สิ่งมีชีวิตด้านมืด…
หลิงม่อพึมพำในใจเงียบๆ และอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
เป็นอย่างนั้นจริงๆ…อสูรกายนรกพวกนั้นเกิดขึ้นจากด้านมืด ชื่อเรียกนี้จึงเหมาะสมกับพวกมันมากที่สุด…
ทว่าระดับความอันตรายของพวกมัน กลับอยู่ในขั้นนรกจริงๆ…
ด้านพลังต่อสู้ ความจริงพวกมันแข็งแกร่งกว่าซอมบี้เล็กน้อย แน่นอนว่านั่นหมายถึงในแง่ภาพรวมของทั้งเผ่าพันธุ์
และสาเหตุที่หลิงม่อคิดอย่างนี้ ก็เพราะสิ่งมีด้านมืดเหล่านี้มีความเป็นกลุ่มเป็นก้อนมากกว่า
ในขณะที่ท่ามกลางซอมบี้กลับมีร่างแม่จำนวนน้อยมาก เพียงแต่ในอาคารสิ่งก่อสร้างบางประเภท อาจมีอัตราพบเจอสูงกว่าเท่านั้นเอง…ทว่าเหล่าซอมบี้ที่เดินเตร็ดเตร่อยู่ตามท้องถนน กลับยังคงเป็นซอมบี้ “กลุ่มเล็กๆ” เหล่านั้น…
“ดูเหมือนว่าแกจะเข้าใจสถานการณ์จริงๆ สินะ ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ดีไหม แกลองพูดความคิดของแกออกมา ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่ามนุษย์อย่างแกจะรู้ไปถึงขั้นไหนแล้ว” หลิวหยางพลันพูดขึ้น
“หึหึ…ความจริงแกคิดจะล้วงข้อมูลจากฉันล่ะสิ…” หลิงม่อกลับเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของยัยแมงมุมตัวนี้ทันที…ดูเหมือนว่าหลังจากไม่ได้เจอกันนาน ยัยแมงมุมตัวนี้จะฉลาดขึ้นไม่น้อยเลย รู้จักใช้วิธีแบบนี้ขยายฐานข้อมูลของตัวเองด้วย…
“เอาเถอะ…ถ้าเราไม่พูด เธอก็ต้องไม่ยอมพูดแน่ อีกอย่าง…ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้รีบร้อนมาก นั่นแสดงว่าเธอไม่สนว่าพวกซย่าน่าจะตามลงมาสมทบหรือไม่ มั่นใจขนาดนี้ แสดงว่าจะต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ…ไม่ว่ายังไง…ระวังไว้ก่อนย่อมดีที่สุด…” เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลิวหยาง หลิงม่อก็ไม่ได้มีความมั่นใจเท่าตอนเผชิญหน้ากับหัวหน้าทีมนิพพานอีก…ดังนั้นหลังใคร่ครวญดีแล้ว เขาจึงบอกว่า “ฉันก็แค่คาดเดา…”
“ไม่เป็นไร ลองพูดออกมาสิ ถึงแม้มนุษย์อย่างพวกแกจะอ่อนแอมาก แต่ความสามารถในการสังเกตการณ์และจินตนาการล้วนไม่เลวทีเดียว” หลิวหยางบอก
“…เอาเถอะ ฉันจะถือว่าแกชมก็แล้วกัน…ความจริงคำพูดเมื่อกี้ของแกได้บ่งบอกถึงคำตอบได้เป็นอย่างดีแล้วล่ะ เทียบกับมนุษย์ จุดอ่อนที่พวกแกกับสิ่งมีชีวิตด้านมืดมีเหมือนกันก็คือความคิดของพวกแก ฉันไม่ได้หมายความว่าพวกแกมีสติปัญญาไม่สูงพอ…เมื่อถึงระดับอย่างพวกแกแล้ว อาศัยแค่เรื่องสติปัญญาก็คงเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดาไปมากแล้ว เพราะนอกจากพวกแกจะฟื้นคืนสติปัญญากลับมาแล้ว ความทรงจำที่ถูกฝังลึกก็ยังถูกปลุกตื่นขึ้นมาทั้งหมดอีกด้วย…น่าจะทั้งหมด ใช่ไหม?” หลิงม่อถามอย่างคาดหวัง
หลิวหยางไม่สงสัยอะไร เพียงพยักหน้าตอบ “ทั้งหมดนั่นแหละถูกแล้ว ความทรงจำของพวกฉันถูกปลุกตื่นขึ้นมาทั้งหมดจริงๆ จนมนุษย์อย่างพวกแกไม่อาจจินตนาการได้เลยล่ะ ฉันเองก็เคยมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์มาบ้างเหมือนกัน…”
“ปฏิสัมพันธ์ที่แกว่า…หรือหมายถึงด้วยวิธีนี้?” หลิงม่อหมายถึงการยึดครองร่างกายมนุษย์อย่างที่เธอกำลังทำอยู่นี้
