ในถ้ำหิน

กู่ฉิงซานเดินไปหาหญิงสาวร่างสูงแล้วถามว่า

“การฟื้นตัวเป็นไงบ้าง”

“ไม่ดี การโจมตีของมังกรมารเป็นการทุ่มสุดกำลัง ตอนนี้แค่เดินยังลำบากเลย” หญิงสาวร่างสูงส่ายหน้า

…นางพูดถึงเรื่องเดิน ไม่ใช่เรื่องฟื้นตัว

จากนั้นกู่ฉิงซานถึงเข้าใจว่าบาดแผลของอีกฝ่ายสาหัสแค่ไหน

เขาคร่ำครวญออกมา “โลกใบนี้ไม่ปลอดภัย พวกเราต้องไปโลกลี้ลับเพื่อพักฟื้นสักระยะ”

หญิงสาวร่างสูงถามว่า “โลกใบนี้มีปัญหาอะไรหรือ”

“มีภูตใหญ่ดูแลเรื่องธุรกิจข้อมูลในโลกใบนี้ ข้าเกรงว่ามันจะสอดแนมความลับของพวกเรา” กู่ฉิงซานตอบ

“อืม ภูตเป็นสิ่งมีชีวิตที่สร้างปัญหามากเป็นพิเศษ การไปคงจะดีกว่า” หญิงสาวร่างสูงเห็นด้วย

กู่ฉิงซานนิ่งแล้วกล่าวว่า “เจ้ากับข้าเดินทางข้ามโลกไปด้วยกัน แต่ข้ายังไม่รู้ชื่อของเจ้าเลย ดังนั้นผู้คนจะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติระหว่างทางแน่”

หญิงสาวร่างสูงไม่ตอบ แต่กล่าวอย่างสงบว่า “ก่อนข้าจะฟื้นตัว เจ้าต้องดูแลข้าระหว่างเดินทาง หากใครบางคนมาถาม เจ้าจะอธิบายเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเรายังไง”

“ข้ากำลังคิดอยู่ เจ้าเป็นพี่สาวของข้า พวกเราพี่น้องเดินทางไปด้วยกัน ตามหาญาติที่สาบสูญไปพร้อมกับหาเลี้ยงชีพ” กู่ฉิงซานกล่าว

หญิงสาวขมวดคิ้วแล้วถามว่า “พี่สาวหรือ เจ้าคิดว่าข้าแก่ขนาดนั้นหรือไง”

กู่ฉิงซานตอบตามตรงว่า “ไม่ใช่ ในด้านรากฐานการฝึกฝนและความรู้ เจ้าเหนือกว่าข้า ข้าไม่กล้าทำตัวหยิ่งทะนงก็เลยขอเป็นน้องชายจะดีกว่า”

หญิงสาวร่างสูงตั้งใจฟัง จากนั้นจึงเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา

“ข้าคือหลิน” นางกล่าว

“หลินหรือ”

“ใช่ ช่วงนี้ข้าเดินเหินไม่สะดวก คงต้องรบกวนให้เจ้าดูแลสักพัก ข้าสร้างปัญหาให้จนได้” นางกล่าวอย่างสุภาพ

“ด้วยความยินดี ข้ามียาเม็ดรักษาอยู่พอดี ตอนนี้รับไปหนึ่งเม็ดก่อน ข้าจะใช้พลังวิญญาณเพื่อช่วยรักษาบาดแผลให้กับเจ้า”

“ดี”

เมื่อฟ้ามืด

กู่ฉิงซานและฉานนู่ประคองหลินเพื่อเตรียมจะออกจากถ้ำหิน

ฉานนู่กำลังจะทำลายถ้ำ แต่กลับถูกกู่ฉิงซานห้ามเอาไว้

“เก็บที่นี่ไว้ กรณีที่พวกเราต้องกลับมาโลกนี้ในสักวัน อาจจะสามารถใช้ที่นี่เป็นประโยชน์ได้”

กู่ฉิงซานกล่าว

เขาพลันเอื้อมมือออกไปแล้วขมวดคิ้ว

ภาพหลอนจากอดีตพลันปรากฏขึ้น มันสลับไปมาตรงหน้ากู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานยันกำแพงแล้วส่ายหน้าเพื่อสลัดภาพหลอนทั้งหมดตรงหน้าทิ้ง

