ตอนที่ 574 ความหมายของการสู้สุดชีวิต

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 574 ความหมายของการสู้สุดชีวิต โดย ProjectZyphon

เสียงต่อสู้ดุเดือดทำให้บริเวณหนองนี้ไม่เงียบสงบโดยสิ้นเชิง

ใครกำลังสู้กัน

หลินสวินนอนอยู่กลางหนอง ร่างกายเขาแม้สมานตัวต่อเนื่องแต่ยังไม่ฟื้นฟูดี เหตุผลก็เพราะก่อนหน้านี้อาการบาดเจ็บที่เขาได้รับร้ายแรงยิ่งนัก

ถึงขั้นที่เขาในตอนนี้ยังลืมตาไม่ขึ้น

กอปรกับเขากำลังโคจรเคล็ดวิชาตัดวิถีอย่างสุดแรงเพื่อขจัดโซ่เคราะห์สวรรค์เส้นนั้น เวลานี้ไม่กล้าวอกแวกไปสนใจเรื่องอื่น

แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ หลินสวินก็ยังรับรู้ได้ว่า สถานการณ์ของเขากำลังเผชิญกับภัยคุกคามที่ไม่เคยมีมาก่อน หากไม่รีบฟื้นตัวโดยเร็วอาจจะตายเช่นนี้ก็ได้!

หลินสวินไม่กล้าร่ำไร สลัดความคิดฟุ้งซ่าน ทั้งกายใจจดจ่อกับการหลอมสลาย

ครั้งนี้เขาบาดเจ็บหนักมากจริงๆ ถึงขั้นที่ไม่อาจรับบาดแผลเพิ่มได้แล้ว ในสถานการณ์ปกติต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีทางรอดได้เลย

แต่ในช่วงเวลาอ่อนแอถึงตายนี้ ในชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดแผ่พลังยิ่งใหญ่เกรียงไกร ทำให้ทุกอย่างพลิกผัน

เมื่อหลินสวินโคจรเคล็ดวิชาตัดวิถี หมอกอัศจรรย์ภายในถ้ำสวรรค์พวยพุ่ง แสงมงคลไหลหลั่ง เสียงธรรมมหามรรคกึกก้อง หมอกแสงลึกลับทุกสายทุกเส้นพุ่งไปบนแท่นมรรค ปกคลุมโซ่เคราะห์สวรรค์นั้นโดยสมบูรณ์แล้วเริ่มหลอม

ขณะนี้พลังแฝงในกายหลินสวินกำลังตื่น ฟื้นฟูรอบด้าน ราวทางน้ำแห้งผากถูกกระแสน้ำพลังมหาศาลทดอยู่

ร่างที่ทรุดโทรมแตกหักของเขาถูกฟื้นฟู บาดแผลค่อยๆ สมาน เริ่มเกิดพลังชีวิตยิ่งใหญ่ ไม่เงียบเชียบดังเดิมอีก

โครม!

การเคลื่อนไหวของถ้ำสวรรค์ในกายยิ่งทรงพลังขึ้น เห็นได้ว่าโซ่เคราะห์สวรรค์เส้นนั้นกำลังถูกหลอมทีละน้อย กลายเป็นพลังสายหนึ่งราดรดลงบนแท่นมรรคหม่นหมองเป็นลายพร้อยอยู่ก่อน

นี่เป็นพลังกฎระเบียบอย่างหนึ่ง แม้ถูกหลอมไป กลิ่นอายที่เหลืออยู่รวยริน แต่ยังคงมีพลานุภาพที่เกินจินตนาได้ดังเดิม

ส่วนตอนนี้พลังที่ถูกหลอมนี้ล้วนรวมเข้าไปในแท่นมรรค ทำให้แท่นมรรคได้รับการหล่อเลี้ยงและขัดเกลาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!

นี่ช่างเป็นวิชาชิงสวรรค์เสียจริง!

ใครจะกล้าคิดว่าพลังแห่งเคราะห์สวรรค์สามารถถูกหลอมรวมเข้าสู่ถ้ำสวรรค์ ไปราดรดและขัดเกลาแท่นมรรคได้

นี่ก็คือความอัศจรรย์ของเคล็ดวิชาตัดวิถี พลังสลายเคราะห์ หวนคืนสู่ต้นกำเนิดมรรควิถี หลอมรวมในรากฐานมหามรรค แปรสภาพจนหมดสิ้น!

