ตอนที่ 1978 มารดาและบุตรสาวได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง (2) / ตอนที่ 1979 มารดาและบุตรสาวได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง (3)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1978 มารดาและบุตรสาวได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง (2)

ไม่อย่างนั้น นางก็คงไม่ได้ออกจากหวาเซี่ยมาที่โลกนี้ นางสามารถกลับชาติมาเกิดใหม่ได้ก็เพราะเสี่ยวโม่ อวิ๋นหยางคงไม่โชคดีแบบนั้นแต่นางก็ใช้คำพูดแบบนี้เพื่อปลอบใจไป๋หลิง ไม่อย่างนั้นนางก็ไม่รู้ว่าไป๋หลิงจะอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่!

“เฟิงเอ๋อร์ ลูกไม่ต้องปลอบแม่ก็ได้” ไป๋หลิงลุกขึ้นจากพื้น “ถ้าแม่ไม่เห็นเจ้า แม่ก็คงจากไปเพื่อตามไปอยู่กับพ่อลูกแล้ว เขาจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียว แต่ว่าในชีวิตนี้แม่ติดค้างลูกมากเหลือเกิน แล้วแม่จะทิ้งลูกไปอีกครั้งได้อย่างไร”

ไป๋หลิงหัวเราะเบาๆ อย่างขมขื่น “พ่อของลูกกับแม่ พวกเราแค่ไม่ได้มีชะตาต้องกัน…”

ตอนแรกที่ไป๋หลิงฟื้นความจำได้ นางทนรับความเจ็บปวดที่คนรักจากไปไม่ไหว แต่ตอนนี้นางดีขึ้นแล้ว ไม่ว่าหัวใจของนางจะเจ็บปวดมากขนาดไหน นางก็ต้องพยายามเพื่อคนในครอบครัวที่ยังมีชีวิตอยู่

“จริงสิ เฟิงเอ๋อร์ เหตุใดลูกถึงมาอยู่ที่นี่” เมื่อไป๋หลิงนึกถึงเรื่องนี้ก็อดที่จะถามไม่ได้

“ข้ามาตามหาเพื่อนเจ้าค่ะ” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้ม “แต่ข้าไม่คิดว่าจะได้เจอท่าน”

การเจอไป๋หลิงเป็นความประหลาดใจที่น่ายินดี ตลอดมาอวิ๋นลั่วเฟิงไม่เคยคิดว่าไป๋หลิงจะมีชีวิตอยู่…

“เฟิงเอ๋อร์ ลูก…ฝึกพลังฌานได้งั้นหรือ” ไป๋หลิงถามด้วยความไม่เชื่อ นางสัมผัสได้ถึงพลังฌานจางๆ หมุนวนอยู่ในร่างของอวิ๋นลั่วเฟิง

ภายใต้สายตาคาดหวังของไป๋หลิง อวิ๋นลั่วเฟิงก็พยักหน้า

เมื่อเห็นนางยืนยัน ความปิติยินดีก็พุ่งเข้าสู่หัวใจของไป๋หลิง “วิเศษไปเลยที่ลูกฝึกพลังฌานได้ จริงสิ แล้วศัตรูที่ทำร้ายอาของเจ้าล่ะ”

ขณะที่ไป๋หลิงพูดแบบนี้ ประกายเย็นชาก็พาดผ่านดวงตาของไป๋หลิง ด้วยชุดสีขาวที่กำลังปลิวไปตามสายลมทำให้นางดูเหมือนเทพบนสวรรค์ แต่กลิ่นอายสังหารของนางทรงอำนาจมาก

“พวกเขาตายหมดแล้วเจ้าค่ะ” อวิ๋นลั่วเฟิงยักไหล่ “อีกอย่างท่านอาก็มีอาสะใภ้กับหลานสาวน่าเอ็นดูคนหนึ่งแล้วด้วยเจ้าค่ะ น่าเสียดายที่ท่านไม่ได้ไปร่วมงานแต่งงานของพวกเขา”

คำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิงทำให้ไป๋หลิงดีใจจริงๆ “ชิงหย่าแต่งงานแล้วงั้นหรือ เยี่ยมไปเลย! ดูเหมือนว่าคงถึงเวลาที่แม่ต้องเตรียมของขวัญให้หลานสาวซะแล้ว แม่ไม่ได้ร่วมงานแต่งงานของพวกเขาก็ไม่เป็นไร แค่ในอนาคตแม่ได้ไปร่วมงานแต่งงานของลูกก็พอ”

เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงได้ยินอย่างนั้นก็เลิกคิ้ว นางอายเกินกว่าจะบอกไป๋หลิงว่านางเองก็แต่งงานแล้วเหมือนกัน

