บทที่ 19 Ink Stone_Romance

เธอคิดว่าจะหางานอดิเรกชั้นสูงเหมือนกับเคาน์ติสทำดูบ้างเลยนึกถึงการจัดสวนในร่ม โดยปกติแล้วเจ้านายจะใช้เวลาดูแลตัดแต่งประมาณหนึ่งสัปดาห์ส่วนที่เหลือก็ทิ้งไว้ให้ฉันรับใช้คอยช่วยกันตัดแต่งกันเอง

เธอจำได้ว่าทุกคนเคยพูดว่าในคฤหาสน์นั้นเต็มไปด้วยดอกไม้ที่มีค่าและราคาแพง พวกหล่อนคุยโวโอ้อวดว่าอยากเปิดงานเลี้ยงชาในสวน ตอนนี้เธอยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าที่นั่นมีอยู่จริงหรือไม่

อาเรียขึ้นไปยังห้องโถงชั้นสอง สวนในร่มถูกสร้างขึ้นบนนั้น ตั้งไว้ใกล้ๆ กับห้องพักแขก

เมื่อเข้ามาในสวนก็ปะทะเข้ากับอากาศที่ทั้งชื้นแถมยังร้อนอีกด้วย นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกอารมณ์ไม่ดี อุตส่าห์มาเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศนี่นา ทำไมยิ่งเข้ามากลับยิ่งอึดอัดมากขึ้นนะ

‘น่าจะมีฝักบัวรดน้ำอยู่ที่ไหนสักที่’

เพื่อจะระบายเอาอากาศที่ร้อนอบอ้าวออกเสียหน่อย จึงต้องเดินไปรอบๆ เพื่อหาน้ำ เธอคิดว่าถ้ารดน้ำให้ดอกไม้คงจะทำให้อุณหภูมิที่สูงอยู่ลดลงได้บ้าง

ดูเหมือนว่าฝักบัวรดน้ำจะถูกใช้งานบ่อยๆ เพราะโชคดีที่มันถูกเก็บไว้ใกล้กับทางเฉัน นั่นทำให้อาเรียหามันเจอได้ง่าย เธอรดน้ำลงไปบนดอกไม้หลากสีนั่นทันที น้ำที่ไม่เย็นมากแต่อุณหภูมิที่ต่ำก็ช่วยคลายความร้อนให้ดอกไม้เป็นอย่างดี

เธอรดน้ำในฝักบัวนั้นจนหมดไปแล้วหนึ่งรอบ พลางคิดว่าอุณหภูมิน่าจะลดลงได้อีกสักหน่อย จึงหยิบฝักบัวรดน้ำอีกใบขึ้นมา

ดอกไม้ที่อยู่บนพื้นถูกรดน้ำหมดแล้ว เหลือแค่ดอกไม้ปลูกบนริมกำแพง หรือต้นไม้เล็กๆ ที่แขวนอยู่ ดูท่าอาเรียคงจะไม่สามารถขึ้นไปรดน้ำตรงนั้นได้

แต่เธอก็ไม่ทิ้งความตั้งใจที่จะรดน้ำต้นไม้ เพราะถือฝักบัวรดน้ำอยู่แล้วแค่เพราะต้นไม้พวกนั้นอยู่สูงจึงรดน้ำไม่ได้เท่านั้น จะให้ปล่อยทิ้งไว้ก็คงจะรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร

‘ดูเหมือนว่าจะมีต้นเล็กๆ อยู่บ้างนะเนี่ย’

เมื่อเธอมองไปรอบๆ แล้ว มีเก้าอี้สูงระดับเข่าอยู่ตรงทางเข้า ใบไม้ที่ล้อมรอบทางเข้าไว้เกิดเตะตาเธอเข้า เธอจึงเหยียบบนเก้าอี้และเริ่มรดน้ำตรงประตูทางเข้าต่อ

อาเรียรู้สึกว่าถึงจะรดน้ำแค่ตรงกองใบไม้ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าไม่รดน้ำจากฝักบัวนี่ก็คงจะรู้สึกเหมือนใส่ถุงเท้าแค่ข้างเดียว ไม่เข้าคู่กัน ในระหว่างที่คิดก็หาเหตุผลให้ตัวเอง

‘คิดอะไรไร้สาระน่า…’

เพียงแค่พอใจกับสิ่งที่ได้รับและมีความสุขไปกับมันก็พอแล้วนี่ เรื่องที่จบไปแล้วกลับมาทำให้เสียอารมณ์ไปซะได้ รีบรดน้ำที่เหลือในฝักบัวนี่ให้หมดแล้วเข้าห้องดีกว่า อาเรียคิดพลางคว่ำฝักบัวรดน้ำ

กึก

“…!”

