ทว่าหนึ่งวินาทีให้หลัง ร่างเงาหนึ่งก็ปรากฏขึ้น…
ร่างเงานี้ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันมาก ทำให้หัวหน้าทีมนิพพานที่ยังเต็มไปด้วยความสงสัยสะดุ้งตกใจ
สิ่งที่น่าตื่นตระหนกกว่านั้นคือ ร่างเงานี้ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดระยะที่ไม่ห่างจากเขาเท่าไหร่ ดูจากระยะแล้ว คนผู้นี้กับหลิงม่อจะอยู่ใกล้กันกว่าหน่อย…
“เป็นการเตรียมลอบโจมตีอย่างที่คิดจริงด้วย! ถ้าหากเมื่อกี้หลิงม่อตามลงมาโจมตีฉันล่ะก็…ก็จะเฉียดผ่านข้างตัวเขาไปนี่!”
แต่สิ่งที่หัวหน้าทีมนิพพานคิดก่อนหน้านี้ คือแค่จะดึงระยะห่างตัวเองให้ใกล้กับสมาชิกในทีมผู้นี้เท่านั้น…เขาเหงื่อแตกพลั่กด้วยความตื่นตระหนกอย่างอดไม่ได้ แต่ในขณะที่ขนลุกวาบ แววตาที่เขามองไปที่หลิงม่อก็มีความหวาดกลัวมากขึ้น
“หมอนี่ต้องซ่อนความลับอะไรไว้ในตัวแน่ๆ! ไม่เช่นนั้น ไม่มีทางที่เขาจะค้นพบคนที่ฉันสัมผัสไม่เจอ!” แต่จากนั้นไม่นาน ในขณะที่เขามองไปที่ร่างเงานั้นอย่างละเอียด รูม่านตาก็หดลงโดยอัตโนมัติ “คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเขา!”
“นะ นี่…นี่มันเป็นไปไม่ได้! ทำไมถึงเก่งกาจขนาดนี้?!”
ร่างเงาที่ปรากฏเงียบๆ ร่างนี้เป็นหนึ่งในสมาชิกในทีมของเขา…ชายที่มีชื่อว่าหลิวหยาง
คนที่เขาไล่ให้ไปซ่อนรถยนต์ย่อมไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งในทีมเป็นธรรมดา ในความเป็นจริง หลิวหยางเป็นสายพละกำลัง การที่ถูกเลือกมาได้ หนึ่งเป็นเพราะเขาก็มีเป้าหมายอยากจะรีบทำงานให้จบๆ เพื่ออนาคตที่สบายเหมือนกัน สองเป็นเพราะทักษะการยิงปืนของเขาไม่เลวเลย
แต่ว่าสองมือของหลิวหยางตอนนี้…ไม่มีปืน!
“ไม่พกปืน? ไม่ๆๆ นี่ไม่ใช่ประเด็น…แม่งเอ๊ย ฉันก็เริ่มเลอะเลือนแล้ว นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!” หัวหน้าทีมนิพพานคลุ้มคลั่งในใจ แววตาพลันหยุดนิ่ง “ใช่แล้ว…คนพวกนี้ล้วนมีปัญหาทั้งนั้น…ก่อนหน้านี้ฉันแค่สงสัยว่าหัวหน้าใหญ่ไม่เชื่อฉัน ดังนั้นคงจะจริงที่แอบส่งเวินเสี่ยวอวี่ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าทีมซ่อนตัวมาในครั้งนี้ด้วย…แต่ตอนนี้ยิ่งอยู่ กลับยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่าเรื่องมันไม่ได้หยุดแค่ตรงที่พวกเขาไม่ฟังคำสั่งฉันเฉยๆ…”
“คิดๆ ดูแล้ว…แม้ว่าพวกหลิงม่อจะแข็งแกร่งมาก เมื่อเทียบกันแวบเดียวก็รู้เลยว่าสมาชิกในทีมพวกนั้นอ่อนแอ แต่แท้จริงแล้ว พลังการต่อสู้ของพวกเขาที่แสดงออกมาแข็งแกร่งกว่าที่ฉันรู้อยู่มาก!”
พลังที่พวกหลิงม่อแสดงออกมานั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ ดังนั้นเมื่อการปิดกั้นพลังจิตถูกเจาะทะลวง สมาชิกในทีมลอบโจมตีล้มเหลว หัวหน้าทีมคนนี้จึงเผ่นหนีอย่างไม่ลังเล และเพราะความตกตะลึงที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทำให้เขามองข้ามจุดสำคัญอย่างหนึ่งไป ทว่าวินาทีนี้เขานึกมันออกแล้ว!