“เสี่ยวหู่” ไป๋หลิงเรียกเบาๆ แล้วใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง

เสี่ยวหู่ตอบสนองคำเรียกแล้วมานอนอยู่ตรงเท้าของไป๋หลิงอย่างเชื่อฟังราวกับเป็นแมวตัวน้อย

“เฟิงเอ๋อร์ เสี่ยวหู่เป็นราชันย์ของป่าบททดสอบสวรรค์ แม่บังเอิญช่วยชีวิตเขาไว้ เขาก็เลยติดตามแม่ตั้งแต่ตอนนั้น จากนี้แม่จะยกเสี่ยวหู่และสัตว์วิญญาณอสูรภายในป่าบททดสอบสวรรค์ให้ลูก ลูกจะเป็นเจ้านายเพียงคนเดียวของพวกเขา!”

ไป๋หลิงอาจจะอ่อนโยนมากเมื่ออยู่กับอวิ๋นลั่วเฟิง แต่เมื่อนางออกคำสั่งกับเสี่ยวหู่ ใบหน้าของนางก็เคร่งขรึม

“เสี่ยวหู่ ถ้าเจ้าอยากตอบแทนหนี้ชีวิตที่มีกับข้า ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปก็ใช้ชีวิตเจ้าปกป้องเฟิงเอ๋อร์ให้ดี! เจ้านายของเจ้าจะมีเพียงนางคนเดียว เจ้าเข้าใจหรือไม่”

เสี่ยวหู่ส่งเสียงเบาๆ แล้วเลียหลังมือของอวิ๋นลั่วเฟิงราวกับเขากำลังแสดงความเป็นมิตร

ภายในใจของไป๋หลิงก็ผ่อนคลาย “ถึงแม้ว่าตอนนี้ลูกจะฝึกพลังฌานได้แล้วแต่แม่ก็ยังอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็มีสัตว์วิญญาณอสูรจากป่าบททดสอบสวรรค์ แค่มีพวกเขาก็เพียงพอที่จะมั่นใจได้ว่าลูกจะปลอดภัยเมื่ออยู่แคว้นเฟิงอวิ๋น”

ตอนที่ 1979 มารดาและบุตรสาวได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง (3)

พยัคฆ์ลายสีโลหิตเป็นสัตว์วิญญาณอสูรขั้นเซียนอาวุโสแล้ว และก็มีสัตว์วิญญาณอสูรขั้นเซียนอาวุโสไม่กี่ตัวที่สามารถเอาชนะเขาได้ เมื่อมีเขาคอยปกป้อง อวิ๋นลั่วเฟิงก็จะไม่ตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน

เมื่อเป็นแบบนี้ต่อให้พิษของนางปะทุขึ้นมาอีกครั้ง นางก็ไม่ต้องกังวลว่าชีวิตของบุตรสาวจะตกอยู่ในอันตราย

จู่ๆ เสียงหัวเราะเย็นชาก็ดังขึ้นมาจากบนท้องฟ้า เมื่อไป๋หลิงได้ยินเสียงนี้ สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที

“ฮะๆ ตอนแรกข้าก็สงสัยอยู่แล้วเหตุใดถึงมีคนหน้าเหมือนเจ้ามาก ปรากฏว่ามีเหตุที่พวกเจ้าหน้าเหมือนกันนี่เอง!”

ชายคนหนึ่งบินลงมาฟ้าช้าๆ โดยเอามือไพล่ไว้ด้านหลัง สายตาน่าขยะแขยงของเขามองไป๋หลิงอย่างน่าขนลุก

“ศิษย์น้อง ไม่แปลกใจที่เจ้าไม่หวั่นไหวแม้ว่าข้าจะพยายามเกี้ยวเจ้าขนาดไหน ที่แท้เจ้าก็แต่งงานแล้วนี่เอง!” บุรุษผู้นี้เดินมาหาไป๋หลิงช้าๆ แล้วเชิดหน้าขึ้น “เหตุใดบุรุษผู้นั้นถึงได้ตัวเจ้าไปแต่ข้าทำไม่ได้ล่ะ ตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าก็แค่ยึดติดกับพรหมจรรย์มากทำให้ไม่สนใจมิตรภาพที่ข้าหยิบยื่นให้ กลายเป็นว่าเจ้าก็ไม่ได้ต่างจากสตรีสำส่อนที่ปีนขึ้นเตียงคนอื่น!”

ฟิ้ว!