คิดว่าเป็นสวนที่ไม่มีใครหาเจอแล้ว แต่ดันมีใครบางคนเปิดประตูเข้ามาในตอนนั้น

เพราะอย่างนั้นน้ำที่จะรดในสวนดันไปรดใครเข้าซะเปียกโชก อาเรียรีบลงจากเก้าอี้ทันที

“อย่างน้อยก็ให้สัญญาณหน่อยสิ…”

ถ้าเคาะประตูสักหน่อยก็ยังพอหยุดทัน อาเรียที่พยายามจะโยนความผิดด้วยความดื้อรั้น เมื่อเห็นว่าคนที่จู่ๆ ก็เปิดประตูเข้ามาไม่ใช่คนธรรมดาก็ตกใจอย่างมาก

“…คุณออสการ์!”

เขาสะบัดผมสีดำขลับที่เปียกโชก เขาคือออสการ์ เฟรดเดอริก ผู้ที่มิเอลปรารถนา

เหตุใดถึงได้มาอยู่ในสวนแห่งนี้! ทำไมถึงได้โผล่มาตอนที่กำลังรดน้ำกันนะ

แม้จะกล่าวขอโทษว่าทำพลาดไปก็ดูท่าว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ อาเรียเลยเริ่มเรียบเรียงคำขอโทษ

“ปะ..เป็นอะไรไหมคะ คือฉันไม่รู้เลยว่าใครมา…. ขอโทษด้วยนะคะ!”

ออสการ์ที่มัวแต่ตกใจ ยังไม่ทันรู้ตัวว่าเสื้อตัวเองเปียก อาเรียเห็นเช่นนั้นจึงพยายามเช็ดน้ำที่เสื้อและผมที่เปียกโชก

เพราะชุดที่เปียกโชกเช่นนั้น จะพยายามเช็ดด้วยแขนเสื้อเช่นไรก็ไม่มีประโยชน์ แต่ยังไงเธอก็ต้องทำ

ออสการ์เห็นเช่นนั้นแล้ว จึงถอยตัวห่างจากมิเอลหนึ่งก้าว จู่ๆ กำแพงด้านหลังก็หายไป อาเรียโคลงเคลงเกือบจะล้มโชคดีที่เขาช่วยจับข้อมือเธอไม่ให้ล้มได้

“ไม่เป็นไร แค่เปลี่ยนเสื้อก็ได้ ทำเช่นนี้ไปชุดเลดี้จะเปียกจะเปียกไปด้วยนะ”

“ไม่เป็นไรเลยค่ะ!”

“แล้วก็ ถึงจะพยายามเช็ดไป ก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ”

อาเรียหน้าซีดเมื่อเห็นสภาพตัวเองดูไม่จืด และเขาเองก็อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน

ทำไงดีนะ! ทำไงดีนะ! ทำไงดีนะ! คิดว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดีมากๆ แล้ว แต่แค่มารดน้ำต้นไม้ในสวนก็ทำทุกอย่างพังไม่เป็นท่าเสียนี่

“ฉันขอโทษจริงๆนะคะ…”

เธอกลัวว่าแค่ความผิดเล็กน้อยครั้งนี้ครั้งเดียวจะทำเขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเหมือนในอดีต แล้วหันไปร่วมมือกับมิเอลไหมนะ ประสบการณ์น่าสยดสยองครั้งนั้นจะกลับมาเกิดแบบเดิมอีกไหมในครั้งนี้

สุดท้ายคนที่โดนคลุกถังโคลนนั่นจะกลายเป็นเธอหรือไม่

แม้เรื่องอื่นจะล้มเหลวไปก็ตาม หากออสการ์ไม่ร่วมมือกับมิเอล เธอก็จะได้เห็นสภาพน่าสมเพชของหล่อนแล้ว ทำไมถึงได้ทำพลาดเช่นนี้นะ..!