เสียงกึกก้องครั่นครืนไม่หยุดลงดุจเสียงธรรมมหามรรค ถ้ำสวรรค์ที่เดิมทึบทึม เวลานี้ส่องแสงสดใสแผ่ขยายออกมาเรื่อยๆ หมอกอัศจรรย์แสงมงคลตลบอบอวล

แม้แต่แท่นมรรคแท่นนั้นก็เริ่มมั่นคงอีกครั้ง ไม่ได้โปร่งแสงเลือนรางเช่นก่อนหน้านี้ แต่กลับมีกลิ่นอายคืนสู่ความโบราณดั้งเดิมเพิ่มขึ้นมา ตั้งตระหง่านในถ้ำสวรรค์ ประหนึ่งสามารถผ่านความทุกข์ยากแต่ไม่ผุกร่อน ธำรงยาวนานคู่โลกา!

ทั้งหมดนี้ก็เหมือนจากร้ายกลายเป็นดี!

ยามเข้าใกล้ความตายที่แท้จริง เพียงการเคลื่อนไหวเดียวก็พลินผันจากตายเป็นรอด ดุจได้นิพพานเกิดใหม่ในการฝึกปราณ

นี่ก็คือหนทางสู่ยอดมกุฎ แม้เรียกได้ว่าเป็นมรรคาที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน แต่ความทรมาน ความล้มเหลวและความทุกข์ยากก็น่าหวั่นกลัวเกิดคาดคิด

ต่อให้เป็นบุคคลน่าตื่นตาเช่นหลินสวินก็ยังเกือบวายชนม์มรรคสลาย ฝืนทนผ่านความลำบากมาได้ระหว่างการไล่ล่าสังหารและทรมานในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา

เส้นทางนี้อย่างน้อยในจักรวรรดิจื่อเย่าก็ไม่เคยมีมาก่อน เป็นเพียงผู้เดียวตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน! ขนาดในคัมภีร์โบราณก็แทบหาบันทึกไม่พบ ราวกับเป็นเรื่องต้องห้าม ไม่ยินยอมให้ดำรงอยู่ในโลกา

“ให้ตายสิ ถ้ารู้ก่อนว่ามีศัตรูตามฆ่าเจ้ามากมายเช่นนี้ข้าก็ไม่กลับมาแล้ว”

ในโสตประสาทพลันมีเสียงของเจ้าคางคกจินตู๋อีดังขึ้น เจือแววฉุนเฉียว นี่ทำให้หลินสวินที่ฝึกปราณอยู่พลันประหลาดใจ เจ้าคางคกนี่กลับมาหรือ

สำนึกรับรู้แผ่กว้าง หลินสวินพลันเห็นว่าข้างกายตน จินตู๋อีที่แต่งกายสีเขียวทั้งชุดเลือดไหลรินไปทั้งร่าง กำลังกอดต้นขาพลางเค้นฟันด่าทอด้วยน้ำเสียงเดือดดาล

“โอ๊ยๆๆ เจ็บจริงๆ โว้ย เจ้าหนูนั่น ข้าจะจำเจ้าไว้ว่าเจ้าฟันข้าสามครั้ง ไม่ช้าก็เร็วข้าจะกินเจ้าหนูอย่างเจ้า!”

จินตู๋อีร้องตะโกนพลางมองหลินสวินที่อยู่ข้างกายด้วยความกังวล ปากก็พึมพำคร่ำครวญไม่หยุดหย่อน “เจ้าเด็กนี่ไม่ได้ตายไปแล้วจริงๆ กระมัง ทำไมถึงยังไม่ฟื้นขึ้นมา โธ่ ถ้ารู้เช่นนี้ก่อนข้าก็ไม่กลับมาแล้ว…”

หลินสวินได้ยิน ในใจกลับบังเกิดกระแสความอบอุ่นระลอกแล้วระลอกเล่า ลอบเอ่ยว่าเจ้าหมอนี่แม้นิสัยจะไม่ได้ดีอะไร แต่ในแง่น้ำใจรักพวกพ้องนี้กลับควรค่าแก่การยอมรับ

เวลาเดียวกันในใจหลินสวินก็โมโหขึ้นมาอย่างพูดไม่ถูก เห็นได้ชัดว่าเจ้าคางคกเพิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้เมื่อกี้ และที่เขาทำเช่นนี้ย่อมต้องเป็นเพราะปกป้องตน!