“สภาพเจ้าดูไม่ดีเลยนะ”

หลินเห็นท่าทีแปลกประหลาดของเขาเมื่อชำเลืองมองมาก่อนกล่าวอย่างแผ่วเบา

กู่ฉิงซานอธิบายคร่าวๆ ว่า “มหาภัยพิบัติกำลังใกล้เข้ามา”

“กลายเป็นเวลาเจ้ากำลังจะทะลวงสู่ระดับสี่เสาศักดิ์สิทธิ์สินะ… แสดงว่า เจ้ากลัวการชำระล้างของสวรรค์หรือ” หลินถาม

“ไม่มีอะไรต้องกลัว แต่ยังไงเสียมหาภัยพิบัติก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ดังนั้นพวกเราต้องรีบไปโลกต่อไป” กู่ฉิงซานกล่าว

หลินเหล่มองเขาแล้วกล่าวอย่างเหยียดหยันว่า “อย่างไรเสีย ข้าก็ยังหวาดกลัวการชำระล้างของสวรรค์อยู่ดี ตอนฆ่าข้าครั้งแรก เจ้าลงมือได้อย่างเด็ดขาด แต่ตอนนี้เกิดกลัวขึ้นมาหรือ”

การสังหารขัดกับสวรรค์

สิ่งมีชีวิตหุบเหวก็มีชีวิตเช่นกัน… มันยังเป็นร่างชีวิตระดับสูงที่มีคุณลักษณะนิรันดร์ ถึงแม้จะสังหารไม่ได้ แต่สวรรค์กลับยังสนใจเรื่องนี้จนเพิ่มการชำระล้างเป็นเท่าตัว

กู่ฉิงซานยักไหล่

แบบนี้ก็เถียงไม่ออกกันพอดี

เขาหุบปากตัวเอง เก็บทุกอย่างใส่ถุงเก็บของอย่างเงียบงันเพื่อเตรียมจะออกเดินทาง

หลังผ่านไปสักพัก ทุกอย่างถูกเก็บเรียบร้อย

กู่ฉิงซานขยิบตาให้ฉานนู่

ฉานนู่ช่วยหลินเดินออกจากถ้ำหินด้วยกัน

กู่ฉิงซานปล่อยเรือเหาะที่ทางเข้าถ้ำ

“ตำแหน่งของที่นั่นคือทางเหนือของพวกเรา ไกลออกไปราวสามร้อยไมล์ พวกเราจะนั่งเรือไปที่นั่น” เขาอธิบาย

หลินพยักหน้า นางไม่ออกความเห็นอะไร

ฉานนู่พยุงนาง ทั้งสามขึ้นเรือเหาะก่อนมุ่งสู่สถานที่ที่โลกลี้ลับกำลังจะปรากฏขึ้น

หลินพิงกับหน้าต่าง มองภูเขาหินเบื้องล่างก่อนพูดขึ้นโดยไม่หันกลับมามองว่า

“บอกเรื่องแผนให้ข้าฟังที”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “กลับพื้นที่จ้าวโลกก่อน ตามหาสามเหรียญ ช่วยใครบางคนจากอดีต จากนั้นฆ่าบัญญัติราชามาร”

“ทำไมต้องฆ่ามันด้วย”

“ในยุคโบราณ มันพยายามใช้ข้าเป็นสื่ออัญเชิญราชามารโดยตรง ข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่มันทำให้ในใจข้าเกิดความวิตกที่อธิบายไม่ได้ขึ้นมา”

“ความรู้สึกของเจ้าถูกต้องแล้ว” หลินเห็นด้วย

กู่ฉิงซานกล่าวต่อไปว่า “ในพื้นที่ที่ถูกยึดครอง บัญญัติราชามารจะไปถึงขั้นการจุติราชามาร มันจะวุ่นวายแต่เรื่องจัดการวิญญาณกรีดร้อง ดังนั้นมันไม่สามารถทำในสิ่งที่อยากทำได้ ข้าจะใช้โอกาสนี้เพื่อไปฆ่ามัน”

“แต่บัญญัติราชามารกำลังสู้กับร่างแยกของวิญญาณกรีดร้อง เจ้าฆ่ามันได้แล้วจะทำยังไงกับวิญญาณกรีดร้องล่ะ”

“ฆ่ามันด้วยเช่นกัน”