แน่นอนว่าหลิวหยางย่อมเข้าใจความหมายของเขา แต่เขาไม่แยแสแววเสียดสีที่แฝงมากับน้ำเสียงของหลิงม่อ เพียงพูดต่อด้วยเสียงเรียบเฉย “ใช่ ความจริงวิธีอย่างนี้เรียกได้ว่าการฝังปรสิตเข้าไปในร่างสิ่งมีชีวิตอื่นอย่างหนึ่ง และหากพูดกันตามตรง พวกมันก็ยังเป็นปรสิตที่ค่อนข้างระดับต่ำอีกด้วย”
อย่างนี้ยังเรียกว่าระดับต่ำอีกเหรอ? หลิงม่อขมวดคิ้ว ถึงแม้เขาไม่ได้รู้สึกเห็นใจศัตรูกลุ่มนี้ แต่ในฐานะที่เป็นมนุษย์เหมือนกัน หลิงม่อก็ยังลอบรู้สึกขนลุกเบาๆ จากสถานการณ์ทั้งหมดที่เขาเห็น…คนเหล่านี้เหลือเพียงหนังหุ้มแล้วจริงๆ…
“ปรสิตเหล่านี้ไม่มีสติสัมปชัญญะเป็นของตัวเอง แต่จะถูกฉันควบคุมแทน หลังจากเข้าไปในร่าง พวกมันจะเริ่มกลืนกินเซลล์ของเจ้าบ้านอย่างบ้าคลั่ง และเข้าไปแทนที่สมองของมนุษย์ กลายเป็นศูนย์กลางควบคุมประสาทระบบใหม่ แกจะเข้าใจว่าหนังหุ้มพวกนี้ยังมีความสามารถในการเคลื่อนไหว แต่กลับสูญเสียความสามารถในการคิดไปแล้วก็ได้เหมือนกัน ซึ่งก็หมายความว่าพวกเขาได้กลายเป็นศพเดินได้อย่างแท้จริงไปแล้ว อีกทั้งพวกเขายังต่างจากศพเดินได้ธรรมดา เพราะหลังจากผ่านไประยะหนึ่งเนื้อกายของพวกเขาก็จะยังได้รับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่อีกด้วย แต่จะปรับโครงสร้างได้จนถึงระดับไหนก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน บ้างก็ถูกปรับโครงสร้างให้แข็งแกร่งขึ้นได้ บ้างก็เปลี่ยนแปลงน้อยจนไม่เป็นที่น่าพอใจ พลังแบบนี้ของฉัน แท้จริงก็มีพื้นฐานมาจากซอมบี้กลายพันธุ์นั่นแหละ ฉันพูดอย่างนี้ แกน่าจะเข้าใจนะ”
หลิงม่อฟังหลิวหยางพูดถึงเรื่องเหล่านี้ด้วยท่าทางใจเย็น ในใจเขากลับอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาอีกครั้ง นี่ก็หมายความว่า…ตัวเขาเองก็อาจสูญเสียความสามารถในการควบคุมตัวเองได้เหมือนกันอย่างนั้นหรือ? เมื่อถึงขั้นนั้น…ความจริงคนเหล่านี้ถือว่าได้ตายไปแล้ว…
“แต่ปรสิตพวกนี้อยู่ในระดับต่ำมาก ในขณะที่การปรับโครงสร้างแบบนี้ค่อนข้างรุนแรง ดังนั้นอย่างมากพวกเขาก็ทนได้เพียงเดือนกว่าๆ เซลล์ในร่างกายก็จะเริ่มตายอย่างต่อเนื่อง สุดท้าย…ก็จะค่อยๆ เน่าสลายไป” หลิวหยางราวกับอ่านความคิดหลิงม่อออก อยู่ๆ เขาจึงเปลี่ยนมาพูดเรื่องนี้กะทันหัน
“หนึ่งเดือน? ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่อยู่ในร่างกายของฉัน…ก็ไม่ใช่ร่างปรสิตแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว…” หลิงม่อกลับไม่ได้เบาใจลงแม้แต่น้อย…หากไม่ใช่แบบนั้น ก็อาจเป็นแบบที่ระดับสูงกว่า…
“นี่ยังไม่ใช่ระดับที่ต่ำที่สุด…พวกที่เป็นระดับต่ำสุดถูกฉันใช้จัดการกับอาหาร…” หลิวหยางบอก
อาหารหรือ…หากไม่ใช่ซอมบี้ก็คงเป็นคนสินะ…หลิงม่อคิด
“เอาล่ะ ย้อนกลับมาที่เรื่องเดิม…แกเลิกฉวยโอกาสล้วงข้อมูลจากฉันได้แล้ว”
อยู่ๆ หลิวหยางก็โพล่งประโยคนี้ออกมา หลิงม่อได้ยินก็แค่นเสียงขึ้นจมูก บอกว่า “เอาเถอะ ฉันเข้าใจแล้ว การปฏิสัมพันธ์ที่แกว่าก็คือการรุกล้ำเข้าไปในสมองของมนุษย์เหล่านี้ และได้ความทรงจำของพวกเขามาอย่างนั้นสินะ?”