หัวหน้าทีมนิพพานที่เพิ่งนึกจุดนี้ได้กำลังจะปริปากถาม ก็โดนบีบให้กลืนคำพูดกลับเข้าไปทันที
สถานการณ์ยังไม่ชัดเจน…รอดูก่อนแล้วกัน!
ไม่ว่าจะยังไง อย่างน้อยเขาก็รอดพ้นจากอันตรายได้ชั่วคราวแล้ว! ไม่แน่ว่าหลิวหยางที่โผล่มาอย่างลึกลับผู้นี้ อาจจะลงมือฆ่าหลิงม่อสำเร็จก็ได้! ถ้าเป็นแบบนั้น เทียบกับที่เขาถูกทำให้จนตรอกเมื่อกี้มันก็คุ้มค่ากันแล้ว…
“คือว่า…หลิวหยาง หลิงม่อรู้พลังของฉันชัดเจนแล้ว แต่ฉันยังมีไพ่สังหารในมืออีก…ดังนั้นแค่นายสร้างโอกาสได้ ฉันก็จะฆ่าเขาสำเร็จ” หัวหน้าทีมนิพพานคิดแล้วก็กระซิบเสียงเบา
ระยะห่างของพวกเขาสองคนใกล้กันมากกว่า ในสถานการณ์ที่การได้ยินได้รับผลกระทบแบบนี้ หลิงม่อไม่มีทางแอบฟังได้อยู่แล้ว
หลังจากหลิวหยางได้ยิน ก็เอียงคอเหลือบมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง ทว่าเพียงแค่การกวาดตามองแวบเดียว กลับทำให้หัวหน้าทีมนิพพานรู้สึกถึงความเย็นที่ผุดมาจากด้านหลังได้ทันที
นี่มัน…สายตาอะไร…
เย็นเฉียบ…ตามมาด้วยรอยยิ้มแปลกๆ นั่นอีก…
ทั้งๆ ที่หลิวหยางยิ้มอยู่ แต่กลับทำให้ตัวเองรู้สึกหวาดกลัว
“นี่ไม่ใช่หลิวหยาง!”
ความคิดนี้แทบจะผุดขึ้นในหัวของหัวหน้าทีมนิพพานในเสี้ยววินาที
แต่จากนั้นไม่นาน เขาก็ตกใจกับความคิดนี้ ทำให้จิตใจวุ่นวายขึ้นทันที…
ไม่ใช่หลิวหยาง แล้วเป็นใคร?
เป็นครั้งแรกที่หัวหน้าทีมนิพพานรู้สึกเสียใจกับการเคลื่อนไหวในครั้งนี้…
ก็แค่การฆ่าคนคนเดียว ทำไมมันยุ่งยากแบบนี้ได้!
เขายินดีเสี่ยงอันตราย ยินดีทุ่มสุดชีวิต แต่ไม่ได้อยากตายจริงๆ เสียหน่อย!
ตอนนี้เพื่อนร่วมทีมของตัวเองก็มีปัญหาอีก…
“ได้ คุณซ่อนอยู่ตรงนั้นไปแล้วกัน” หลังจากหลิวหยางพูดจบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาก็หันกลับไปมองทางด้านที่หลิงม่ออยู่
หัวหน้าทีมนิพพานที่กำลังตื่นตกใจพลันอึ้งเล็กน้อย…
หืม? เขาให้ฉันซ่อนงั้นเหรอ?
หรือว่า…ฉันจะคิดเยอะไป?
หัวหน้าทีมตัวจริง จริงๆ แล้วคือเขาเหรอ? หรือว่า…เขาเป็นแผนการล่วงหน้าที่หัวหน้าใหญ่เตรียมไว้?
ก็เป็นไปได้…อาจจะเป็นแบบนี้จริงๆ! หัวหน้าใหญ่เกลียดชังหลิงม่อมาก ถ้าทำแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก…
ใช่ ต้องเป็นแบบนี้แน่! ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็…ฉันก็ยังมีโอกาส!