“มังกรมารอยู่ในพื้นที่จ้าวโลก ซ่อนอยู่หลังฉาก เจ้าจะทำยังไงล่ะ”

“ฆ่ามัน”

หลินมองเขา

เขาเม้มริมฝีปาก สีหน้าดูเจ็บปวดเล็กน้อยราวกับกำลังทุกข์ทรมานกับบางสิ่ง

หลินถามอย่างแปลกประหลาดว่า “เจ้าพูดเรื่องใหญ่โตเช่นนี้เพราะวิตกถึงขนาดของมหาภัยพิบัติอย่างนั้นหรือ”

“ไม่ใช่ นี่ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องทำ ส่วนวิธีการ… ให้รอจนกว่าจะช่วยคนได้อย่างปลอดภัย” กู่ฉิงซานกล่าว

หลินมองเหงื่อเย็นบนหน้าผากของเขาแล้วถามว่า “มหาภัยพิบัติกำลังมาแล้วหรือ”

“ใช่แล้ว ข้าจะพยายามสุดความสามารถเพื่อไปโลกต่อไปแล้วค่อยคุยเกี่ยวกับมัน” กู่ฉิงซานกล่าว

หลินครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “ข้ามีคัมภีร์วรยุทธที่สามารถกำจัดบาปจากร่างกายได้ ข้าจะอ่านให้ฟัง จดจำเข้าล่ะ”

กู่ฉิงซานถามว่า “มันมีประโยชน์ที่จะต้านพระบาทของพุทธองค์ได้ชั่วคราวงั้นหรือ”

หลินตอบว่า “นี่คือของดี… เป็นคัมภีร์วรยุทธที่ชำระล้างร่างกายได้ ทันทีที่ร่ายคาถา เมล็ดพันธุ์ของพลังอันเหลือเชื่อจะหยั่งราก นี่ยังไม่รวมถึงตอนท่องวิธีฝึกฝนตัวเองหรอกนะ”

นางประสานมือเข้าด้วยกัน ถือพระธรรมเทศนาเอาไว้แล้วทำการท่องคาถาอย่างเคร่งขรึม

กู่ฉิงซานตั้งใจฟังเพื่อจดจำมันไว้หลายครั้งภายใต้การดูแลของนาง ท้ายที่สุดก็จดจำทั้งคัมภีร์ได้

“วิญญาณของเจ้าอยู่ในสภาพปลดเปลื้อง ดังนั้นเจ้าในตอนนี้สามารถใช้คัมภีร์วรยุทธนี้เพื่อชำระล้างบาปได้ นั่นจะเป็นการถ่วงเวลามหาภัยพิบัติได้เล็กน้อย… เพราะกฎเกณฑ์แห่งสวรรค์กับปฐพีต้องคำนวณบาปของเจ้าใหม่” หลินกล่าว

กู่ฉิงซานพยายามท่องหลายครั้ง ความรู้สึกไม่สบายบนร่างกายค่อยๆ หายไป

“น่าทึ่งนัก” เขาถอนหายใจ

“แน่นอน ระดับวรยุทธเช่นนี้นับว่าสูญหายไปนานแล้ว ถือว่าเจ้าโชคดีเลยล่ะ” หลินกล่าวอย่างแผ่วเบา

ตอนนี้ มีเสียงหวีดแหลมดังมาจากข้างนอก

สีหน้าของกู่ฉิงซานเปลี่ยนไป เขาพลันออกจากเรือเหาะทันที

พวกเขาสามคนหายไปจากท้องนภาพร้อมกับเรือเหาะก่อนปรากฏตัวบนพื้น

ฉานนู่ช่วยหลิน กู่ฉิงซานยืนอยู่อีกด้าน พวกเขาสามคนมองท้องนภาพร้อมกัน

เขาเห็นคนจำนวนมากสวมหน้ากากผีกำลังตกลงมาจากท้องนภา

คนเหล่านี้ตกลงสู่พื้นก่อนล้อมพวกกู่ฉิงซานทั้งสามคนเอาไว้

“นายท่าน…” ฉานนู่กล่าวอย่างไม่สบายใจ

กู่ฉิงซานโบกมือเป็นสัญญาณว่าไม่ต้องห่วง

เขาเข้ามากันพวกนางไว้ เผยรอยยิ้มออกมาแล้วประสานมือ “ข้าสงสัยจริงว่าทำไมพวกเจ้าถึงมาขวาง”

ภาพติดตาพุ่งเข้ามา

กู่ฉิงซานเอื้อมมือไปหยิบดาบกัดกวัดแกว่งใส่ภาพติดตาอย่างไร้รูปลักษณ์

ตัง!