“แม่หนูน้อยนี่ก็ไม่เลว ตัวคนเดียวประลองกับผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง ไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าเด็กนี่ไปโชคดีมาจากไหน ถึงได้หาแม่หนูหน้าตาสะสวยที่มีจิตใจรักพวกพ้องเช่นนี้…”

จินตู๋อีทอดถอนใจ

หลินสวินตกใจยิ่ง ยังมีคนมาช่วยตนด้วยหรือ

สำนึกรับรู้เขาแผ่ออกกว้าง พลันสังเกตว่าไม่ไกลออกไปกำลังเกิดศึกเลวร้ายที่โหดเหี้ยมหาใดเทียบ

บุคคลชั้นยอดรุ่นเยาว์อย่างบุตรเทพเผ่าวาฬมังกรอวี่เซียวเซิง ธิดาเทพเผ่าสิงห์โลหิตหลินหลาง รวมถึงบุตรเทพเผ่ากวางหยก บุตรเทพเผ่าคชามาร ธิดาเทพเผ่ากาฬพฤกษ์ล้วนอยู่ในศึกนี้!

ทว่าพวกเขาในตอนนี้กลับล้อมโจมตีคนคนเดียว

ไม่ใช่ ไม่ใช่ล้อมโจมตี แต่ถูกคนคนเดียวพัวพันดึงรั้ง ไม่ว่าใครที่คิดจะพุ่งเข้ามาทางตน ก็จะถูกคนคนนั้นเข้าไปโจมตีอย่างไม่สนใจสิ่งใด!

คนผู้นั้น…

เป็นจ้าวจิ่งเซวียน!

เสื้อผ้าของนางย้อมไปด้วยเลือด ใบหน้ากระจ่างพริ้งพรายซีดขาว ผมงามยุ่งเหยิง เงาร่างซวนเซ เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่นานแล้ว

แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้นางก็ยังคงต่อต้านและยืนหยัดดังเดิม ดวงตากระจ่างใสเต็มไปด้วยความแน่วแน่เด็ดขาด ไม่มีความลังเลสักนิด

หลินสวินใจสั่นสะท้าน ความซาบซึ้งยากบรรยายไหล่บ่าทั่วร่าง

เขาจะไปคิดได้อย่างไรว่า จ้าวจิ่งเซวียนที่เป็นถึงองค์หญิงแห่งจักรวรรดิ ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ กลับต่อสู้ฆ่าฟันอยู่ตรงนั้นอย่างแทบไม่คิดถึงชีวิตเพื่อปกป้องตน

“ผู้หญิงอย่างเจ้านี่บ้าระห่ำเสียจริงนะ เพื่อปกป้องเด็กหนุ่มที่ร่อแร่ปางตายคนนี้ ขนาดชีวิตตัวเองยังไม่ต้องการแล้วหรือ”

ในลานมีเสียงตะคอกดังขึ้น น้ำเสียงน่ากลัว จิตสังหารเปิดเผยออกมาจนหมดสิ้น นั่นคืออวี่เซียวเซิง สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความรำคาญ

“เจ้าตัวคนเดียวเท่านั้นไม่มีทางขวางพวกเราได้แน่ ยังไม่รีบหลีกทางอีก อย่าดื้อดึงต่อต้านอีกเลย หาไม่แล้ววันนี้เจ้าก็ได้ตายแน่!”

ผู้แข็งแกร่งหลายคนข่มขู่ ความแข็งแกร่งของจ้าวจิ่งเซวียนเหนือความคาดหมายของพวกเขา ทำให้พวกเขาก็รู้สึกตึงมืออยู่บ้าง

ยังดีที่จ้าวจิ่งเซวียนใกล้จะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว อีกไม่นานต้องถูกฆ่าแน่!

