ตอนที่ 1498

War sovereign Soaring The Heavens

สำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร

 

“ไม่กล้า! ข้าไม่กล้า!!”

 

ได้ยินน้ำเสียงขู่ข่มของต้วนหลิงเทียน ไหนเลยโอวหยางชิงจะหลงเหลือความถือดีอะไรอีก! ความหยิ่งทะนงของมันในกาลก่อนมลายหายไปหมดสิ้น!

 

ตอนนี้มันเสมือนลูกนกที่หวาดกลัวตัวหนึ่งเท่านั้น!

 

ถอดหน้ากากพร้อมโม่งดำออก หน้าซีดเซียวของโอวหยางชิงก็เผยให้เห็นทันที ลูกตาของมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และจะเป็นเช่นนี้ไปอีกนาน!

 

“นิ…นี่ แหวนให้ท่าน”

 

หลังจากที่ยกเลิกพันธะครองแหวน โอวหยางชิงก็ให้ความร่วมมืออย่างดี ใช้พลังประคองแหวนส่งตรงถึงมือต้วนหลิงเทียน

 

แน่นอนว่าเบื้องหลังความร่วมมือนี้ ใจของโอวหยางชิงถึงกับหลั่งเลือด!

 

มันคิดว่าจะได้รับทรัพย์สมบัติทั้งหมดของต้วนหลิงเทียนมาครอง แต่ไม่คิดเลยว่าไม่เพียงจับไก่ไม่สำเร็จยังต้องเสียข้าวสารไปอีกกำมือ! กลายเป็นมันต้องส่งแหวนให้อีกฝ่ายแต่โดยดี!!

 

กล่าวอีกอย่าง มันไม่กล้าขัดขืน!

 

พอคิดถึงเรื่องที่ปู่ชานอาวุโสลำดับสองของสกุลโอวหยางตายด้วยน้ำมือต้วนหลิงเทียนอย่างไร ไหนเลยมันยังหลงเหลือความกล้าคิดขัดขืน!

 

“ไปกันได้แล้ว!”

 

หลังจกาเก็บแหวนพื้นที่ของโอวหยางชิงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ยกมือขึ้นคว้าแขนของโอวหยางชิงแน่นเสมือนคีมเหล็ก หอบหิ้วมันออกจากพื้นที่ทิ้งขยะ ไปยังสี่แยกที่เขาเลี้ยวมา

 

หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เลี้ยวซ้าย พาร่างโอวหยางชิงมุ่งหน้าไปตามถนนสายเหนือ

 

“ทะ…ท่านมาจาก 9 พันธมิตรหรือ?”

 

เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนพามันไปตามเส้นทางที่ตั้งของ 9 พันธมิตร และยังใกล้เข้าไปทุกขณะ โอวหยางชิงก็กล่าวถามออกมาเสียงสั่น

 

“ตอนที่ข้าไปเยือนตระกูลโอวหยางถึงที่ ไม่ใช่ว่าเจ้ากล่าววาจาห้าวหาญเอาเรื่องนักหรือไง พอมามากระเสาะกระแสะแบบนี้ทำให้ข้าอึดอัดจริงๆ…”

 

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองโอวหยางชิงด้วยหางตา ค่อยกล่าวเสียงเย็น

 

วาจาไม่กี่คำนี้ถึงกับทำให้หูของโอวหยางชิงแดงแปร๊ด แต่มันก็ไร้คำจะกล่าว

 

มันกล่าวถามออกมาทั้งร่างสั่นระริก “ท่านเป็นใคร…แล้วท่านคิดทำอะไรกับข้ากันแน่…ท่านกล่าวแล้วนะว่าจะไม่ฆ่าข้า ท่านไม่อาจผิดคำพูด! ท่านไม่อาจฆ่าข้า!!”