แผนการของหัวหน้าทีมนิพพานกลับมามีหวังอีกครั้ง เขาเงยหน้ามองไปที่ทางขึ้นบันไดด้านบนด้วยรอยยิ้มเย็นชา ตาขวาเหล่มองหลิงม่ออยู่ตลอด “พูดตามความจริง ฉันก็ชื่นชมแกอยู่พอสมควร ทว่ายังไงแกก็ต้องตาย ยอมรับชะตากรรมเถอะ…”
ในระยะที่สายตาของเขามองเห็น หลิงม่อยังหลบอยู่ด้านหลังมุมกำแพง สีหน้าก็ยังคงนิ่งสงบ
ทว่าหากมองชัดๆ จะเห็นว่ามือของหลิงม่อวางอยู่บนหัวใจ…
‘หืม? เขาประหม่างั้นเหรอ? ไม่ใช่ เขารู้ว่าฉันกำลังมองอยู่ ดังนั้นไม่มีทางที่เขาจะเผยจุดอ่อนออกมาให้เห็นแน่…อย่างนั้นก็แสดงว่า หัวใจของเขาต้องมีปัญหาแน่ๆ! ดังนั้นเขาจึงห้ามไม่ได้ที่จะต้องใช้มือ…’
“หลิวหยาง! หัวใจของหลิงม่อ…”
หัวหน้าทีมนิพพานเพิ่งจะอ้าปาก ก็ได้ยินเสียงหลิวหยางพูดแล้ว
“หลิงม่อ นายแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนแล้ว”
หลิงม่อเงียบอยู่พักใหญ่ จากนั้นพูดไปยิ้มไป “พอๆ กันแหละน่า…”
“อีกอย่าง นายคงรู้จุดประสงค์การมาของฉันใช่ไหม” หลิวหยางพูดต่อ
“ก็ถือว่ารู้ล่ะมั้ง” หลังจากที่หลิงม่อพูดจบก็เปลี่ยนประเด็นทันที “จริงๆ แล้วฉันสงสัยมาก…ทำไมตอนนี้พวกแกชอบขลุกตัวอยู่กับมนุษย์วะ? ไม่เพียงจะทำตัวเหมือนมนุษย์ แถมยังมีมนุษย์คอยอยู่รอบตัวอีก”
“แกรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้ฉันไม่ใช่มนุษย์?” หลิวหยางพลันพูดขึ้น “ยิ่งไปกว่านั้น ถึงฉันจะไม่ใช่ แกก็คงจะไม่กำจัดฉันหรอกใช่ไหม? อีกอย่างแกก็อยู่กับพวกเธอเหมือนกันไม่ใช่เหรอไง?”
“เหอะๆ…แกดูสภาพตัวเองซะก่อนแล้วค่อยมาพูดกับฉัน!” หลิงม่อตะโกนลั่นด้วยความขุ่นเคือง
บทพูดไม่เลว แต่ทำไมคนพูดถึงมีแต่ผู้ชายเล่า!
ให้ผู้หญิงมาพูดบ้างไม่ได้หรือไง!
“ไม่ถึงสามวินาทีก็เปิดเผยธาตุแท้ซอมบี้ของตัวเองออกมาซะหมด…” หลิงม่อคิดในใจอย่างหมดคำพูด
“อ้อ…” หลิวหยางที่เรียกสติกลับมาได้พลันพูดต่อ “เรื่องผิดพลาดน่ะ แต่ทว่าเนื้อหนังจะเป็นยังไงคงไม่สำคัญ”
“สำคัญ! แกเป็นแบบนี้ทำให้ฉันไม่อยากแม้แต่จะพูดกับแก!”
เมื่อหัวหน้าทีมนิพพานได้ฟังคำพูดพวกนี้ก็มึนงงไปหมด…
เรื่องนี้…ถึงแม้ช่วงแรกจะฟังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ยังพอเดาออกว่าทั้งสองมีความแค้นต่อกัน…แต่ทำไมพอถึงช่วงท้าย…จู่ๆ บรรยากาศถึงเปลี่ยนไปล่ะ!
นี่มันสถานการณ์แบบไหนกัน!
หลิงม่อดูแล้วต้องชอบเพศตรงข้ามไม่ผิดแน่!
หรือว่า…หลิวหยางอะไรนี่จะเป็น…
โอเค…ถ้าอย่างนั้นก็เข้าท่าอยู่ที่แววตาของเขาดูแปลกๆ แบบนั้น…
แต่แกมัวพูดพร่ำอะไรกับคนที่ชอบเพศตรงข้ามอยู่น่ะหา!