จ้าวจิ่งเซวียนเหมือนไม่ได้ยินทุกอย่างนี้ สีหน้าแน่วแน่ ดวงตากระจ่างมีแต่ความเด็ดขาด

มุมปากของนางมีเลือดไหล ขนาดร่างกายก็เริ่มโซซัดโซเซ ทำให้หลินสวินเจ็บปวดและโกรธแค้น อยากจะพุ่งออกไปขวางเบื้องหน้าร่างของจ้าวจิ่งเซวียนเสียเดี๋ยวนั้น

ผู้กล้าหญิงแห่งจักรวรรดิผู้หนึ่ง ทายาทสายตรงของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ฐานะน่าเคารพสูงส่งเพียงใด ถึงกระนั้นเวลานี้นางกลับเหมือนคนคลั่งที่ดื้อดึงรุนแรง ไม่สนใจสิ่งใด ไม่เสียดายค่าตอบแทนทุกอย่าง ต้องการขัดขวางศัตรูที่เข้าใกล้หลินสวินทั้งหมด

สภาพการณ์เช่นนี้ดูน่าเวทนาและน่าตกตะลึงเกินธรรมดา

ไม่มีใครเข้าใจได้ว่า เพื่อเด็กหนุ่มใกล้ตายผู้หนึ่ง ควรค่าให้เสียสละมากมายขนาดนี้เชียวหรือ

และก็เพราะเหตุนี้ที่ทำให้การกระทำของจ้าวจิ่งเซวียนดูไม่ประสาและน่าขันในสายตาของบุคคลชั้นยอดแต่ละเผ่าเหล่านั้น เหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ ดูโง่เขลานัก

“เฮ้อ ชาตินี้หากมีผู้หญิงอย่างนี้เป็นคู่ ต่อให้อายุสั้นก็คุ้มแล้ว” จินตู๋อีทอดถอนใจ

เขาเองก็ตกตะลึง ไม่อาจคาดคิดได้ว่าฐานะของหลินสวินในใจจ้าวจิ่งเซวียนจะสำคัญขนาดไหน ถึงกับทำให้นางสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือเช่นนี้

“เจ้าหนู ถ้าเจ้ายังมีมโนธรรอยู่บ้างก็รีบฟื้นขึ้นมาเถอะ คนงามอย่างนี้หากสิ้นชีพไปต้องเสียดายไปทั้งชีวิตแน่”

จินตู๋อีพึมพำ

หลินสวินราวกับได้ยินคำพูดของจินตู๋อี ร่างที่นอนอยู่ในหนองนั้นพลันลุกขึ้น รอยแผลทุกรอยสมานต่อเนื่อง กำลังเกิดใหม่

ตูม!

คลื่นทรงพลังกระจายออกมาจากกายหลินสวินราวพายุ ม้วนกลืนหนองน้ำแห่งนี้ ฟ้าดินสะเทือนไหวราวกับมหาสมุทรกำลังซัดสาดคลื่นใหญ่

เพียงแต่หลินสวินนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น ดวงตาปิดสนิท ไม่มีการเคลื่อนไหวอื่นใดอีก

แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าแสงอัศจรรย์แวววาวพวยพุ่งออกมารอบกายเขา เจิดจ้าช่วงโชติ ไพศาลเปล่งประกายราวน้ำตก มีพลังชีวิตแข็งแกร่งเหลือคณากำลังไหลบ่า!

ชั่วพริบตานี้ฟ้าดินราวถูกหลินสวินแย่งชิงความเรืองรอง แปรเปลี่ยนเป็นมืดทึม!

ไอหมอกคลุมเครือ หนองน้ำกระเพื่อม หลินสวินกำลังรับการหล่อเลี้ยงและชำระล้าง เปล่งประกาย เจิดจ้านัยน์ตาราวเทพองค์หนึ่ง

“ฮ่าๆๆ ฟื้นแล้ว เจ้าหมอนี่ในที่สุดก็ฟื้นแล้ว เขาขจัดแผลมรรคได้แล้วจริงๆ สวรรค์! เจ้าหมอนี่ต้องเป็นสัตว์ประหลาดตนหนึ่งแน่!”