 

โอวหยางชิงถูกความตื่นตระหนกเล่นงานจนหวาดกลัวจับใจ

 

ตอนแรกหลังเห็นต้วนหลิงเทียนใช้ยันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวฆ่าปู่ชาน มันก็รู้ได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนมีความเป็นมาไม่ธรรมดาถึงที่สุด แต่จะอย่างไรทั้งหมดมันก็แค่คิดไปเองเท่านั้น…

 

บางทีต้วนหลิงเทียนอาจบังเอิญโชคดีไปพบพานวาสนา ได้รับ ‘สมบัติ’ ของยอดฝีมือ และในสมบัติดังกล่าวก็มียันต์เต๋าจู่โจม 3 ดาวรวมอยู่ด้วย

 

ทว่ามาตอนนี้พอคิดว่าต้วนหลิงเทียนกำลังจะไปยัง 9 พันธมิตร ความหวังสุดท้ายว่าต้วนหลิงเทียนอาจแค่บังเอิญได้ของมาก็มลายไปจากใจหมดสิ้น

 

มันรู้ดีว่าหากต้วนหลิงเทียนเป็นคนของ 9 พันธมิตร และขุมพลังอีกอีกฝ่ายคิดล้างตระกูลโอวหยาง มันก็ไม่อาจทำอะไรได้เลย

 

แถมต้วนหลิงเทียนยังฆ่ามันได้ราวกับฆ่าไก่ โดยที่ไม่มีใครคิดเอาความ…

 

พอตระหนักได้ชัดว่าชีวิตของมันและตระกูลล้วนอยู่ในกำมือของต้วนหลิงเทียนหมดสิ้น โอวหยางชิงก็หวาดกลัวจับใจแล้วจริงๆ

 

“ข้าบอกแล้วว่าจะไม่ฆ่าเจ้า แน่นอนว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้า…”

 

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองโอวหยางชิงด้วยสายตารังเกียจ เขาลอบคิดในใจว่าหากไม่ใช่เพราะคิดหาผลประโยชน์จากมัน เขาคงฆ่ามันให้ตายไปแล้ว

 

หลังได้ยินคำยืนยันของต้วนหลิงเทียนโอวหยางชิงก็โล่งใจ

 

ถึงแม้มันจะพอเดาได้ว่าที่ต้วนหลิงเทียนไว้ชีวิตมันเพราะคิดใช้มันทำอะไรสักอย่าง แต่มันก็ไม่ได้คิดมากเรื่องนี้ ขอเพียงแค่มันอยู่รอดก็พอ!

 

ตราบใดที่มันยังไม่ตายมันจะทำอะไรก็ได้

 

เพราะเมื่อตายไป ใดๆในหล้าก็เสมือนหมอกควันอันรางเลือน

 

สำนักงานใหญ่ของ 9 พันธมิตรนั้น ครอบคลุมพื้นที่ตอนเหนือของเมืองหานเหอไม่น้อย

 

ในพื้นที่ขนาดใหญ่แห่งนี้ ยังแบ่งสันปันส่วนออกเป็น 9 ส่วนไว้สำหรับคนของแต่ละขุมพลัง และแต่ละส่วนที่ว่าก็เป็นสำนักงานของขุมพลังแต่ละขุม

 

ทันทีที่มาถึงทางเข้าเขตสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร ต้วนหลิงเทียนก็ถูกคนหยุดเอาไว้

 

“เจ้าเป็นใครกัน ไฉนถึงมาเยือนสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตรเราดึกดื่นเช่นนี้?”

 

หน้าประตูสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตรนั้น ส่องสว่างไปด้วยแสงไฟ ด้านข้างมองไปนับได้ 18 คนที่ยืนตรวจตรารักษาการณ์

 

“ข้าเป็นศิษย์ของสำนักจันทร์จรัสแสงน่ะ”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวแจ้งตัวตนอกไป แน่นอนว่าตอนนี้เมื่อมาถึง 9 พันธมิตรแล้วเขาต้องเปิดเผยสำนักสังกัด หาไม่แล้วคงยากที่จะเข้าไปด้านในได้

 

“สำนักจันทร์จรัสแสง!”