ทันใดนั้นก็มีประกายแสงบางอย่างเหนือศีรษะเขา ชายผู้นั้นขยับไปด้านข้างอย่างแม่นยำแล้วหลบการโจมตีไปได้ ลำแสงกระบี่ฟันโดนต้นไม้ที่อยู่ข้างหลังเขาจนเกิดเสียงดัง แล้วต้นไม้ทั้งต้นก็ล้มลง

ร่างสีขาวของอวิ๋นลั่วเฟิงงดงามดุจหิมะ เทียบกับความรู้สึกชั่วพริบตาเดียวของไป๋หลิง สตรีผู้นี้ร้ายกาจกว่ามาก

ใบหน้าของนางแสดงความหยิ่งทระนงราวกับว่านางกำลังดูถูกโลกใบนี้ “ท่านแม่ของข้าไม่สนใจเจ้าก็แน่นอนอยู่แล้วว่าเพราะเจ้าไม่ยอดเยี่ยมเท่าท่านพ่อข้าอย่างไรล่ะ!”

ชายผู้นี้หรี่ตา เขามองเห็นกลิ่นอายสังหารจากตัวนางได้ชัดเจน

“ข้าไม่ยอดเยี่ยมเท่าบุรุษผู้นั้นงั้นหรือ ตลกน่า! ข้าเป็นประมุขของสำนักอิสระ ในอนาคตทั่วทั้งแคว้นเฟิงอวิ๋นก็จะเป็นของข้า แต่เจ้ากลับบอกว่าข้าไม่ยอดเยี่ยมเท่ากับคนตายคนหนึ่งงั้นหรือ”

“หืม?” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “ข้าเสียใจด้วยนะ ข้าก็บังเอิญสนใจแคว้นเฟิงอวิ๋นเหมือนกัน ดังนั้นข้าเกรงว่าเจ้าคงไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของแคว้นเฟิงอวิ๋นหรอก”

ทันในนั้นกลิ่นอายของชายผู้นี้ก็ระเบิดออก ดวงตาของเขาปรากฏพายุอารมณ์ขณะที่จ้องหน้าอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างเย็นชา “เด็กน้อย เจ้าอยากตายงั้นหรือ”

พายุหมุนรอบตัวเขา และท้องฟ้าทั้งผืนก็เปลี่ยนเป็นอึมครึมเพราะมีเมฆสีเทาปกคลุมอยู่ทั่วท้องฟ้าสีคราม

“เฟิงเอ๋อร์ ระวัง!” ทันใดนั้นไป๋หลิงก็มายืนตรงหน้าอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วมองชายตรงหน้าพวกนางโดยไร้ซึ่งความกลัว

“เจ้ามีหน้ามาขู่เด็กคนหนึ่งงั้นหรือ เจ้าเอาชนะข้าไม่ได้ด้วยซ้ำแต่กลับกล้าเทียบตัวเองกับสามีข้างั้นหรือ”

ชายผู้นี้หัวเราะดังลั่นแล้วสายลมแรงก็พุ่งสูงขึ้นจนทำให้โลกเปลี่ยนสี

“ข้าน่ะหรือเอาชนะเจ้าไม่ได้ ศิษย์น้อง ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เหตุใดพวกเราไม่มาสู้กันเสียตอนนี้เลยล่ะ”

รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏบนริมฝีปากของไป๋หลิง “ถ้าเจ้าเอาชนะข้าได้จริงๆ เหตุใดต้องวางยาพิษข้าด้วย หลังจากที่ข้าถอนพิษได้เมื่อไหร่ ข้าจะให้เจ้ามาคุกเข่าขอร้องตรงหน้าข้า!”

ถอนพิษของนางงั้นหรือ ชายผู้นี้ยิ้มอย่างเหยียดหยาม ชั่วชีวิตนี้ไม่มีทางที่นางจะถอนพิษของนางได้!

แน่นอนว่าชายผู้นี้รู้ว่าไป๋หลิงตั้งใจยั่วยุเขาเพื่อให้เขาออกไปจากที่นี่ โชคร้ายที่เขาไม่ติดเบ็ด

“ไป๋หลิง ถ้าเจ้าอยากให้บุตรสาวมีชีวิตรอดก็ไปกับข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะบีบนางให้ตายด้วยมือเดียว” ชายผู้นี้เชิดหน้าขึ้นอย่างโอหังแล้วพูดอย่างเฉยชา

ใบหน้าของไป๋หลิงมืดลงอีกครั้ง นางส่งสายตาให้เสี่ยวหู่ที่อยู่ข้างๆ เพื่อให้เขารีบพาอวิ๋นลั่วเฟิงออกไปจากที่นี่

ถ้าอีกฝ่ายมีคนเดียว เสี่ยวหู่ก็คงพอจะลองเสี่ยงได้ แต่ว่าสายตาของไป๋หลิงก็หรี่ลงเมื่อนางเห็นร่างของคนอื่นอีกหลายคนบนท้องฟ้า