด้วยที่ตนเองไม่สามารถสัมผัสลมหายใจของชายหนุ่มแม้ว่าเขาจะอยู่ต่อหน้าในขณะนี้ นี่ช่างเป็นสิ่งประหลาดยิ่งนักสำหรับนาง เพราะนางสัมผัสได้ว่าชายหนุ่มคนนี้มีขั้นพลังปราณที่ต่ำชั้นกว่ามาก ซึ่งช่องว่างระหว่างขั้นพลังที่ว่ามันก็มิอาจเสริมด้วยทักษะใดเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน !

ถึงกระนั้นนางก็ไม่สามารถสัมผัสสถานะของชายคนนี้ได้จริง ๆ!

ชายหนุ่มเองก็ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าเหตุใดหญิงสาวในชุดดำจึงไม่ฆ่าเขาเสีย

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้นั้นเขารู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก ทั้งสตรีลึกลับซึ่งควรช่วยเหลือก่อนหน้า มาตอนนี้นางกลับเงียบหายไปอย่างไร้ร่องรอยในช่วงเวลาคับขัน ดูเหมือนว่าความเป็นความตายของตนจะขึ้นอยู่กับ หญิงสาวในชุดดำเสียแล้ว

“ข้ารู้สึกเหมือนโดนข่มเหง !”

แม้ว่าภายในใจจะคับข้องเจ็บปวด ทว่ายังไม่กล้าพูดจาอะไรให้มากความด้วยเหตุที่ทั้งหญิงสาวชุดดำ และสตรีลึกลับต่างล้วนเป็นคนสำคัญ เขาไม่อาจต้านทานต่อคนทั้งสองได้ !

ดังนั้นเยี่ยฉวนจึงทำได้เพียงตั้งหน้าตั้งตาวิ่ง ซึ่งปลายทางในครั้งนี้ก็คือแคว้นหนิง

แคว้นหนิง !

ดินแดนที่ชื่อแคว้นหนิง เยี่ยฉวนพอจะรู้จักอยู่บ้าง ด้วยแคว้นถังและแคว้นหนิงนั้นมีพื้นที่ติดกับแคว้น เจียง ซึ่งแคว้นเจียงและแคว้นถังต่างก็มีความบาดหมางต่อกันมาช้านาน ในขณะที่แคว้นหนิงไม่ได้สร้างสัมพันธไมตรีทางการทูตกับแคว้นใด ไม่ว่าจะเป็นแคว้นเจียงหรือแคว้นถัง เสมือนหนึ่งว่าแคว้นหนิงกำลังคอยเก็บเกี่ยวผลยามที่ทั้งสองแคว้นคู่อริฟาดฟันกันจนย่อยยับ

และด้วยความที่สองแคว้นระแวงต่อแคว้นหนิงนี่เอง ดังนั้นในเวลานี้ทั้งคู่จึงไม่คิดก่อสงคราม ! ตราบใดที่แคว้นหนิงยังมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นแคว้นเจียงหรือแคว้นถัง ทั้งสองแคว้นย่อมไม่กล้าก่อสงครามโดยง่าย !

ครึ่งชั่วยามให้หลัง เสียงหญิงสาวบนหลังเยี่ยฉวนออกคำสั่งทันที “หยุด !”

สิ้นเสียงของหญิงสาว เยี่ยฉวนพลันหยุดฝีเท้าทันควัน และในทันใดที่หยุดชะงัก ฉับพลันก็ได้ปรากฏ เสียงลมพัดแนวต้นไม้กำบังลมจากเบื้องบน พลันรู้สึกถึงไอระอุสองสายที่พึ่งทะยานผ่านไปมาเหนือศีรษะ ท่าทางของชายหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยความระแวดระวังอย่างเต็มกำลัง ด้วยลำแสงทั้งสองนั้นเป็นคู่ต่อสู้ที่เขา มิอาจต้านทานได้เฉกเช่นเดียวกัน !

สตรีชุดดำแหงนมองพลางมีเสียงคำรามในลำคอ “สำนักอัปสรเมรัยมิใช่ธรรมดา ! พวกเขากล้าส่งสองผู้กล้าแกร่งขั้นผสานเทพมา !”

เยี่ยฉวนเอ่ยเสียงเคร่งขรึมว่า “ผู้อาวุโส หรือพวกเราควรยอมแพ้ ?”

ภายในใจนั้นนึกขึ้นว่า “ข้ามีแผ่นป้ายแขกพิเศษ ดังนั้นจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ถ้าหากพวกเราจะยอมจำนนต่อสำนักอัปสรเมรัย”

“ยอมจำนนอย่างนั้นหรือ ?”

หญิงสาวชุดดำทำท่าราวกับเห็นชายหนุ่มเป็นตัวตลก “เจ้าคิดจะยอมก้มหัวให้พวกนั้นหรือ ?”

เยี่ยฉวน “…”

หญิงสาวจึงยกมือขึ้นตีลงไปที่ศีรษะของเขาทีหนึ่ง “ไปต่อ !”

ชายหนุ่มไม่มีทางเลือก จึงออกวิ่งไปข้างหน้าต่อไป

ทว่าในการวิ่งนั้น บังเกิดสภาวะที่ร่างกายของเยี่ยฉวนและหญิงสาวชุดดำเกิดการเสียดสีอย่างไม่อาจ หลีกเลี่ยง โดยเฉพาะความรู้สึกแปลกจากด้านหลังที่ทำให้เยี่ยฉวนรู้สึก… อิ่มเอมใจ ! อย่างไรก็ตามเขาไม่กล้า คิดเลยเถิดด้วยความกล้าแกร่งที่ห่างชั้นกันของตนเองกับหญิงสาว

เหตุการณ์ในคืนแรกผ่านไป ทั้งเยี่ยฉวนและหญิงสาวชุดดำต่างพ้นออกจากเขตเมืองชายแดนเป็นที่ เรียบร้อย เดินทางต่อไปอีกไม่เกินหนึ่งวันพวกเขาจะไปถึงชายแดนของแคว้นหนิงแล้ว

เมื่อเยี่ยฉวนแบกคนที่อยู่บนหลังเข้าใกล้ฝั่งแม่น้ำ หญิงสาวก็ได้ร้องสั่งทันที “หยุด !”

