DC บทที่ 220: ข้าต้องการร่วมฝึกคู่กับท่าน…

 

ซูหยางเทน้ำมันพิเศษลงบนหลังของซวนจิงหลินและเริ่มนวดเธอ

 

“อาาาา ความรู้สึกนี้ช่างดียิ่ง ข้ามิเคยประสบอะไรเช่นนี้มาก่อน”

 

ซวนจิงจินร้องครางเสียงดังยามเมื่อน้ำมันซึมเข้าไปในรูขุมขน ทำให้ร่างของเธอยิ่งไวต่อการสัมผัสของซูหยางและเพิ่มพูนปราณหยินของเธอในระหว่างกระบวนการ

 

หลังจากที่ซูหยางทาน้ำมันลงไปบนหลังเธอจนทั่วได้ชั่วขณะแล้ว เขาก็ขยับมือไปยังบั้นท้ายของเธอและบีบเฟ้นแน่น รีดเสียงร้องครางด้วยความสุขสันต์อย่างลึกซึ้งออกมาจากปากของซวนจิงหลินพร้อมกับน้ำที่ออกมาจากร่องหลืบส่วนล่างของกายเธอ

 

ซูหยางเริ่มกระบวนการนวดแก้มก้นโดยการกดนิ้วของเขาลึกลงไปในเนินเนื้อตรงหน้า ส่งผลให้เกิดคลื่นของความสุขสมกระแทกผ่านร่างของซวนจิงหลิน

 

ยามเมื่อเขานวดก้นเสร็จแล้ว ซูหยางเคลื่อนมือมุ่งไปยังขาเรียวงามนวดต้นขาที่ยืดหยุ่นของเธออย่างมีชั้นเชิงขณะที่หยอกล้อน้องสาวของเธอไปด้วยบ่อยๆ ซึ่งยิ่งกระตุ้นความปรารถนาของร่างกายซวนจิงหลินมากยิ่งขึ้นทุกขณะ

 

ภายในไม่กี่นาที ซวนจิงหลินก็รู้สึกหมดแรงจากการปลดปล่อยอย่างต่อเนื่อง แต่ซูหยางก็ยังคงเพียงได้แค่ทาน้ำมันด้านหลังเธอเท่านั้นขณะที่ข้างหน้ายังคงไม่ได้แตะต้อง

 

“มีอะไรผิดหรือ เจ้ารู้สึกหมดแรงไปแล้วหรือ หรือเจ้าต้องการให้ข้าหยุดเพียงเท่านี้” ซูหยางถามเธอ

 

“ม…ไม่ ข..ข้ายังสามารถ…รับได้มากกว่านี้…” ซวนจิงหลินกล่าวด้วยเสียงที่เห็นชัดว่าหมดแรง

 

ไม่มีทางที่เธอยอมแพ้หลังจากที่ได้รับประสบการณ์บางอย่างที่ศักดิ์สิทธิ์ดังเช่นการนวดน้ำมันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อร่างของเธอยังแผดเผาไปด้วยความต้องการ ในใจเธอตัดสินใจที่จะไม่ยอมออกไปจากเตียงนี้ถึงแม้ว่าซูหยางจะพรากลมหายใจสุดท้ายของเธอไปด้วยกลเม็ดระดับพระเจ้าของเขา

 

“ถ้าเจ้าพูดเช่นนั้นละก็”

 

ซูหยางไม่ได้พยายามที่จะหว่านล้อมเธอให้หยุดและนวดร่างด้านหน้าของเธอต่อไป

 

“อาาา…ใช่แล้ว….ลูบข้ามากกว่านี้–”

 

ซวนจิงหลินจับผ้าปูเตียงแน่นเมื่อซูหยางนวดทรวงอกเธอด้วยกลัวว่าเธอจะเผลอกอดเขาโดยสัญชาตญาณ

 

