บทที่ 130 กฎแห่งเต๋า (ปลาย)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

บทที่ 130 กฎแห่งเต๋า (ปลาย)

ณ ที่แห่งหนึ่งกลางหุบเขา เยี่ยฉวนยังคงวิ่งอย่างสุดฝีเท้า

ฉับพลันเขาตั้งคำถามขึ้นในความคิดคำนึง “ผู้อาวุโส ข้าใจอ่อนกับนางเกินไปหรือไม่ ?”

เสียงสตรีตอบกลับมาทันที “ถ้าเจ้าฆ่านาง ข้ากลับจะรู้สึกดูแคลนเจ้าเสียมากกว่า !”

เยี่ยฉวนขมวดหัวคิ้วอย่างไม่เข้าใจยิ่ง “เหตุใดเล่า ท่านเองบอกให้ฆ่านางมิใช่หรือไร ?”

เสียงลึกลับตอบให้หายคับข้องใจว่า “ถ้าเจ้าฆ่านางย่อมแสดงว่าเจ้าเผยความกลัวออกมา ข้อห้าม สำคัญที่สุดของผู้ฝึกกระบี่คือความกลัว เมื่อเจ้าปล่อยนางไป จึงแสดงว่าเจ้าไม่กลัวนาง อีกนัยหนึ่งความเชื่อมั่นในใจว่าภายหน้าจะสามารถเอาชนะนางด้วยความกล้าแข็ง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี”

ผู้ฟังมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย พลันโพล่งออกมาว่า “เอ้อ ผู้อาวุโส…อันที่จริง ข้าไม่ได้ลึกซึ้งขนาดนั้น…”

จากนั้นจึงไม่ได้ยินเสียงขานตอบจากผู้อาวุโส “…”

ชายหนุ่มเห็นว่าเสียงสนทนาเงียบ ด้วยรู้สึกใจหายวาบจึงรีบพูดแก้ว่า “ข้าก็เข้าใจว่าท่านคงมีเหตุผล ของท่าน แต่ข้าเป็นบุรุษ ไฉนจะนึกหวาดกลัวอิสตรีเล่า ? ยังไงเสียข้าก็ตั้งมั่นไว้แล้วว่าตนเองนั้นจะต้องเป็น เซียนกระบี่ให้ได้ นางเสียอีกที่ควรจะรู้สึกเป็นเกียรติและจดจำไว้เป็นเหตุการณ์สำคัญในชีวิตหนึ่ง…”

“หยุด พอเสียที ขอร้อง !”

สตรีลึกลับร้องขัดเสียงหลง “ถ้าเจ้ายังขืนพูดจาเพ้อเจ้ออีก เห็นทีข้าคงจะต้องเป็นคนสังหารเจ้าด้วย กระบี่ของข้าเองเสียแล้ว !”

ชายหนุ่มรีบหุบปากเงียบกริบ “…”

หลังจากออกวิ่งมาตลอดหนึ่งวันเต็ม เยี่ยฉวนก็มาถึงเทือกเขาชายแดนแล้ว

“ท่านผู้อาวุโสขอรับ ข้าเพิ่งนึกออก นางยังไม่ได้บอกข้าเลยว่าได้รับพลังปฐพีจากที่ใด…”

“ช่างเถิด ทำตามที่ข้าบอกก็พอ !”

ชายหนุ่มจึงพยักหน้า และออกวิ่งหน้าตั้งต่อไป

ถึงยามวิกาล ด้วยเส้นทางตามที่สตรีลึกลับชี้แนะ มันจึงนำเยี่ยฉวนย้อนกลับมายังตำหนักจ้าวกระบี่อีกครั้ง เขาเดินลงไปตามทางลาด ไม่นานนักก็ย่างเข้าสู่ปากทางเข้าตำหนักใต้บาดาล ในตอนนั้นเองเสียงพูดของ สตรีลึกลับจึงดังขึ้นอีกครั้ง “ไม่จำเป็นต้องเข้าไปในนั้น ออกไปทางขวามือ !”

ชายหนุ่มทำตามเสียงแนะนำทุกขั้นตอน  ทว่าทางขวามือหาได้มีเส้นทางให้เดินออกไปไม่ มีเพียงแต่ ผนังหินขวางกั้นไว้

สตรีลึกลับสั่งการ “ทุบออก !”

