ตอนที่ 424 ทดสอบพลังจิต

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ตกลง งั้นส่งข้าไปชั้นที่สองเถอะ! ”

ระดับความยากในแต่ละชั้นของเจดีย์เทพหนานอู้นั้นล้วนแต่จัดเรียงตามลำดับความแข็งแกร่งของผู้ที่เข้ามาทดสอบ แน่นอนว่าผู้ที่มีพลังวิญญาณขั้นจักรพรรดินั้นถูกส่งไปทดสอบแล้ว

ในขณะที่มู่เฉียนซีเข้าไปในชั้นที่สอง จักรพรรดิเซี่ยกับอวิ๋นฮวายังคงต่อสู้อย่างสุดความสามารถอยู่เลย

เทพพิทักษ์ดินแดนที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่นั้นแข็งแกร่งกว่าของมู่เฉียนซีมาก อีกอย่างพวกเขาก็ไม่มียาวิญญาณฟื้นฟูพลังมากมายเฉกเช่นดั่งมู่เฉียนซี แค่คิดก็รู้แล้วว่าน่าเวทนาเพียงใด

จุดอ่อน พวกเขาทั้งสองได้หาจุดอ่อนแล้วตั้งหลายครั้งหลายครา แต่ก็ยังไร้ผล

และตอนนี้มู่เฉียนซีก็มาถึงชั้นที่สองแล้ว “ตราบใดที่เจ้าอดทนการโจมตีขอนกอินเสินได้เป็นเวลาสามชั่วยาม เจ้าก็จะผ่านด่านนี้ไป”

“ไม่จำเป็นต้องชนะ ขอเพียงแค่เจ้าอดทนและยืนหยัดต่อไปให้ได้” มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ถึงกับตกใจผงะไปครู่หนึ่ง กติกานี้ดูเหมือนว่าจะง่ายกว่าชั้นแรกมาก ทว่า นางมีลางสังหรณ์อยู่ว่าหากทดสอบจริง มันคงไม่ง่ายอย่างที่คิด

“โฮ่ก! ” เสียงดังทะลุตัดผ่านอากาศ และกลุ่มนกตัวขนาดเท่าหัวแม่มือกลุ่มหนึ่งก็โบยบินออกมา ในขณะที่พวกมันบินมานั้น มันก็ส่งเสียงอันแหลมคมออกมาด้วย ซึ่งเสียงนี้ทำให้คนที่ได้ยินถึงกับมีความรู้สึกบ้าคลั่งขึ้นมาได้เลย

ปัง

ทันทีที่มันโจมตีด้วยเสียง มันก็โจมตีทางกายด้วย

การโจมตีของมันราวกับเม็ดฝนที่ตกปรอย ๆ ลงมาทำให้คนยากที่จะหลบหลีกได้ หากไม่ได้ฝึกเคล็ดวิชามา มีหวังต้องถูกเสียงนกเหล่านี้ทรมานจนสูญสิ้นไปแน่

ดวงตาของมู่เฉียนซีเปล่งประกายขึ้น ใช้เสียงโจมตีใช่ไหม? หากนางไม่ได้ยินเสียง การโจมตีนี้ก็ไม่มีผลต่อนางหน่ะสิ นางแค่รับมือต่อสู้กับการโจมตีทางกายภาพของมันก็เพียงพอแล้ว

มู่เฉียนซีใช้พลังวิญญาณเพื่อปิดกั้นการได้ยินของตัวเอง แต่นางพบว่าพลังวิญญาณปิดกั้นการได้ยินไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่ ดังนั้นนางเตรียมจะใช้ยาวิญญาณ

นางเป็นถึงหมอปีศาจ การจะปรุงยาทำให้ไม่ได้ยินชั่วคราวไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนางเลย ยาวิญญาณนั้นใช้ได้ผลดีมาก เพียงแต่นางประเมินค่านกอินเสินนี้ต่ำไปแล้ว