เสียงปะทะจากการต่อสู้เด่นชัด ทำให้ภาพติดตาถอยออกไป

มันคือชายร่างเล็กสวมถุงมือกรงเล็บหนึ่งคู่

คนเหล่านั้นมองฉากนี้โดยไม่ตอบสนองมากนักราวกับทุกสิ่งเป็นไปตามคาด

ชายร่างเล็กแผดเสียงหัวเราะแหลมออกมา “ดูท่าเขาจะสามารถหยุดการลอบโจมตีของข้าได้ เขาเองก็เป็นคนที่มากประสบการณ์เช่นกัน ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงมีข้อมูลลับเกี่ยวกับมังกรมาร”

หัวใจของกู่ฉิงซานดิ่งวูบ

การแลกเปลี่ยนข้อมูลถือว่าเป็นความลับในตำหนักภูตใหญ่ แต่ตอนนี้เขากลับถูกคนอื่นหมายหัวเสียอย่างนั้น

นี่แสดงให้เห็นว่าภูตใหญ่ขายเขาเช่นกัน

หรือว่า…

กู่ฉิงซานถามว่า “มาคุยกันดีกว่า พวกเจ้าต้องการอะไร”

“ไม่มีอะไรมาก ข้อมูลจากภูตใหญ่มันแพงเกินไป ดังนั้นพวกข้าเลยอยากให้เจ้าบอกข้อมูลเกี่ยวกับมังกรมารมา” ชายร่างเล็กตอบ

“แล้วถ้าข้าไม่บอกล่ะ” กู่ฉิงซานถาม

ชายร่างเล็กตอบว่า “ถึงแม้เจ้าจะมีพลังที่เหนือกว่า แต่มูลค่าของข้อมูลเรื่องมังกรมารนั้นมหาศาล พวกข้าจะไม่ปล่อยให้ข้อมูลนี้หลุดมือไปแน่… เจ้าลองดูรอบๆ สิ พวกข้าแต่ละคนมีพลังระดับจ้าวโลกเลยนะ”

กู่ฉิงซานมองรอบข้าง

เป็นความจริงที่อีกฝ่ายไม่ได้โกหก หลายสิบคนที่สวมหน้ากากนั้น แทบทุกคนไปถึงระดับจ้าวโลกแล้ว

ดูท่าพวกเขาจะปกปิดใบหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นศัตรู แต่พวกเขาก็กระตือรือร้นเรื่องข้อมูลมังกรมารเช่นกัน

ดูท่ามันถึงจุดที่เขาต้องก้าวข้ามมหาภัยพิบัติแล้ว…

แต่เพราะมันเป็นข้อมูลเกี่ยวกับมังกรมาร จึงเอามาบอกให้พวกเขาฟังไม่ได้

กู่ฉิงซานยิ้มแล้วกล่าวว่า “ก็ได้ ข้าจะยอมบอกให้ฟัง”

คนรอบข้างพยักหน้า

ชายร่างเล็กพ่นลมออกจมูกแล้วกล่าวว่า “ฉลาดเหมือนกันนี่”

กู่ฉิงซานเมินสิ่งที่เขาพูดก่อนบอกความลับเกี่ยวกับมังกรมารอีกครั้ง

คนเหล่านั้นตั้งใจฟัง

เมื่อเขาพูดจบ เสียงหนึ่งมาจากในกลุ่มคนเหล่านั้น “เขาไม่ได้โกหก”

บรรยากาศผ่อนคลายลงเล็กน้อย

กู่ฉิงซานประสานมือให้กับคนรอบข้างแล้วกล่าวว่า “ข้อมูลก็บอกไปแล้ว พวกเจ้าก็ตัดสินแล้วว่ามันถูกต้องและน่าเชื่อถือ ตอนนี้ปล่อยพวกข้าไปเถอะ”

คนเหล่านั้นไม่ขยับ

พวกเขายังล้อมกู่ฉิงซาน ฉานนู่และหลินเอาไว้

สีหน้าของกู่ฉิงซานไม่แปรเปลี่ยนขณะถามว่า “นี่มันหมายความว่ายังไง”