เยี่ยฉวนรับคำ จากนั้นเขาเดินตรงเข้าหาผนังหินและยกหมัดปล่อยออกไปเต็มแรง !

ตู้ม !

ผนังหินพังครืนลงชั้นหนึ่ง ทว่ามันกลับยังมีผนังหินขวางกั้นอีกชั้น

“ทุบต่อไป !” สตรีลึกลับร้องสั่ง

เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยฉวนจึงปล่อยหมัดชกออกไปอีกหลายต่อหลายครั้ง เขาชกภูเขาอยู่นานกว่าสองเค่อจนกระทั่งทางเดินหินปรากฏออกมาเบื้องหน้า

เส้นทางตรงหน้าราวกับหนทางนำไปสู่โลกอีกโลกหนึ่งซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิง

เยี่ยฉวนได้แต่ตะลึงงัน

เสียงสตรีลึกลับเร่งมา “เดินลงไป”

เยี่ยฉวนพยักหน้าพลางขาก้าวลงไปตามทางลาดลง ยิ่งเดินลึกลงไปเท่าใด ยิ่งนำมาซึ่งความตื่นตา ด้วยโลกที่เขากำลังถลำลึกลงทุกทีแห่งนี้เป็นโลกบาดาล ที่จวบจนผ่านไปหนึ่งชั่วยามก็ยังไม่มีทีท่าว่าหนทางนั้นจะสิ้นสุดลงที่ใด

ครึ่งชั่วยามต่อมา ชายหนุ่มเริ่มตระหนักถึงระอุไอร้อนทั้งยังทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ

“เดินต่อไป !”

เสียงสั่งการยังดังสะท้อนในศีรษะ

เยี่ยฉวนยังคงเดินและเดิน หลังผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม เวลานี้ใบหน้าของชายหนุ่มก็ยิ่งแดงก่ำด้วย ความร้อน

เขาหยุดเดิน “ผู้อาวุโส ภายในนี้อากาศร้อนเหลือเกิน !”

เสียงตอบเงียบไป ครู่ต่อมาจึงมีเสียงพูดว่า “ใช้รังสีกระบี่ออกสกัดกั้นร่างกายเจ้าเอาไว้ !”

เยี่ยฉวนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว พลันเรียกกระบี่หลิงซิ่วออกมาและเรียกใช้รังสีกระบี่เพื่อสกัดกั้นร่างกายจากความร้อน ทันทีที่กระบี่หลิงซิ่วบังเกิดพลัง ชายหนุ่มก็พลันรู้สึกถึงคลื่นความร้อนที่จางหายลงอย่างรวดเร็ว

“เอาล่ะเดินไปได้แล้ว !” สตรีลึกลับส่งเสียงเตือน

ชายหนุ่มไม่รอช้า รีบสาวเท้าออกเดินหน้าต่อไป ยิ่งเขาเดินลึกลงไปใต้ดินมากเท่าใด ความร้อนยิ่งทวีกำลัง ทว่าครานี้เขากลับรู้สึกสะทกสะท้านขึ้นอีกครา !

“กฎแห่งเต๋า !”

เยี่ยฉวนจำคำของสตรีลึกลับได้อย่างแม่นยำ มีแต่กฎแห่งเต๋าเท่านั้นที่สามารถเสริมพลังปราณให้กล้า แกร่ง !

และสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ก็คือหลังจากที่เยี่ยฉวนค้นพบกฎแห่งเต๋าแล้ว สิ่งที่อยู่บนชั้นสองของหอคอยจะได้กริ่งเกรงต่อตนเอง สิ่งนั้นมักหาโอกาสตีเขาอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดขัดข้องมาโดยตลอด !

หลังจากเยี่ยฉวนเดินต่อไปอีกหนึ่งชั่วยาม เมื่อเดินมาถึงจุดนึง เขาพลันชะงักฝีเท้าด้วยหนทางเบื้อง หน้าถูกขวางกั้นไว้ด้วยแอ่งหินหลอมละลายเดือดปุดขวางหน้า !

ทั้งยังเป็นจุดสิ้นสุดของเส้นทาง !

เยี่ยฉวนกำลังจะอ้าปากถาม พลันสายตาเหลือบเห็นวัตถุชนิดหนึ่งซึ่งมีสีน้ำตาลอมเหลือง ลอยตัวอยู่ เหนือกึ่งกลางหินหลอมละลายร้อนระอุแอ่งนั้น !