“ใช่แล้ว แปลกนะ แกกลับไม่วิพากษ์วิจารณ์การกระทำของฉัน” หลิวหยางพูดขึ้น
“แกเป็นซอมบี้ แปลกตรงไหนที่จะทำเรื่องอย่างนี้ ในสายตาของแก เกรงว่ามนุษย์คงไม่ต่างอะไรจากก้อนเนื้อดีๆ นี่เอง” หลิงม่อกลับกลอกตาแล้วบอก
“หึ…” หลิวหยางหัวเราะออกมาอย่างหาดูได้ยาก ทว่าไม่นานก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “ความจริงแกไม่ได้พูดถูกทั้งหมดหรอกนะ พวกฉันเองก็เพิ่งมารู้เอาตอนนี้ ว่านอกจากเป็นอาหารแล้วมนุษย์อาจมีประโยชน์มากกว่านั้น เมื่อกี้แกก็พูดเอง ว่าจุดอ่อนของพวกฉันก็คือความสามารถในการคิด จุดนี้…แกพูดถูกแล้วล่ะ…น่าแปลก ไม่คิดว่าแกจะสังเกตเรื่องพวกนี้ออกด้วย ซอมบี้พวกนั้นที่อยู่กับแก ยังไม่ถึงระดับนี้ไม่ใช่หรือ?”
หลิงม่อเองก็เพียงยิ้มเงียบๆ แต่กลับไม่มีท่าทีว่าจะตอบคำถาม
คิดจะล้วงความลับหรือ? ก็ไม่น่าทำอย่างโจ่งแจ้งเกินไปแบบนี้สิ…
“ไม่ยอมบอกงั้นหรือ? มนุษย์เจ้าเล่ห์ตามคาด…” หลิวหยางขมวดคิ้ว แล้วพูดต่อว่า “เอาเถอะ ฉันรับปากแล้วว่าจะบอกแก ถึงจะไม่รู้ว่าแกรู้มากขนาดนี้ได้ยังไง…แต่ถูกต้องแล้วล่ะ ซอมบี้ระดับสูงบางส่วนน่าจะตระหนักได้ถึงเรื่องนี้แล้ว สิ่งมีชีวิตด้านมืดบางส่วนก็น่าจะรู้แล้วเหมือนกัน ดังนั้นเทียบกับการกินมนุษย์เฉยๆ พวกฉันเริ่มหาวิธีใช้ประโยชน์จากมนุษย์มากกว่านั้นแล้ว”
หลิงม่อพยักหน้า ทว่าไม่นานก็รู้สึกหนังศีรษะตึงชาทันที…
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ถูกแก…”
“ถูกต้อง ฉันเริ่มสะกดรอยตามแกมาตั้งนานแล้ว แต่วางใจได้ จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่เคยคิดจะฆ่าแก แกสำคัญสำหรับฉันมากจริงๆ…แกไม่เหมือนกับมนุษย์คนอื่น ในตัวแก มีเมล็ดพันธุ์ต้นแบบ…หรือก็คือเมล็ดพันธุ์เม็ดแรก ซึ่งเป็นปรสิตระดับสูงที่สุดอยู่…” หลิวหยาง…หรือก็คือราชินีแมงมุมพูดออกมาอย่างแช่มช้า…