อย่างไรก็ตามยามเมื่อซูหยางเริ่มนวดน้องสาวของเธอ ซวนจิงหลินก็หลุดการควบคุมภายในไม่กี่วินาทีและเริ่มเอื้อมมืออันสั่นเทาไปยังพื้นที่หว่างขาของซูหยาง สายตาเธอเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะร่วมรัก

 

“ศิษย์พี่ชายซู…ได้โปรด..ข้าต้องการที่จะร่วมฝึกคู่กับท่าน…” ซวนจิงหลินขอร้องเขาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน สายตาเธอมีประกายของความกำหนัด

 

มองเห็นท่าทางสิ้นหวังของเธอ ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “เจ้ามั่นใจรึ เจ้าคงไม่สามารถออกจากห้องนี้ได้ด้วยตนเองถ้าเราร่วมฝึกคู่”

 

ซวนจิงหลินพยักหน้าด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยว คิดในใจว่าประวัติศาสตร์เพียงแค่ซ้ำรอยเท่านั้น

 

ซูหยางไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น เขานำเอาแก่นกายแสนแกร่งออกมาจากภายในชุดคลุมดุจอาวุธที่แอบซุกซ่อนไว้

 

“น-นี่เป็นของศิษย์พี่ชายรึ…”

 

ซวงจิงหลินจ้องมองไปยังแกนทรงพลังด้วยท่าทางพินิจ ในใจเธอได้ลองเปรียบเทียบแท่งของซูหยางกับของคู่ฝึกของเธอ แต่ความแตกต่างนั้นเหมือนฟ้ากับเหวโดยแก่นกลางของซูหยางคือแบบแรก

 

“อ-ไอ้เลวตัวไหนที่เป็นต้นเหตุคำร่ำลือเรียกเขาว่าคนพิการ หรือว่าคนพิการมีแก่นกลางที่ดูแข็งแกร่งปานนี้” คิดกลับไปยังคำร่ำลือ ซวนจิงหลินก็อดด่าไปยังคนที่สร้างความเข้าใจผิดให้พวกเธอไม่ได้ ในเมื่อมันสร้างความเสียหายให้กับโอกาสสำหรับคนหลายคนที่จะได้ทดลองแท่งศํกดิ์สิทธิ์เช่นนี้

 

“ข้าจักเริ่มขยับแล้วตอนนี้” ซูหยางกล่าวกับเธอ

 

ซวนจิงหลินกลืนน้ำลายที่สอเต็มปากอย่างยากเย็นและพยักหน้า

 

ซูหยางค่อยดันท่อนเนื้อเข้าไปในทางเข้าของซวนจิงหลิน จนทำให้กลีบชุ่มฉ่ำขยายตัวออก

 

“อาาาาาา” ซวนจิงหลินร่างกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ด้วยความรู้สึกที่คับแน่นบริเวณเป้าของเธอขณะที่แท่งแกร่งทะลวงเข้าไปในร่างเธอ

 

น้องชายของซูหยางช่างใหญ่เมื่อมันเข้าไปในร่างเธอจนซวนจิงหลินคิดว่าเธอกำลังพบกับการสูญเสียพรหมจรรย์เป็นครั้งที่สองในตอนนี้

 

มันเป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ได้ซึ่งจะเปลี่ยนมุมมองต่อการร่วมฝึกคู่ของเธอไปตลอดกาล

 

ยามเมื่อส่วนปลายของแท่งของซูหยางไปถึงสุดถ้ำอันแน่นคับของซวนจิงหลินแล้ว เขาก็เริ่มขยับสะโพก กระแทกกระทั้นถ้ำของเธอด้วยแก่นกาย ครอบงำร่างกายและจิตใจของซวนจิงหลินด้วยความสุขสม

 

 

 

 

ในเวลานั้นหญิงสาวอีกแปดคนที่เหลืออดทนรออยู่ด้านนอกห้องด้วยสีหน้ากระวนกระวาย

 

“พวกเจ้าคิดว่าศิษย์พี่หญิงซวนจะทนได้นานเท่าไหร่” หนึ่งในพวกเธอถาม

 