ถึงแม้ว่านางจะสูญเสียการได้ยินไปชั่วคราว แต่เสียงของมันนั้นแทรกซึมเข้าไปถึงจิตวิญญาณ ทำให้คนรู้สึกฉุนเฉียว กระวนกระวายใจ หวาดกลัว และสับสน……

อารมณ์และความรู้สึกเชิงลบเหล่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะครอบงำผู้คนไว้ได้

เม็ดเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดพรายขึ้นเต็มบนหน้าผากของมู่เฉียนซี เสียงร้องของนกอินเสินเหล่านี้ทำให้นางปวดหัวหนักขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นการทรมานพลังจิตอย่างหนึ่ง

ขวั่บ ขวั่บ ขวั่บ!

กรงเล็บอันแหลมคมของนกอินเสินข่วนลงบนร่างกายของมู่เฉียนซีอย่างรุนแรง

ฉึก!

ครู่หนึ่ง บาดแผลเหล่านั้นของนางก็เผยให้เห็นคราบเลือด และบาดแผลลึกจนเห็นกระดูก

อย่ามองว่ามันตัวเล็ก การลงมือของพวกมันนั้นโหดร้ายเป็นอย่างมาก แค่กรงเล็บของพวกมันก็แทบจะคร่าชีวิตของมู่เฉียนซีได้แล้ว

เม็ดเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดพรายขึ้นบนหน้าผากของมู่เฉียนซีอีกครั้ง ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้เด็ดขาด

นางกัดริมฝีปากแน่นพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองเพื่อจะรับมือกับศัตรูเหล่านี้ มิเช่นนั้นนางต้องพ่ายแพ้อยู่ตรงนี้แน่

“เจ้ามาถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้ว เจ้าจะยอมหยุดเพียงแค่นี้หรือไม่? หากเจ้าฝืนต่อไป เจ้าจะเสียเลือดมาก และพลังจิตของเจ้าก็คงต้องพังทลายเป็นแน่”

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้ายังทนได้! ”

“หากฝืนในสิ่งที่ตัวเองไม่ไหว มีแต่จะทำลายตัวเอง”

มู่เฉียนซีท่องคาถาสงบจิตใจที่เคยได้ฟังเมื่อมาชาติปางก่อน เพื่อที่จะให้จิตใจของตัวเองสงบและมีสติขึ้น ตอนนี้รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีทาง แต่ก็ยังคงมีความหวัง ถึงแม้ว่าความหวังมันจะน้อยนิดก็ตาม

จิตสงบ ต้องทำให้จิตสงบ!

มีชีวิตมาสองภพสองชาติ ใจจดใจจ่ออยู่กับการปรุงยา พลังจิตของนางจะไม่มีวันพ่ายแพ้ให้กับนกตัวเล็ก ๆ เหล่านี้แน่นอน

ใจได้สงบลงแล้ว

อย่ายอมให้ถูกสิ่งภายนอกรบกวนเด็ดขาด ต่อจากนี้ก็ต้องโจมตีกลับ!

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!

เข็มยาของมู่เฉียนซีพุ่งออกไป

ฉึก!

นกอินเสินตัวนั้นถูกโจมตีกลับ ร่างของมันร่วงลงมาจากอากาศอย่างน่าอับอาย

“มังกรวารีพิฆาต! ”

การโจมตีของมู่เฉียนซีเป็นไปอย่างต่อเนื่อง “โฮ่กกก โฮ่กกก……” เสียงของนกอินเสินแทบจะทำให้คนบ้าคลั่งได้ ทว่าจิตใจของมู่เฉียนซีในตอนนี้สงบนิ่งราวกับน้ำ

ตอนนี้มู่เฉียนซีเอาการต่อสู้นี้มาเป็นการปรุงยา นางใจจดใจจ่อเป็นอย่างมาก สิ่งภายนอกรอบ ๆ ตัวอย่าหวังว่าจะรบกวนนางได้

“ทักษะตี้ซวน! ”

ตูมมมม!

สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของนกอินเสินนี้ก็คือการโจมตีด้วยเสียง หากไม่มีการโจมตีด้วยเสียง มู่เฉียนซีก็รับมือกับมันได้อย่างไม่มีปัญหา

ความเร็วของพวกมันนั้นเร็วมาก แต่ความเร็วของมู่เฉียนนั้นก็ไม่ได้ช้าเลย!

และแล้วเวลาก็ล่วงเลยผ่านไปสามชั่วยาม ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีจะจัดการกับนกอินเสินเหล่านั้นไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็ได้รับแจ้งว่าผ่านด่านนี้แล้ว

“ยินดีกับเจ้าด้วย เจ้าอดทนได้ครบสามชั่วยาม เจ้าผ่านด่านนี้แล้ว ต่อไปจะส่งเจ้าไปชั้นที่สาม”

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ได้! ”

ทางด้านจักรพรรดิเซี่ยที่ก้าวมาอยู่ในชั้นที่สองตอนนี้ เขารู้สึกว่านกอินเสินเหล่านั้นช่างน่ารำคาญยิ่งนัก ดวงตาของเขาราวกับคลื่นลูกใหญ่ จิตใจของเขาราวกับน้ำแข็งหิมะหมื่นปีก็มิปาน

สภาพจิตใจของเขาตอนนี้สามารถบรรยายออกมาได้สามคำ นั่นก็คือ เงียบสงัด

นกอินเสินจะโจมตีคนเช่นนี้บอกได้คำเดียวเลยว่า ไร้หนทาง!

กลิ่นอายความเย็นยะเยือกค่อย ๆ แผ่ซ่านออกมา จากนั้นนกอินเสินเหล่านี้ก็ถูกแช่แข็งไปในทันที หากบอกว่าจิตใจของมู่เฉียนซีนิ่งสงบราวกับน้ำ ต้องบอกเลยว่าจิตใจของจักรพรรดิเซี่ยผู้นี้นิ่งและเย็นยะเยือกราวกับบ่อน้ำแข็งก็มิปาน

จักรพรรดิเซี่ยสามารถผ่านด่านนี้ไปได้อย่างสบาย แต่อวิ๋นฮวานั้นกลับน่าสังเวชยิ่งนัก

ความละโมบโลภมาก ความโกรธแค้น อารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ทำให้เขาแทบจะบ้าคลั่งในด่านที่สองนี้ ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับบ้าคลั่งไปแล้ว สภาพจิตใจของเขาในตอนนี้ หากคิดจะผ่านด่านนี้ไป ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด!

ทางด้านมู่เฉียนซีก้าวไปสู่ด่านที่สามได้อย่างราบรื่น ด่านแรกเป็นการทดสอบพลังการต่อสู้และพลังการสังเกต ด่านที่สองเป็นการทดสอบพลังจิต แล้วด่านที่สามจะเป็นการทดสอบอะไรล่ะ?

มาถึงชั้นสาม ด่านทดสอบที่สามนี้ก็คือการทดสอบภาพมายา

ภายในหมอกสีขาวที่ขมุกขมัว ชายผู้อ่อนโยนดุจดั่งหยกขาวที่นั่งอยู่บนรถเข็นผู้นั้น ค่อย ๆ ยืนขึ้นอย่างช้า ๆ และค่อย ๆ ย่างเท้าก้าวเดินไปหามู่เฉียนซี

“ซีเอ๋อร์ อาลุกขึ้นยืนได้แล้ว”

มู่เฉียนซีสะดุ้งเล็กน้อย นี่คือสิ่งที่นางอยากเห็นมากที่สุดในตอนนี้ แต่เพราะเป็นความปรารถนาในใจ นางจึงเห็นภาพมายานี้ขึ้น มู่เฉียนซีหลับตาลงเพื่อให้ทุกอย่างนี้หายไป