 

ได้ยินวาจาที่ต้วนหลิงเทียนกล่าว ลูกตาของโอวหยางชิงถึงกับเบิกกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ

 

ตอนนี้ในที่สุดมันก็รู้ความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนเสียที

 

ที่แท้ต้วนหลิงเทียนมาจากสำนักจันทร์จรัสแสง

 

อนิจจามันรู้เรื่องนี้สายไป

 

“คนของสำนักจันทร์จรัสแสงรึ?”

 

ได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน ชายวัยกลางคนที่มาหยุดเขาไว้พลันขมวดคิ้ว

 

ขณะเดียวกันมันก็หันไปยังชาย 2 ใน 18 คน “หลิวไห่ หลิวเยว่ ในเมื่อน้องชายผู้นี้กล่าวอ้างว่ามาจากสำนักจันทร์จรัสแสงของพวกเจ้า งั้นข้าจะให้พวกเจ้าตรวจสอบเองแล้วกัน”

 

ทั้ง 2 คนที่ถูกเรียกว่า หลิวไห่ กับหลิวเยว่นั้น เป็นชายหนุ่มกับชายวัยกลางคน พวกมันพยักหน้าทันที ก่อนที่จะเดินเข้ามาหาต้วนหลิงเทียน

 

“น้องชายท่านนี้เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นศิษย์ของสำนักจันทร์จรัสแสงเราหรือ แล้วน้องชายมีป้ายแสดงตัวตนของสำนักเรามาด้วยหรือไม่?”

 

หลิวเยว่มองถามต้วนหลิงเทียนอย่างสุภาพ

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะแลดูยังเยาว์นัก แต่หลิวเยว่ก็เดินทางออกมาประจำการณ์นอกสำนักหลายปีแล้ว มันย่อมสัมผัสได้ถึงบรรยากาศไม่ธรรมดาที่แผ่ออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียน หากอีกฝ่ายเป็นศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสง ก็ไม่น่าเป็นตัวตนที่ไม่สำคัญ

 

“มีสิ”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ก่อนที่จะยกมือเรียกป้ายประจำตัวออกมา ก่อนที่จะยื่นส่งให้หลิวเยว่

 

“ป้ายนี้เป็นของจริง…ว่าแต่เจ้าเป็นศิษย์ฝ่ายนอกรึ?”

 

หลังจากรับป้ายมาตครวจสอบพักหนึ่ง เมื่อยืนยันได้แล้ว หลิวเยว่ก็คืนป้ายให้ต้วนหลิงเทียนพร้อมถามด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง

 

“ข้าต้วนหลิงเทียน คารวะศิษย์พี่หลิวเยว่กับศิษย์พี่หลิวไห่ พวกท่านสบายดีนะ”

 

ต้วนหลิงเทียนเขวี้ยงร่างโอวหยางชิงทิ้งเหมือนขยะชิ้นหนึ่งค่อยป้องมือประสานทักทายทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม

 

เขาระบุฐานะของทั้งคู่ได้ว่าเป็นศิษย์ฝ่ายในของสำนักจากป้ายประจำตัวที่ห้อยแขวนไว้บริเวณเอว

 

อย่างไรก็ตามทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเปิดปากกล่าววาจานี้ออกมา ทำให้หลิวเยว่กับหลิวไห่ถึงกับทำหน้าเหวอปานเห็นผี!

 

“ต้วนหลิงเทียน!? ศิษย์ฝ่ายนอกสำนักจันทร์จรัสแสงต้วนหลิงเทียน!?”

 

ตอนนี้สายตาทั้ง 16 คู่ของอีก 16 คนก็พลันหันมามองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็งอย่างแตกตื่น คล้ายเขามีอะไรดึงดูดสายตาอย่างไรอย่างนั้น

 

“เอ่อ มีอะไรกันเหรอ?”

 

ต้วนหลิงเทียนงุนงงไม่น้อย

 

“ทะ…ท่านคือต้วนหลิงเทียน?”

 

ตอนนี้เองโอวหยางชิงที่ถูกต้วนหลิงเทียนเขวี้ยงทิ้งเหมือนขยะ ก็กล่าวถามออกมาด้วยดวงตาเบิกโพลงปานเห็นผี จากวาจามันยังคล้ายรู้จักต้วนหลิงเทียนมาก่อน

 

“หืม? เจ้ารู้จักข้าด้วย?”

 

ได้ยินวาจานี้ของโอวหยางชิง ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามพร้อมขมวดคิ้ว นี่เขาโด่งดังขนาดนี้เลยรึ?

 

“เอ่อ…ศะ ศิษย์น้องต้วน หรือเจ้ามิรู้ตัวเลย ว่าตอนนี้ชื่อเสียงเจ้าโด่งดังไปทั้ง 9 พันธมิตรแล้ว”

 

ตอนนี้เอง ในที่สุดหลิวเยว่ที่หน้าเหวอไปก่อนหน้าก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง มันกล่าวถามต้วนหลิงเทียนพร้อมยิ้มแหยๆหลังได้ยินวาจาโต้ตอบระหว่างต้วนหลิงเทียนกับโอวหยางชิง

 

“หืม? ชื่อเสียงข้าโด่งดังไปทั่ว 9 พันธมิตรแล้ว?”

 

ต้วนหลิงเทียนตกใจไม่น้อย

 

“เหอะๆ ก็เจ้าเข้าสำนักมาไม่ทันไร เจ้าก็ฆ่าเฝิงฟ่านชิงอันดับที่ 99 ในรายนามปฐพีมาจากมัน…กล่าวไปเพียงเรื่องนี้ชื่อเสียงเจ้าก็เริ่มแพร่ไปใน 9 พันธมิตรแล้ว”

 

หลิวเยว่ถอนหายใจกล่าว

 

“ต่อมาเจ้ายังเอาชนะเฮ่อจงที่อยู่ในอันดับที่ 66 ของรายนามปฐพีอีก ทำให้อันดับในรายนามปฐพีของเจ้าพุ่งสูงขึ้นในเวลาอันสั้น นับว่าเรื่องนี้ทำให้ 9 พันธมิตรตกใจกันนัก! ตอนนี้เกรงว่าในบรรดาคนของ 9 พันธมิตรหากไม่ใช่ผู้ที่ปิดด่านมาอย่างยาวนานกับผู้ที่รักสันโดษมิสนเรื่องราวในโลก เกรงว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเจ้า…”

 

หลิวเยว่กล่าวสืบต่อ

 

ต้วนหลิงเทียนอึ้ง ที่แท้เป็นเพราะอันดับในรายนามปฐพีนี่เอง

 

พอคิดถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็พอเข้าใจเรื่องราวได้ไม่ยาก

 

เท่าที่เขารู้ รายนามปฐพีนั้น เป็น 9 พันธมิตรจัดขึ้น เพื่อจัดอันดับยอดฝีมือในขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์…

 

ไม่น่าแปลกใจเลยหากอันดับในรายนามปฐพี จะทำให้ชื่อเสียงเขาแพร่ไปทั้ง 9 พันธมิตร

 

ตอนแรกต้วนหลิงเทียนไม่ทราบเหตุผลเพราะไม่ทันคิด

 

มาตอนนี้เขาค่อยตระหนักได้ว่า เพราะอะไรเขาถึงกลายเป็นคนมีชื่อเสียงทั้งๆที่ไม่รู้ตัว

 

ถึงแม้อันดับในรายนามปฐพี จะเพียงจัดกันในบรรดาผู้ฝึกตนขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ แต่โดยมากแล้วผู้ที่ครองอันดับล้วนป็นหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น

 

“เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ…ศิษย์น้องต้วนหลิงเทียน เจ้าอย่าได้ลืมว่าเจ้ายังเป็นแค่หลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบ! ตัวตนในขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบ กลับติดอันดับในรายนามปฐพีได้! นี่เป็นเรื่องที่มิเคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์รายนามปฐพี…!!”

 

จังหวะนี้หลิวไห่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอีกคน

 

“เฮ่ เขาหรือต้วนหลิงเทียน?”

 

“ยังดูเยาว์วัยยิ่ง!”

 

“ข้าได้ยินมาว่าเขาพึ่งอายุได้ 35 ปีเท่านั้น…เพียงอายุ 35 ก็ติดอันดับที่ 66 ในรายนามปฐพีแล้ว พลังฝีมือช่างสูงจนน่าเหลือเชื่อจริงๆ”

 

“ข้าได้ยินมาว่าเขายังเป็นแค่หลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบ เรื่องนี้เรื่องจริงรึ?”

 

“ข้าเองก็คิดว่าเป็นไปมิได้เช่นกัน ข้าว่า 8-9 ส่วนเป็นสำนักจันทร์จรัสแสงปั้นเรื่อง เพื่อดึงดูดความสนใจผู้คน”

 

……

 

ชายวัยกลางคนรวมถึงชายหนุ่มอีก 16 คนที่เหลือซึ่งทำหน้าที่รักษาการณ์ประตูหน้าสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตรเริ่มซุบซิบสนทนากัน

 

ในวาจาของพวกมัน ล้วนไม่เชื่อว่าต้วนหลิงเทียนจะติดอันดับรายนามปฐพีได้ทั้งๆที่เป็นหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบ

 

“ข้ายังได้ยินมาว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้กลับได้รับการยอมรับจากอาวุป๋ายลี่หง ถึงขั้นถูกยอมรับเป็นศิษย์น้อง…เรื่องนี้ยังน่าตื่นตระหนกเสียยิ่งกว่า!”

 

“แต่ข่าวนี้น่าจะเป็นความจริง เพราะมันแพร่ออกมาจากสำนักจันทร์จรัสแสง”

 

“ถูกแล้ว สมควรเป็นเรื่องจริง อาวุโสป๋ายลี่หงเป็นผู้ใด ยังมีคนกล้าล้อเล่นเรื่องนี้อีกหรือ?”

 

“ไม่ว่าจะอย่างไร เพียงฐานะนี้อย่างเดียวก็ยากที่จะมีใครกล้าล่วงเกินต้วนหลิงเทียนแล้ว…เพราะหากล่วงเกินเขา ย่อมไม่ต่างอันใดจากหาเรื่องอาวุโสป๋ายลี่หง!”

 

……

 

เมื่อทั้ง 16 คนกล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้นมา พอมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาพวกมันอดไม่ได้ที่จะเผยความยำเกรง

 

โอวหยางชิงที่ถูกเขวี้ยงไปกองกับพื้นราวขยะ พอรู้ตัวตนของผู้ที่มันคิดฆ่าชิงทรัพย์ มันก็หวาดผวาพรั่นกลัวไปถึงแก่นกาย

 

ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายนอกสำนักจันทร์จรัสแสง ติดอันดับที่ 66 ในรายนามปฐพี!

 

หากมีเพียงเท่านี้อาจไม่เป็นอะไร

 

สิ่งที่มันกลัวจริงๆคืออีก ‘ฐานะ’ หนึ่งของต้วนหลิงเทียน

 

ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ถูกอาวุโสป๋ายลี่หง..ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวแห่งสำนักจันทร์จรัสแสงยอมรับเป็นศิษย์น้อง!

 

ใน 9 พันธมิตรมีปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวกี่คนกัน?

 

‘มิน่าแปลกใจ…มิน่าแปลกใจแล้วว่าไฉนมันถึงมีศาสตราเซียนที่จารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวสองอาคม! ในฐานะศิษย์น้องของปรมาจารย์เซียนจารึกระดับ 3 ดาว ยังจะขาดอาคมเซียน 3 ดาวได้อย่างไร…’

 

ตอนนี้โอวหยางชิงเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวจนเข้าใจกระจ่าง

 

อนิจจาเห็นชัดว่าทุกอย่างมันสายไปแล้ว…

 

“ศิษย์น้องต้วน แล้วเจ้านี่ มันเป็นใครรึ?”

 

หลังจากกล่าวสนทนาถามไถ่ความเป็นมาอย่างสุภาพ หลิวเยว่ก็หันไปมองโอวหยางชิงที่ถูกเขวี้ยงไปนั่งจุ้มปุ๊กกับพื้นราวสุนัขป่วย ค่อยถามต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสัย