เซียวจิ่งมองพี่ชายด้วยความรู้สึกเดียวกัน และถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “หยุดเถอะครับ ผมรู้สึกเศร้าใจเหลือเกิน…”

 

 

“ทำไมล่ะ” เซียวส่าถาม

 

 

เฉียวเหลียงทานขนมปังเสร็จแล้วดื่มนม ถังซีส่งกระดาษทิชชูให้เขา เฉียวเหลียงรับมาเช็ดปากด้วยท่าทางสบายๆ จากนั้นก็เอนกายซบไหล่ถังซี หลับตาลงพักผ่อน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ฉันเกรงว่านายจะต้องผิดหวังเสียแล้วล่ะ”

 

 

เซียวส่าขมวดคิ้ว พยายามถามเขาว่าทำไม แต่ถังซีรีบเปลี่ยนประเด็นอย่างรวดเร็ว “ว่าแต่พี่เคยมาภูเขาหงสือไหมคะ มีอะไรอร่อยๆ บ้างบนภูเขาหงสือ มีร้านอาหารทะเลบ้างไหม”

 

 

เสียงเธอเบามาก จนเฉียวเหลียงเองแทบไม่รู้สึกว่าเธอพูดอะไร แม้จะซบอยู่ที่ไหล่เธอก็ตาม

 

 

แม้เซียวจิ่งจะรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของถังซีแล้ว แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงคลั่งไคล้อาหารทะเลนัก จึงอดเหน็บแนมไม่ได้ “โหรวโหรว นี่เธอไม่เคยทานอาหารทะเลมาก่อนเลยหรือไง หรือคุณปู่ของเธอไม่อนุญาตให้ทานอาหารทะเล”

 

 

ทำไมเธอถึงคลั่งไคล้อาหารทะเลมากขนาดนี้!

 

 

เฉียวเหลียงดูเหมือนจะหลับไปแล้ว ขณะเอนตัวพิงไหล่ถังซี สีหน้าเขาดูมีความสุขและพึงพอใจ ไม่เย็นชาเหมือนปกติ ถังซีมองเขาแล้วถอนหายใจ กระซิบว่า “ก็ฉันชอบนี่นา คุณปู่เคยขอให้คนไปรอที่ท่าเรือทุกเช้า เพื่อซื้ออาหารทะเลที่เพิ่งมาถึงใหม่ๆ ส่งไปที่บ้านเรา ให้ฉันได้ทานอาหารทะเลสดๆ ใหม่ๆ ทุกวัน”

 

 

ดวงตาเธอเริ่มแดงเรื่อเมื่อพูดถึงคุณปู่ เห็นได้ชัดว่าเธอคิดถึงท่าน เซียวจิ่งเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “พี่ยังไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอเลย นี่แปลว่ามีอะไรบางอย่าง เช่นการกลับชาติมาเกิด หรือการฟื้นคืนชีวิตเกิดขึ้นจริงๆ บนโลกใบนี้ ช่าง…มหัศจรรย์จริงๆ”

 

 

ถังซียิ้ม แต่ดูเศร้ามาก “อาจเป็นเพราะความเมตตาของพระเจ้า ที่ให้ฉันได้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง แต่…” ถังซีมองดูเฉียวเหลียง จับมือเขาไว้ในมือเธอ และกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ประสบการณ์นี้ทำให้ฉันรู้ว่า มีใครคนหนึ่งรักฉันอย่างลึกซึ้ง ฉันถึงปล่อยให้เขาผิดหวังไมได้”

 

 

เฉียวเหลียงพลิกมือเขากุมมือเธอไว้ในฝ่ามือ ทันใดนั้นเซียวจิ่งกับเซียวส่าก็รู้สึกเหมือนโดนยิงตรงเข้าไปในหัวใจอีกครั้ง! เมื่อไรคนคู่นี้จะหยุดสักที

 

 

มีคนบอกว่าเจ้าหญิงแห่งเอ็มไพร์กรุปเป็นบุคคลที่ไร้หัวใจ แต่ทำไมเจ้าหญิงน้อยที่พวกเขารู้จักถึงได้น่ารักและแสนอบอุ่นแบบนี้

 

 