“ในเมื่อรู้ว่าเธอเป็นคนที่มีประสบการณ์มากที่สุดในบรรดาพวกเราทั้งเก้าคน เธอควรจะสามารถทนอยู่ได้อย่างน้อยครึ่งชั่วโมงโดยไม่มีปัญหา แม้ว่าเธอจะเผชิญหน้ากับคนอย่างซูหยางก็ตาม”

 

“ครึ่งชั่วโมงรึ ข้าจักไม่ไปไหนจนกว่าข้าจะได้อยู่กับเขาอย่างน้อยสองชั่วโมง” ผู้ที่มีอายุน้อยที่สุดในบรรดาพวกเธอพูด

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า…ข้าจักเรียกเจ้าเป็นศิษย์พี่ถ้าเจ้าอยู่ได้นานถึงชั่วโมงในนั้น…”

 

บรรดาหญิงคนอื่นต่างพากันเริ่มหัวเราะ

 

“ฮึ่ม พวกท่านคอยดู—”

 

ระหว่างที่พวกเธอกำลังหัวเราะ ประตูห้องซูหยางก็พลันเปิดออกมา

 

ซูหยางเดินออกมาจากห้องด้วยใบหน้าเรียบเฉยและกล่าวว่า “ข้าพร้อมรับแขกคนต่อไปแล้ว”

 

“ว่ากระไรนะ ท่านเสร็จกันแล้วรึ”

 

บรรดาหญิงสาวสบตากันด้วยความตกตะลึง ลืมเรื่องครึ่งชั่วโมงไปเลย นี่ยังไม่ถึงสิบห้านาทีนับตั้งแต่ซวนจิงหลิงเข้าไปในห้อง

 

“ก-เกิดอะไรขึ้นกับ…ไม่มีอะไร…”

 

บรรดาหญิงสาวปล่อยผ่านไปเพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะถามว่าซวนจิงหลินเป็นอย่างไร ในเมื่อพวกเธอล้วนรู้ดีว่าจักเกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอหลังจากประสบกับกลเม็ดขั้นเทพของซูหยาง

 

“ข้าคนต่อไป” อวี้เยียนหญิงสาวอายุน้อยสุดในกลุ่มก้าวออกไปด้วยท่าทางมั่นใจ

 

“โชคดี พยายยามให้ได้นานถึงสองชั่วโมงในนั้น ศิษย์น้องอวี้”

 

รู้ดีว่าเธอคงอยู่ไม่นานขนาดนั้น บรรดาหญิงสาวก็ส่งเสียงให้กำลังใจอวี้เยียนทำนองหยอกเย้าขณะที่เธอกำลังเข้าไปในห้องซูหยาง

 

ยามเมื่ออวี้เอียนเข้าไปในห้อง เธอก็ต้องตระหนกเมื่อเห็นซวนจิงหลินนั่งอยู่ที่มุมห้องเหมือนครั้งที่แล้ว แต่ด้วยท่าทางลามกที่ทำให้เธอสะดุดใจ ยิ่งไปกว่านั้นชุดของเธอก็แทบไม่ได้อยู่บนร่าง ราวกับว่าถูกถอดออกไปจนถึงระดับหนึ่งและเธอก็ไม่สนใจที่จะนำมันมาสวมให้เรียบร้อยหลังจากนั้น

 

“ก-เกิดอะไรขึ้นบนโลกนี้กับเธอ” อวี้เยียนไม่รู้สึกมั่นใจว่าเธอจะสามารถอยู่ได้นานถึงสองชั่วโมงอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เห็นสภาพของซวนจิงหลิน

 

“ศิษย์น้องหญิง..” เมื่อเห็นอวี้เยียนเข้ามาในห้อง ซวนจิงหลินจ้องมองเธอด้วยรอยฉีกยิ้มที่อันตรายและกล่าวว่า “แสดงสวยๆให้ข้าดูเหมือนครั้งที่แล้วล่ะ…”

 

อวี้เยียนอ้าปากค้างจนกรามตกลงพื้นเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น ธรรมดาที่เธอต้องจนคำพูด