ชายร่างเล็กตอบว่า “ตามที่ภูตใหญ่เล่ามา เจ้ามีข้อมูลที่ล้ำค่ายิ่งกว่านี้อยู่อีก”

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “นี่มันมากเกินไปแล้วนะ ความจริง ถ้าข้าอยากหนีจริง ๆ ไม่มีใครมาห้ามข้าได้หรอก ทำไมพวกเจ้าถึงต้องเป็นศัตรูกับข้าที่นี่ด้วย”

“เขาไม่ได้โกหก”

ในบรรดาคนเหล่านั้น คนที่รับผิดชอบเรื่องการจับผิดกล่าวขึ้นอีกครั้ง

ฝูงชนแตกตื่นเล็กน้อย

จ้าวโลกหลายสิบคนไม่สามารถหยุดเขาได้ นี่เขามีสมบัติที่สามารถแยกตัวออกไปได้ทันทีงั้นหรือ

ถ้าเช่นนี้ก็ไม่ง่ายนักที่จะใช้การกดดันมากจนเกินไป ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้อะไรกลับไปเลย

จ้าวโลกมองหน้ากันขณะลอบสื่อสาร

ในที่สุด ชายร่างเล็กกล่าวว่า “เจ้าต้องบอกข้อมูลมาอีกเรื่อง… ถ้าพวกข้าได้ข้อมูลมีค่าจนสามารถเอาไปขายได้ในราคางามล่ะก็ถึงจะปล่อยไป”

กู่ฉิงซานกำลังจะพูดแต่กลับรู้สึกว่ามีใครบางคนมาดึงตัวเขาเอาไว้

ฉานนู่นั่นเอง

นางกล่าวอย่างเกรี้ยวกราดว่า “นายท่าน ของพวกนั้นล้วนเป็นความพยายามอย่างหนักของท่านนะ…”

กู่ฉิงซานโบกมือให้นางแล้วกล่าวว่า “เวลากำลังจะหมดแล้ว”

ฉานนู่มองท้องนภา

ราตรีคล้อยต่ำ

จันทราเผยออกมาจากหมู่เมฆ

ผ่านไปสักพัก สระลึกที่นำไปสู่โลกลี้ลับกำลังจะปรากฏ

ลากนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว

ยิ่งกว่านั้น ยังมีมหาภัยพิบัติมากมายอยู่กับนายท่าน!

ฉานนู่กัดฟันขณะปิดปาก

กู่ฉิงซานมองรอบข้างขณะประสานมือให้จ้าวโลก “เอาล่ะ ถ้างั้นก็ตามนี้ ข้าจะบอกข้อมูลมีค่าอีกเรื่องให้ จากนั้นก็ปล่อยพวกเราไป ว่าไงล่ะ”

จ้าวโลกมองหน้ากันก่อนพยักหน้า

“เอาล่ะ ทุกคนต่างก็มีสถานะ ไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่ขัดแย้งกันเอง เช่นนั้นข้าจะพูดเกี่ยวกับข้อมูลของสัตว์ประหลาดนิรันดร์อีกตัว… วิญญาณกรีดร้องกับร่างแยกของมัน”

กู่ฉิงซานบอกเล่าเรื่องราว

เขาเล่าทุกสิ่งเกี่ยวกับวิญญาณกรีดร้องให้ฟัง

“เขาไม่ได้โกหก”

เสียงนั้นยังกล่าวอย่างมีวิจารณญาณ

กู่ฉิงซานกล่าวทันทีว่า “เอาล่ะ ข้ารีบจริงๆ เรื่องราวในวันนี้จะไม่ขอถือสา ฉะนั้นขอให้มันจบลงตรงนี้”

เขาปล่อยเรือเหาะและกำลังจะพาฉานนู่กับหลินไป

จ้าวโลกเหล่านั้นยังคงเงียบก่อนเปิดทางให้ช้าๆ

ทันใดนั้นเอง เสียงคมปลาบหนึ่งดังขึ้น

ชายร่างเล็กกล่าวเสียงดังว่า “ภูตบอกเองว่าข้อมูลของเขาสำคัญมาก แต่ยังมีชีวิตอันแสนพิเศษที่อยู่เบื้องหลังของเขาอีก หากได้ชีวิตนั้นมาก็จะสามารถเลือกฮอร์ครักซ์ในคลังสมบัติของภูตมาได้!”