เพราะเกิดเรื่องที่ไม่ทันคาดคิด ทำเธอคิดอะไรไม่ออก ใจเต้นจนแทบจะระเบิดออกมา ปกปิดมือสั่นเทานั้นไม่ได้ ทำได้เพียงแค่กล่าวขอโทษออกมาเรื่อยๆ

‘ทำไมถึงเข้ามาตอนนี้นะ…’

ส่งอายตาร้องขอความเป็นธรรม ในสวนที่ไม่มีใครเข้ามา ทั้งยังเข้ามาในตอนที่เธอกำลังรดน้ำอยู่ด้วย

แน่นอนว่าเป็นสวนที่แขกรับเชิญสามารถเข้ามาพักผ่อนได้ตามสะดวก แต่โดยปกติแล้วมาอยู่ในคฤหาสน์คนอื่นจะเดินไปไหนก็ต้องไปพร้อมกับเจ้าบ้านสิ มันเป็นมารยาท

“ไม่เป็นไร เป็นความผิดของฉันเองที่เดินเข้ามาตามอำเภอใจ”

ดูเหมือนว่าออสการ์จะเข้าใจดีแล้วว่าเป็นความผิดของตนจึงรับคำขอโทษของอาเรียอย่างยินดี อาเรียที่กำลังอึดอัดใจจนแทบอ้วกออกมาก็โล่งอก เพราะมัวแต่ตกใจแทบจะไม่ได้กะพริบตาด้วยซ้ำ เธอขยี้ตาเพื่อผ่อนคลาย เขาเห็นเช่นนั้นจึงถามด้วยน้ำเสียงตกใจ

“ร้องไห้เหรอ”

“…คะ”

ร้องไห้ ฉันเนี่ยนะ

ตอนนั้นเคยร้องไห้หรือเปล่านะ

ไม่สิ ไม่เคยร้องไห้เลยนี่นา ตอนที่แม่ตายก็เพียงแค่โกรธแค้นที่ทิ้งฉันไว้อยู่คนเดียว ตอนที่ถูกตัดลิ้นก่อนจะโดนบั่นคอก็ไม่มีน้ำตาเลยสักหยด แต่กลับสาปแช่งโลกใบนี้ที่แสนโหดร้าย

อาเรียย้อนถามพลางลดมือลง ดวงตาเธอแดงก่ำ เป็นเพราะเธอเอามือขยี้ตาอย่างไรล่ะ

ออสการ์ที่โดนสาดน้ำจนเปียกโชก เบิกตาขึ้นโต พลางมองเธอด้วยสายตากระวนกระวาย

‘อืม… ออสการ์เป็นคนแบบนี้สินะ’

เขาที่ทำสีหน้าไม่พอใจใส่เธออยู่ตลอดเวลา ก็แสดงความเป็นห่วงได้หรือนี่ ที่ผ่านมาไม่เคยได้คุยกับเขาจึงไม่รู้มาก่อนเลย

แต่จะว่าไปตอนนั้นที่เธอทำหน้าไม่พอใจใส่มิเอลทีไร เขาจะต้องมองเค้นใส่เธอทุกที ต่างกันแม้เขาจะดูเหมือนว่าจะไม่ได้สนใจเธอนัก แต่ก็มองมาที่เธอมากกว่าปกติ จนถึงวันนี้…

‘เพราะฉะนั้น ตอนที่เธอออกไปทานอาหารเที่ยงช้า เขาก็เลยจัดแจงที่นั่งให้สินะ’

อาเรียที่ดูเหมือนจะจับจุดอ่อนของเขาก็รู้สึกดีใจจนปิดไม่อยู่

พยายามหุบยิ้ม ริมฝีปากที่สั่นเทาของเธอ บอกปฏิเสธพลางก้มหน้าลง

“ไม่ได้ร้องไห้เลยค่ะ ก็ฉันทำไม่ดีจริงๆ นี่นา… ก่อนอื่นรับผ้าเช็ดหน้าของฉันไปก่อนนะคะ”

อะไรจะโชคดีเยี่ยงนี้! มีผ้าเช็ดหน้ากับตัวอยู่พอดี เธอจึงส่งผ้าเช็ดหน้าให้กับออสการ์

อย่างไรซะหากเขารับผ้าเช็ดหน้านี่ไปแล้ว ก็ไม่มีทางจะได้กลับคืนแน่นอน เหมือนกับตอนที่มิเอลทำในอดีต!