ทันใดนั้นจินตู๋อีก็หัวเราะร่า

ส่วนไม่ไกลออกไป เหล่าผู้แข็งแกร่งอย่างพวกอวี่เซียงเซิง หลินหลางล้วนสีหน้าแปรเปลี่ยน รับรู้ได้ว่าสถานการณ์ไม่เข้าทีอยู่บ้าง

เดิมทีจ้าวจิ่งเซวียนจะหยัดยืนไม่อยู่แล้ว ทว่าเวลานี้เมื่อรับรู้ได้ว่าบนร่างของหลินสวินปะทุพลังชีวิตมหาศาลออกมา ดวงตากระจ่างของนางก็พลันเปล่งประกาย พึมพำในใจว่า ‘พวกเจ้าเห็นหรือยัง นี่ก็คือความหมายในการยืนหยัดของข้า…’

“ฆ่า! รีบฆ่าผู้หญิงคนนี้เร็ว!”

“สมควรตาย! เจ้าเด็กนี่ถึงกับจะผงาดขึ้นมาใหม่ ต้องไม่ให้มันบรรลุเป้าหมายได้เด็ดขาด เร็วเข้า ใช้ฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุด!”

ผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่าร้องเสียงดัง สำแดงการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุด

เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นก็ทำให้จ้าวจิ่งเซวียนได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง บนหลังถูกฟันจนเกิดรอยแผลยาว เนื้อหนังเปิดออก เลือดไหลริน เกือบทำร้ายไปถึงอวัยวะภายใน!

“ฆ่า!”

ในเวลาเดียวกันอวี่เซียวเซิงคว้าโอกาสไว้ เขากระโจนออกไป ในมือถือทวนกระดูกมังกรพุ่งสังหารใส่หลินสวิน!

เกิดเสียงดังตูม ห้วงอากาศระเบิดออกเป็นเสี่ยง แค่คิดก็รู้ว่าการโจมตีนี้น่ากลัวขนาดไหน ต้องเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของอวี่เซียวเซิงแน่

“มีข้าอยู่ มีหรือจะให้เจ้าบรรลุเป้าหมาย”

ทันใดนั้นจินตู๋อีร้องเสียงดัง แม้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว แต่เวลานี้ก็พุ่งออกมารับการโจมตีนี้อย่างบ้าบิ่นเพื่อช่วยหลินสวิน

เพียงแต่เวลาต่อมาเขาก็ถูกฟันกระเด็น กระแทกลงไปในหนองน้ำ กระดูกทั้งร่างราวแตกหัก ลมหายใจรวยริน

“ไอ้เศษเดน ดูซิว่าครั้งนี้จะยังมีชีวิตได้ไหม!”

อวี่เซียวเซิงสีหน้าเหี้ยมเกรียม ยามพูดจาการเคลื่อนไหวก็ไม่ชักช้าแม้เพียงนิด โบกทวนใหญ่ฟาดฟันลงไปอย่างไร้ความปราณี ก่อให้เกิดแสงท่วงทำนองมรรคน่าหวาดหวั่น

“เจ้ากล้า!”

จ้าวจิ่งเซวียนที่อยู่ไกลออกไปพลันหน้าเปลี่ยนสี ตะคอกด้วยความเดือดดาลถึงขีดสุด พุ่งตัวมาทางนี้โดยไม่สนใจสิ่งใด

แต่เห็นชัดว่าช้าไปก้าวหนึ่ง

ก็เห็นว่าทวนกระดูกมังกรนั่นฟาดลงมา กำลังจะฟันใส่ศีรษะหลินสวิน!

“ไม่…”

จินตู๋อีที่ลมหายใจรวยรินส่งเสียงคำราม เบ้าตาแทบถลน มาถึงขั้นนี้แล้ว หรือจะต้องถูกปลิดชีพเช่นนี้หรือ

แต่ที่ทำให้ทุกคนคนคาดไม่ถึงก็คือ เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของอวี่เซียวเซิงนี้มาถึงศีรษะของหลินสวินแล้ว แต่มันกลับหยุดอยู่เช่นนั้น ไม่อาจฟันลงไปได้

เพราะไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่มือเรียวยาวขาวสะอาดข้างหนึ่งคว้าคมทวนกระดูกมังกรเล่มนั้นไว้มั่น!

__