เขาเพ่งสายตาจ้องมองเจ้าวัตถุที่ลอยอยู่สักครู่ ก่อนจะพบว่า…

วัตถุสีน้ำตาลอมเหลืองนั้นคือคุณลักษณะของเต๋าแห่ง ‘ปฐพี’ !

วัตถุดังกล่าวกำลังลอยอยู่เหนือแอ่งหินหลอมเหลวเดือดปุด และเมื่อหินหลอมละลายเดือดปุดสัมผัส เข้ากับวัตถุดังกล่าว มันก็กลับเปลี่ยนไปสู่ความว่างเปล่า

“ผู้อาวุโส ?”

เยี่ยฉวนเอ่ยถามเสียงเบาว่า “เจ้าวัตถุที่เห็นนั่นคือ…”

“กฎแห่งเต๋า !”

เสียงของสตรีลึกลับไขปริศนาให้ฟังว่า “กฎแห่งเต๋า ! หากสามารถมีอำนาจเหนือกฎแห่งเต๋านี้ ต่อไป เมื่อเกิดการปะทะต่อสู้และร่างกายสัมผัสกับพื้นดิน เจ้าจะสามารถกำหนดพลังแห่งปฐพีได้อย่างมั่นคง อีกทั้งยังสามารถควบคุมหอคอยแห่งเรือนจำชั้นที่หนึ่ง ถึงเวลานั้นเจ้าจะใช้เป็นคลังสมบัติเก็บสิ่งล้ำค่าไว้ภายในชั้นที่ หนึ่งของหอคอยแห่งเรือนจำยังได้ หรือแม้กระทั่งจะใช้สกัดกั้นศัตรูก็ย่อมทำได้เช่นกัน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เยี่ยฉวนพลันเกิดความกระตือรือร้นจนไม่อาจยังยั้ง ชายหนุ่มร้องถามไปว่า “ผู้อาวุโส ข้าจะต้องทำอย่างไร ?”

เสียงลึกลับกลับพูดอย่างใจเย็น “อย่าเพิ่งดีอกดีใจ แม้ว่ากฎแห่งเต๋าจะเสียหายอย่างรุนแรง แต่เมื่อใดที่เจ้ายิ่งพยายามควบคุม เมื่อก็จะยิ่งเกิดพลังต้านทาน อีกทั้งในขั้นตอนนี้ยังทั้งยากและอาจเจ็บปวดบ้าง !”

ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกด้วยความมุ่งมั่น “ข้าไม่เกรงกลัวความเจ็บปวด ข้าทนได้ !”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว !”

สตรีลึกลับบอกต่อว่า “ต่อไปนี้เจ้าจะต้องตั้งใจและเชื่อฟังข้าทุกอย่าง ควรตั้งจิตมุ่งมั่นต่อหอคอยแห่ง เรือนจำ สัมผัสด้วยจิตและนำออกมา…”

ชายหนุ่มค่อยหลับตาลง หลังจากผ่อนลมหายใจราวสิบสองลมหายใจ ทันใดนั้นเปลือกตาพลันเปิดขึ้นฉับพลัน

กึ่งกลางหน้าผาก ระหว่างหัวคิ้วปรากฏภาพลวงตาขนาดจิ๋วของหอคอยแห่งเรือนจำ

ตู้ม !

ในขณะนั้น หินหลอมละลายในแอ่งลอยตัวขึ้นจากพื้นก่อนจะมุ่งสู่การแปรเปลี่ยนไปสู่ความว่างเปล่า

กร๊อบ !

เสียงวัตถุแตกหัก ตอนนี้ชายหนุ่มเบิ่งตากว้าง และภายในลูกนัยน์ตาบังเกิดสายโลหิตค่อยซึมออกมา “โอ๊ย…”

ราวกับร่างกายกำลังจะฉีกออกจากกัน ทีละส่วนทีละส่วน โลหิตแดงฉานสาดกระเซ็นไปทั่วไป

“ผู้อาวุโส… นี่ไม่ใช่แค่ความเจ็บปวดบ้าง… แต่เจ็บปวดสาหัสเจียนตาย…”

“ถ้าอย่างนั้น… บางทีข้าคงหวังกับเจ้ามากเกินไป…”

เยี่ยฉวนพูดไม่ออก “…”