ออสการ์มองอาเรียที่ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้อย่างตกใจ แต่ทำไมถึงต้องเป็นผ้าเช็ดด้วยนะ แต่ทว่าในขณะที่ลังเลจะหาทางอื่น  ก็รับผ้าเช็ดหน้าของอาเรีย เอามาเช็ดผมตนเองที่เปียกโชก

เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าที่เปียกโชกออกมาบิดน้ำแล้วคลี่ออก เพราะปักลายเล็กๆ ตรงมุม และไม่มีลายอื่นๆอีก ไม่มีทางที่สัญลักษณ์ดอกกุหลาบสีทองจะสะดุดตาเขาได้เลย

“นี่มัน…”

ตราสัญลักษณ์ของตระกูลเฟรดเดอริก

เป็นตราสัญลักษณ์ของดยุกที่แตกต่างกับตราดอกกุหลาบทั่วไป

เหตุใดถึงได้มาอยู่ในมือของอาเรียได้นะ เขาที่แสดงสีหน้าราวกับมีคำถามในใจ อาเรียกังวลอยู่ชั่วครู่จึงตอบคำถามนั้น

“เอ่อ… เพราะตราสัญลักษณ์สวยดีฉันเลยลองทำดู ทั้งยังเป็นแขกรับเชิญที่เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรกเลยทำเอาไว้เป็นที่ระลึกเก็บไว้เองคนเดียวค่ะ คุณไม่ชอบใจเหรอคะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ…”

การได้รับผ้าเช็ดหน้าที่มีตราประทับวงศ์ตระกูลจากหญิงงามนั้นมีความหมายที่ลึกซึ้ง อย่างน้อยก็เอาไว้ให้กับคู่เต้นรำในงานเลี้ยงน้ำชา มากไปกว่านั้นก็คือส่งเป็นของขวัญให้กับคนรักหรือสามี

และเพราะมีการตั้งตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลด้วยดอกไม้ จึงมีธรรมเนียมที่ผู้ชายจะยื่นดอกไม้ประจำตระกูลให้แก่ผู้หญิง จากนั้นการที่ได้รับผ้าเช็ดหน้ามีลายประจำตระกูลตนเองปักอยู่จากผู้หญิงหมายถึงการเริ่มคบหากันแล้ว

การที่ให้ผ้าเช็ดหน้าที่ไม่มีลายอะไรเลย จะหมายถึงการแสดงออกว่าสนใจจากฝ่ายตรงข้าม ซึ่งปกติแล้วคนในตระกูลชนชั้นสูงต้องคิดอย่างถี่ถ้วน เพราะไม่ใช่เรื่องปกติที่จะทำกัน

เธอจะตอบกลับมาว่าอย่างไรหากเขาจะบอกว่ามันมีความหมายที่ลึกซึ้ง แต่การได้รับผ้าเช็ดหน้าที่ให้ไปแล้วกลับคืนมานั้นก็เป็นเรื่องที่น่าอายไม่แพ้กัน

และมันก็ถือเป็นมารยาทอย่างหนึ่งที่เมื่อได้รับแล้วก็ไม่ควรส่งคืน ถึงแม้เขาจะนำมันไปเก็บไว้ในลิ้นชักตลอดไปก็ตาม

‘ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาจะต้องตอบแทนกลับด้วยผ้าเช็ดหน้าเหมือนกันอย่างไรล่ะ’

ถ้ามิเอลมาเห็นภาพนี้จะเป็นอย่างไรกันนะ!

หัวใจเธอเต้นรัว เสียงตึกตักที่ดังถี่อยู่นั้น รอคอยคำตอบของออสการ์

เขามองผ้าเช็ดหน้าของอาเรียอยู่สักพัก ผ้าเช็ดหน้าที่มีตราประทับอยู่ ผ้าเช็ดหน้าที่ได้จากเลดี้ที่เพิ่งพบกันครั้งแรก และเลดี้คนนั้นก็ยืนอยู่ตรงหน้าเขา

เขาไม่ควรแสดงท่าทางเงอะงะออกไป แม้อาเรียจะแสดงออกว่าชอบพอเขาหรือกำลังให้ความสนใจเขาก็ตาม

ทำได้เพียงแค่แสดงสีหน้าเขินอายเล็กน้อยที่ได้เห็นตราประจำตระกูลของตัวเอง เขาจะไม่กดดันได้อย่างไรกัน!

ออสการ์ถือผ้าเช็ดหน้าที่เปียกชื้นไว้ในมือไม่ได้โดยพูดอะไรเพราะไม่อยากกลายเป็นคนที่ไร้ซึ่งมารยาท

“ฉันขอเอามันไปได้ไหม”

มิเอลกำลังค่อยๆ กลายเป็นแบบเธอในอดีต และเธอในตอนนี้ก็กำลังค่อยๆ กลายเป็นมิเอลในอดีตเฉกเช่นเดียวกัน

อาเรียเผยรอยยิ้มอย่างสดใส

“แน่นอนสิคะ”

…………………………………………..