ฝูงชนกลับมาคึกคักอีกครั้ง

คลังสมบัติของภูตใหญ่เต็มไปด้วยฮอร์ครักซ์ล้ำค่ามากมาย

นั่นคือฮอร์ครักเชียวนะ!

หากสามารถเลือกได้หนึ่งชิ้นจริงก็จะสามารถกอบโกยผลประโยชน์จากการเดินทางนี้ได้อย่างมากมาย!

“เร็ว! เร็ว! ล้อมเขาไว้!”

ชายร่างเล็กตะโกน

จ้าวโลกเข้ามาล้อมพวกเขาอีกครั้ง ทำให้พวกกู่ฉิงซานท้ะงสามคนถูกขังอีกครา

ครั้งนี้ พวกเขากระชับเข้ามามากขึ้น

ชายร่างเล็กมองตรงไปที่หลิน

เขาหันสายตามามองกู่ฉิงซานทันที “เจ้าหนู ไม่ง่ายนักที่จะกลายมาเป็นจ้าวโลก เจ้าน่าจะมองออกชัดเจนว่าพวกข้าคือจ้าวโลกสิบกว่าคน เป็นเรื่องง่ายที่จะฆ่าเจ้าเลยนะ”

“แล้วอย่างไร” กู่ฉิงซานถาม

“เมื่อครู่เจ้าทำสิ่งที่สูงส่งแล้ว ทีนี้ก็เหลือสิ่งสุดท้ายที่ต้องทำ”

“อะไรอีกล่ะ”

“ยกผู้หญิงคนนั้นมาซะแล้วเจ้าจะได้ไป”

ชายร่างเล็กชี้ไปที่หลินขณะกล่าวเช่นนั้น

กู่ฉิงซานหันมองกลับไปที่หลิน

หลินชำเลืองมองเขาอย่างเฉยชา สีหน้าราบเรียบ

ชายร่างเล็กกล่าวว่า “เจ้าหนู เจ้าอาจจะหนีจากพวกข้าได้ก็จริง แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่อาจหนีไปพร้อมกับเจ้าได้ ข้าแนะนำว่าให้เจ้าไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองแล้วฝากผู้หญิงไว้กับพวกข้าจะดีกว่า”

กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพักก่อนถอนหายใจออกมา

เขาเดินไปหาหลินแล้วกล่าวว่า “ข้าขอโทษ”

“ว่าไงนะ”

สายตาของหลินพลันเสียโฟกัส ใบหน้ากับท่าทีอันจริงใจของเขาพลันพังทลายลง

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ครั้งนี้เจ้าอาจจะไม่ได้พักผ่อนอย่างสบายใจแล้วล่ะ”

“ทำไมล่ะ” หลินถามด้วยความสับสน

“เพราะว่า…”

กู่ฉิงซานลังเลก่อนตอบตามจริงว่า

“ถึงแม้ข้าต้องฆ่าเผ่าพันธุ์เทพในระดับสี่เสาศักดิ์สิทธิ์ ถึงต้องสู้กับสัตว์ประหลาดอย่างวิญญาณกรีดร้องและมังกรหุบเหว แต่ข้ายังขาดประสบการณ์ในการรับมือกับสวะอย่างจ้าวโลกพวกนี้”

หลินตกตะลึง

กู่ฉิงซานกล่าวต่อว่า “ข้าเกรงว่าคงจะทำให้เสียเวลาอีกสักหน่อย… ข้ารู้ว่าเจ้าบาดเจ็บ ดังนั้นโปรดอภัยให้ข้าด้วย”

‘ตูม!’

จิตดาบรุนแรงระเบิดออกจากตัวเขาก่อนกลายเป็นพายุดาบพัดไปทั่วถิ่นทุรกันดาร

เขาหันไปเผชิญหน้ากับจ้าวโลก

ดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนมาอยู่ในมือของเขา

ใบหน้าของกู่ฉิงซานเผยจิตสังหารที่หายไปนานขึ้นมาก่อนเดินไปข้างหน้าช้าๆ

“ทุกคนต้องตาย”

เขากระซิบอย่างแผ่วเบากับสายลม

………………………………………….