“ไปกับอา แล้วทุกอย่างก็จะเป็นจริงดั่งที่เจ้าต้องการ เจ้าก็จะไม่ต้องเสียเวลาทุ่มเทกายใจเพื่อหาสมุนไพรวิญญาณที่ไม่มีวันหาเจอสองชนิดนั้นแล้ว”

“หากหาสมุนไพรวิญญาณทั้งสองนั้นไม่เจอ อาก็จะต้องตาย ซีเอ๋อร์ทำใจยอมเห็นอาตายไปได้เหรอ? ขอเพียงแค่ไปกับอา ทุกอย่างก็จะแก้ไขได้ทั้งหมด”

“ถึงแม้ว่าสมุนไพรวิญญาณนั้นจะหายาก แต่หลานก็เชื่อว่าหลานต้องหามันเจอ ในเมื่อหลานตั้งใจจะรักษาท่านอา หลานเชื่อว่าหลานจะรักษาให้ท่านอาหายได้”

“จางหายไปเถอะ! ”

ภาพมายาเหล่านี้ไม่สามารถทำอะไรนางได้! แต่ไหนแต่ไรมาท่านอาไม่เคยกล่าววาจาเช่นนี้จากนั้นไม่นานนักหมอกสีขาวที่ขมุกขมัวนั้นก็กลับกลายเป็นหมอกสีดำที่ขมุกขมัวแทน ภายในหมอกดำนั้นมีร่างชายชุดดำราวภูตผีปีศาจผู้หนึ่ง

“คำสาปของข้าได้แก้หายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ซี ข้าเป็นของเจ้าแล้ว”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “นี่เจ้ากลไกวิญญาณ นี่เจ้าเล่นตลกบ้าอะไรกัน? ภาพมายาเหล่านี้เจ้าคิดว่ามันมีสาระมากงั้นเหรอ? น่าเบื่อต่างหากสิไม่ว่า”

กลไกวิญญาณก็รู้สึกจนปัญญาเช่นกัน “นี่เป็นสิ่งที่คนคน หนึ่งปรารถนามากในชีวิต คนทั่วไปหากเห็นภาพมายาเหล่านี้แล้วก็ต้องตกหลุมพรางไปหมด เจ้ามันเป็นเด็กหัวแข็งจริง ๆ นึกไม่ถึงเลยสักนิดว่าภาพมายาเหล่านี้ทำอะไรเจ้าไม่ได้ แปลกประหลาดยิ่งนัก”

มู่เฉียนซีกล่าว “ก็เพราะข้ารู้ดี ว่าหากข้าจะบรรลุเป้าหมาย รักษาท่านอาให้หาย ข้าก็ต้องตั้งใจและขยันปรุงยา และต้องตามหาสมุนไพรวิญญาณสองชนิดนั้นให้เจอ”

“อ้อ แล้วข้าก็รู้อีกว่า หากข้าจะเอาชนะเจ้าหนุ่มรูปงามนั่นแล้วล่ะก็ ข้าจะต้องฝึกฝน ข้าถึงจะมีพลังที่แข็งแกร่งไปทวงหนี้คืนจากเจ้านั่นได้”

มู่เฉียนซียิ้มมุมปาก “ข้าไม่ชอบภาพลวงตา ภาพมายาอะไรทั้งนั้น สิ่งใดที่ข้าตั้งใจจะทำให้สำเร็จ ข้าก็จะต้องพยายามและจะต้องขยันถึงจะถูก”

กลไกวิญญาณยิ้มพลางกล่าวว่า “ยินดีกับเจ้าด้วย เจ้าเป็นคนที่ผ่านด่านที่สามได้ยอดเยี่ยมและน่าชื่นชมที่สุด ตอนนี้เจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะทดสอบด่านที่สี่แล้ว”