เมื่อทั้งสี่มาถึงภูเขาหงสือนั้นเป็นเวลาเพียงเก้าโมงสิบนาที บริษัทกระเป๋าหนักอย่าง OLS จองพื้นที่ภูเขาหงสือทั้งหมดไว้หนึ่งวัน เพื่อถ่ายทำโฆษณาโทรทัศน์โดยเฉพาะ เมื่อพวกเขามาถึงที่ภูเขาจึงมีคนไม่มากนัก และไม่วุ่นวายเหมือนปกติ

 

 

เฉียวเหลียงตื่นขึ้นมาเมื่อพวกเขาใกล้ถึงจุดหมาย บางทีอาจเป็นเพราะเขาฝันร้าย หรือบางทีเขาอาจรู้สึกนอนไม่ค่อยสบาย เพราะเขาต้องเอียงศีรษะซบไหล่เธอ แต่เขาดูไม่มีความสุขเลยหลังจากตื่นนอน เขาจับมือถังซี และนิ่งเงียบด้วยใบหน้าบึ้งตึง

 

 

เป็นครั้งแรกที่ถังซีมาที่ภูเขาหงสือ ทันทีที่ลงจากรถเธอรู้สึกตื่นตะลึงกับต้นเมเปิลสีแดงทั่วทั้งภูเขา เธอเงยหน้าขึ้นมองใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าและร้องอุทาน “โอ ช่างสวยงามจริงๆ! เวลาลมพัดดูเหมือนฝนตกเลย”

 

 

เฉียวเหลียงยืนเคียงข้างเธอ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเล็กน้อย ด้วยใบหน้าถมึงทึง ราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่

 

 

ถังซีหันหน้าไปหาเฉียวเหลียง จะถามเขาว่ารู้สึกอย่างไรกับภาพที่สวยงามเช่นนี้ แต่กลับได้เห็นสีหน้าอันน่ากลัว เธอขมวดคิ้วถามเบาๆ ว่า “มีอะไรคะ”

 

 

เฉียวเหลียงมองหน้าเธอ จับมือเธอขณะกระซิบว่า “ไม่มีอะไร เราขึ้นไปกันเถอะ”

 

 

ถังซีพยักหน้า ไม่ได้ถามอะไรต่อ เธอกวักมือเรียกเซียวส่ากับเซียวจิ่งซึ่งกำลังถ่ายรูปด้วยกล้องโพลารอยด์ให้ตามไป ทั้งหมดขึ้นภูเขาไปที่เรือนรับรอง เพื่อสมทบกับเฮ่อหว่านหนิงและคนอื่นๆ

 

 

ขณะเดินไประหว่างทางพวกเขาได้เจอป่าไผ่ ซึ่งสวยงามเช่นกัน มีสายน้ำใสราวกับคริสตัลไหลผ่านลำธารข้างป่าไผ่ ถังซีหลงใหลในทัศนียภาพอันสวยงามทันทีที่เห็น

 

 

ไม่ว่าจะเป็นในเมืองหลวงหรือในเมือง A เธอก็อาศัยอยู่ในป่าคอนกรีต เธอจึงหลงใหลในทัศนียภาพตามธรรมชาติ แม้แต่ทิวทัศน์ธรรมดาที่สุดก็ยังสวยงามในสายตาเธอ เธอยังจำได้ว่าครั้งแรกที่ได้เห็นทิวทัศน์อันสวยงามของทุ่งหญ้า เธอกระโดดๆๆ และอุทานอย่างตื่นเต้นเหลือเกิน จนถูกพาส่งโรงพยาบาลไปให้น้ำเกลือและออกซิเจน เพราะมีไข้สูง…

 

 

ถังซีโน้มตัวลงวักน้ำในลำธารด้วยสองมือ และต้องประหลาดใจ “ทำไมน้ำใสแจ๋วขนาดนี้ โอ ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่ามีสถานที่ที่สวยงามอย่างนี้ในเมือง A”

 

 

เซียวจิ่งกล่าวว่า “ถ้าเธอชอบดูธรรมชาติ พี่จะพาไปเที่ยวสวนป่าในเมืองวันเสาร์หน้า”

 

 

วนอุทยานของเมือง A เป็นพื้นที่คุ้มครองที่ใหญ่กว่าภูเขาหงสือสิบเท่า ต้นไม้และสัตว์ในสวนได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาล ดังนั้นทัศนียภาพทางธรรมชาติของที่นั่นจึงได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี

 

 

แต่ถังซีส่ายศีรษะ “ฉันเคยไปที่สวนป่านั่นแล้ว เหมือนกับการไปสำรวจมากกว่าไปพักผ่อนหย่อนใจ ฉันไม่รู้สึกผ่อนคลายเลย”

 

 

“ขึ้นไปข้างบนกันก่อนเถอะ เอาไว้ค่อยชื่นชมกับทิวทัศน์หลังจากถ่ายทำเสร็จแล้ว” เฉียวเหลียงกล่าว

 

 

ถังซีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เฉียวเหลียงยื่นมือออกไปหาเธอ ถังซียิ้มหวานส่งมือให้เขาแล้วเดินเข้าไปหา เซียวจิ่งตะโกนมาจากข้างหลังว่า “เฮ้ นี่พวกเธอ ระมัดระวังหน่อย ที่นี่เป็นสถานที่สาธารณะ ถ้าใครถ่ายภาพพวกเธอไว้ได้จะเป็นเรื่องใหญ่! เซียวโหรวเป็นนักเรียนมัธยมอยู่นะตอนนี้ และไม่ควรมีความรัก”

 

 

เฉียวเหลียงส่งสายตาร้องอุทธรณ์ให้เธอ ถังซียักไหล่กล่าวว่า “ฉันเองก็ไม่อยากซื้อประกาศนียบัตรเหมือนกันค่ะ มันผิดกฎหมาย”

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอเขาก็รู้สึกขำ เฉียวเหลียงจึงปล่อยมือ ให้เธอเดินนำหน้าเขา เก้าโมงครึ่งแล้วเมื่อทั้งสี่มาถึงเรือนรับรองของบ่อน้ำพุร้อน ทันทีที่เห็นพวกเขามาถึงเฮ่อหว่านหนิงก็เลิกสนใจคนอื่น และเดินเข้ามาทักทายถังซีอย่างมีความสุข “โหรวโหรว มาแล้วหรือ เสื้อผ้าและสไตลิสต์เตรียมไว้พร้อมแล้ว คุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้เลยครับ ทีมงานจะคอยช่วยเหลือคุณ แล้วเดี๋ยวมาลองทดสอบหน้ากล้องดู ถ้าไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปที่บ่อน้ำพุร้อน และเริ่มถ่ายทำโฆษณากัน”

 

 

บ่อน้ำพุร้อนที่เขาพูดถึงคือน้ำพุร้อนธรรมชาติบนภูเขาหงสือ ตั้งอยู่ในหุบเขาด้านล่าง ล้อมรอบด้วยต้นเมเปิลสีแดง บ่อน้ำพุดูสวยงามมากด้วยโขดหินขรุขระที่รายล้อมอยู่รอบๆ เป็นจุดเด่นที่งดงามของภูเขาหงสือ บ่อน้ำพุร้อนจะรับผู้เข้าชมเพียงห้าคนต่อวัน และขายตั๋วแยกต่างหาก ทำความสะอาดโดยบุคลากรผู้เชี่ยวชาญพิเศษ เป็นสถานที่ที่ได้รับการดูแลอย่างดี

 

 

ในขณะนั้นสไตลิสต์ที่เฮ่อหว่านหนิงจ้างมากำลังเดินเข้ามาหาเขา เฮ่อหว่านหนิงจึงแนะนำหญิงสาวให้รู้จักถังซี เมื่อสไตลิสต์เห็นถังซีนัยน์ตาเธอก็เป็นประกาย และอดไม่ได้ที่จะชื่นชม “ประธานเฮ่อ คุณช่างมีสายตาเฉียบแหลม หญิงสาวคนนี้…” แต่แล้วเธอก็หยุดพูดกลางคัน รีบก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อทักทายผู้ที่ตามมาด้านหลัง “ท่านประธานเฉียว มาดูการถ่ายทำที่นี่เหรอคะ”

 

 

เฉียวเหลียงมองดูสไตลิสต์และขมวดคิ้ว เพราะเธอเพิกเฉยต่อถังซี ขณะที่เซียวจิ่งรีบตอบคำถามแทน “พวกเรามาตรวจงานครับ”