ชายหนุ่มหยุดเดิน

นางชี้มือไปยังแม่น้ำ “แบกข้าไปที่แม่น้ำ !”

ชายหนุ่มต้องทำตามที่นางสั่ง

เยี่ยฉวนหย่อนร่างคนข้างหลังลงบนโขดหินริมแม่น้ำ ณ จุดหนึ่ง จากนั้นตนเองถอยออกไปนั่งอีกด้าน สายตากวาดไปรอบด้านอย่างสำรวจ

“คิดจะหนีงั้นหรือ ?”

นางหันมามองเยี่ยฉวน “ข้าสามารถสังหารเจ้าได้ภายในระยะไม่เกินสี่สิบห้าจั้ง ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ลองดู !”

อีกฝ่ายนิ่งเงียบ ทว่าส่งครวญอยู่ภายใน “ผู้อาวุโส ท่านจะดูดายปล่อยให้ข้าถูกกลั่นแกล้งโดยไม่ยอม ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเช่นนี้หรือ ? จัดการนางเสียเลยขอรับ !”

ทว่ายังคงไร้เสียงตอบใดจากสตรีลึกลับ !

สีหน้าของชายหนุ่มยามนี้ทั้งสิ้นหวังและหม่นหมอง !

ในตอนนั้น สตรีชุดดำออกคำสั่งมาอีก “มานี่ !”

เยี่ยฉวนหันมามอง เขาใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเดินตรงไปหาหญิงสาวชุดดำ “เจ้าจะสังหารข้าเพื่อเก็บ เรื่องนี้ไว้เป็นความลับหลังจากที่เจ้าถึงแคว้นหนิง ใช่หรือไม่ ?”

หญิงสาวทำหน้าประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม แน่ชัดว่านางไม่คิดว่าเยี่ยฉวนจะเป็นคน ขวานผ่าซากเช่นนี้

สายตาของเยี่ยฉวนพุ่งตรงมาที่คนตรงหน้า “เจ้าขโมยสิ่งล้ำค่ามาจากสำนักอัปสรเมรัย ทั้งยังคงไม่ต้องการให้คนภายนอกล่วงรู้เรื่องนี้ ดังนั้นวันใดที่ข้าพาเจ้ากลับถึงแคว้นหนิง วันนั้นคงจะเป็นวันตายของข้าด้วยเช่นกัน ถูกต้องหรือไม่ ?”

คนชุดดำนิ่งฟังผู้พูดจนจบอย่างใช้ความคิด มุมปากปรากฏรอยยิ้ม “อันที่จริงข้าเคยนึกดูแคลนสติ ปัญญาของเจ้า”

พูดจบนางหย่อนขาจุ่มลงไปในแม่น้ำ ให้กระแสน้ำที่ไหลผ่านชะล้างคราบโลหิตออกจากบาดแผล “เจ้าเลือกเอาเองว่าจะตายตอนนี้ หรือเมื่อไร !”

พลันเยี่ยฉวนฉีกยิ้ม “ข้ายังมีอีกหนึ่งทางเลือก !”

คราวนี้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเยี่ยฉวนที่กำลังยืนยิ้ม “ข้าอาจเลือกที่จะตายพร้อมกับเจ้า !”

หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ “เจ้าคาดหวังฝีมือตัวเองมากเกินไป !”

เยี่ยฉวนแบมือข้างหนึ่งออก พลันปรากฏกระบี่หลิงซิ่วขึ้นบนฝ่ามือ เมื่อหญิงสาวเห็นดังนั้นนางพลัน เขม้นตามองอย่างสงสัย “กระบี่ประกายแสง !”

กระบี่หลิงซิ่วสำแดงอานุภาพบังเกิดแรงสั่นรุนแรงขณะวางบนฝ่ามือของเยี่ยฉวน

หญิงสาวชุดดำมองตรงมา ขณะเดียวกันแววตาของชายหนุ่มจ้องลึกลงในดวงตาคู่นั้น “ข้าไม่สามารถสู้เจ้าได้ในตอนนี้ แต่อย่างน้อยยังสามารถใช้พลังผลักดันแห่งกระบี่ …ผู้กล้าแกร่งจากสำนักอัปสรเมรัยจะต้องได้ยินแม้เสียงแผ่วเบาที่เกิดขึ้นจากที่นี่แน่ และเมื่อพวกเขามาถึง เจ้าไม่อาจหลบหนีโดยปราศจากการซ่อนเร้นลมหายใจของข้า ความตายของเจ้าอาจไม่สลักสำคัญ แต่ข้าเชื่อว่าพวกเขาไม่ยอมปล่อยพวกผู้มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังเจ้าแน่ เจ้าคิดว่าอย่างไร ?”

หญิงสาวคลี่ยิ้มและตอบว่า “เจ้าไม่มีทางได้ใช้พลังแห่งกระบี่แน่นอน !”

“ถ้าเช่นนั้น ลองดู !”

สิ้นคำพูด ดวงตาของชายหนุ่มปรากฏแววตาแห่งลางสังหารฉายชัด เป็นสัญญาณชี้ชัดเมื่อมีการเรียก ใช้กระบวนท่าที่ทรงอานุภาพอย่าง ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา !’