“คุยกันจบแล้วเหรอ? พวกเขาคุยกันเรื่องอะไรน่ะ? แต่ยังดีที่…ดูจากท่าทางของพวกเขาแล้วน่าจะคุยล้มเหลว…งั้นขั้นต่อไป ก็ถึงเวลาจัดการกับหลิงม่อแล้วสินะ?” หัวหน้าทีมนิพพานคิดในใจอย่างตื่นเต้นมาก
“หลิงม่อ แกยังโชคไม่ดีเหมือนเคยสินะ…หลังจากที่หลิวหยางลงมือ ฉันค่อยหาโอกาส…หืม?” ในตอนนี้เอง หัวหน้าทีมนิพพานพลันงงงวยไปชั่วขณะ ไม่นาน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“นะ…นี่มันเกิดอะไรขึ้น!”
หัวหน้าทีมนิพพานกะพริบตาสุดแรง สีหน้าหวาดกลัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“ทำไมฉันถึงขยับตัวไม่ได้?! ร่างกายของฉัน…ขาทั้งสองข้าง ไหนยังจะมืออีก ทำไมไม่ฟังคำสั่งเลยวะ! ขยับสิ พวกแกขยับเดี๋ยวนี้นะโว้ย!”
นอกจากส่วนใบหน้าที่ยังสามารถขยับได้ตามใจ ร่างกายส่วนที่เหลือของเขาก็แข็งทื่อไปหมด…
“…ใช่แล้ว…”
หัวหน้าทีมนิพพานพลันหันหน้าไปมองแผ่นหลังของหลิวหยางทันที ก่อนตะโกนลั่นด้วยความตกใจปนโมโห “แกนี่เอง! แกแน่ๆ ที่ทำอะไรกับร่างกายฉัน! คนที่สามารถลงมือตอนที่ฉันเผลอก็มีแต่แกคนเดียว! ถึงว่าล่ะ…ถึงว่าทำไมพวกแกถึงบล็อกฉัน…พวกแกต้องอาศัยโอกาสเมื่อกี้ลงมือแน่…”
เขาตะโกนเสียงดังลั่นขนาดนี้ หลิงม่อย่อมได้ยินชัดเจนทุกคำเป็นธรรมดา
ทว่าหลังจากที่เขาตะลึงงัน ก็กลับมาสงบโดยเร็วทันที
ดูเหมือนว่าหัวหน้าทีมที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ผู้นี้จะยังไม่รู้ว่า…นับจากวินาทีที่หลิวหยางถูกบีบให้ปรากฏตัว คุณค่าของเขาก็สูญสิ้นไปแล้ว ไม่ว่าจะในฐานะเหยื่อล่อ ผู้รับผิดชอบหน้าที่รบกวนขอบเขตการมองเห็นของหลิงม่อ หรือจะการเผาผลาญพลัง เขาล้วนทำไม่สำเร็จ เมื่อเป็นแบบนี้ หากราชินีแมงมุมจะยังเก็บเขาไว้ก็แปลกแล้ว…
“วางใจเถอะ รออีกไม่นานแกก็เข้าใจแล้ว” หลิงม่อไม่แม้แต่จะแสดงความเห็นใจสักนิด และเมื่อกี้เอง เจ้าหมอนี่ยังเต็มไปด้วยความคิดที่จะฆ่าเขาด้วยซ้ำ…
“แกพูดผิดแล้ว” หลิวหยางหันกลับไปมองหัวหน้าทีมนิพพาน ตอบด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ถ้าฉันจะจัดการแกล่ะก็ ไม่จำเป็นต้องอาศัยโอกาสแบบนั้นหรอก…การที่ฉันสกัดกั้นการได้ยินของแก เพียงแค่ต้องการให้แกรออยู่ตรงนี้อย่างว่าง่ายเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะแกกลัวตายนักหนา ฉันก็คงไม่ต้องทำแบบนี้ อย่างเมื่อกี้ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันบอกให้แกรออยู่ด้านหลังฉัน แกก็คงจะยอมแพ้ไปแล้วล่ะสิ?”
“แก! แสดงว่า…แกงั้นเหรอที่เป็นหัวหน้าทีมซ่อนตัว? แต่ไม่ใช่สิ…ถ้าพวกแกไม่ได้ลงมือเมื่อกี้ แล้วจะลงมือตอนไหนล่ะ? ปกติแล้วฉันระวังตัวจะตาย…ฉันไม่มีทางถูกพวกแกเล่นงานหรอก…อีกอย่าง ตอนนี้แกคิดจะทำอะไรกันแน่! ฉันก็ถือเป็นคนของทีมนิพพานเหมือนกัน ฉันก็อยากฆ่าหลิงม่อนะโว้ย!” หัวหน้าทีมนิพพานยังคงอยู่ตกในวังวนของความเข้าใจผิด
แต่ก็เหมือนอย่างที่หลิงม่อคิดทุกอย่าง ไม่นานเขาก็เริ่มเข้าใจสถานการณ์จริงของตัวเอง…
“อ๊ากกก!” เสียงร้องเจ็บปวดดังสนั่นตามมา เสียงก่นด่าของหัวหน้าทีมนิพพานก็พลันเงียบหายไป ใบหน้าที่ยังสามารถขยับได้เพียงส่วนเดียวของเขาจู่ๆ ก็บิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด ดวงตาทั้งสองข้างก็ปูดนูนขึ้นอย่างกับจะถลนออกมาให้ได้ และตาเขาก็เบิกออกกว้างในชั่วพริบตา เส้นเลือดฝอยก็ปรากฏตามมาทันที…เพียงแค่เห็นปฏิกิริยาตอบสนองบนใบหน้าเขาอย่างเดียว ก็จินตนาการความเจ็บปวดที่เขาประสบอยู่ตอนนี้ได้ไม่ยากว่ารุนแรงแค่ไหน…
“อ๊าก อ๊าก อ๊ากกก!” เส้นเลือดบนลำคอของหัวหน้าทีมนิพพานนูนปูดออกมา แต่ทว่าไม่นาน เส้นเลือดหนึ่งเส้นก็เคลื่อนตัวกะทันหัน มันยืดยาวไปจนถึงบริเวณใบหน้าของเขา ตามด้วยดวงตาที่ทั้งเจ็บปวดและหวาดกลัว ทั้งยังคงเคลื่อนตัวไปจนถึงหน้าผากและคืบคลานขึ้นไปบนศีรษะ…
“ฉันทำแบบนี้ เพียงแค่อยากจะกระตุ้นศักยภาพทั้งหมดในตัวแกออกมาเท่านั้น” หลิวหยางมองเขาอย่างไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแม้สักนิด ถึงแม้ว่าจะเคยอยู่ในฐานะมนุษย์ แต่สำหรับเขาในตอนนี้ แม้จะเจอกับสถานการณ์อย่างนี้ก็ไม่อาจทำให้เกิดเปลี่ยนแปลงด้านความรู้สึกใดๆ ได้อีกแล้ว
หลิงม่อเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่นาน เขาก็เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี…
หัวหน้าทีมนิพพานคนนี้…ดูเหมือนว่าจะยังมีสติสัมปชัญญะเป็นของตัวเองอยู่!
“อ๊าก!” เพียงแค่หนึ่งวินาทีที่ “เส้นเลือด” มุดเข้าไปในหนังศีรษะ เสียงร้องโอดครวญของหัวหน้าทีมนิพพานก็เริ่มเงียบลงช้าๆ และในขณะเดียวกันนี้ ร่างกายของเขาก็กลับมาขยับอีกครั้ง เดิมทียังเป็นแค่การบิดขยับคออย่างแข็งทื่อ แต่ไม่นานเขาก็เริ่มขยับเดินได้
แต่สิ่งที่แตกต่างกับท่าทางการขยับอย่างลิบลับก็คือสีหน้าของหัวหน้าทีมนิพพาน…เขาแทบจะใจสลายเมื่อมองตัวเองเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหลิวหยางกับตา และหลิวหยางกลับทำเพียงแค่ยิ้มให้เขาเล็กน้อย
และยิ้มเล็กน้อยนี้ ทำให้หัวหน้าทีมนิพพานเข้าใจอะไรได้ทันที ในหัวพลันปรากฏอีกร่างเงาหนึ่งขึ้นโดยอัตโนมัติ…
“วะ…เวินเสี่ยวอวี่…”
“ไง ดูออกแล้วเหรอ? อืม…ความสามารถในการรับรู้ของมนุษย์นี่น่าตกใจจริงๆ ด้วย ผู้มีความสามารถด้านพลังจิตแบบแกยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่ถ้าแกไม่เจอกับสถานการณ์แบบนี้ แกก็คงไม่กล้ามั่นใจในความรู้สึกของตัวเองง่ายๆ หรอกจริงไหม?” หลิวหยางเอ่ย
“กะ…กะแก…”
“ไปสิ แกอยากฆ่าหลิงม่อมากไม่ใช่เหรอ? สำหรับเหยื่อที่แกอยากจะฆ่า แน่นอนว่าเวลาต่อสู้ก็ต้องทุ่มสุดความสามารถ ในเมื่อแกไม่สามารถทำสำเร็จได้ด้วยตัวเอง งั้นฉันจะช่วยแกเอง”
“ไม่…ม่ายยย!”
ถึงแม้หัวหน้าทีมนิพพานจะตะโกนลั่น…แต่ร่างกายที่ไม่สามารถควบคุมได้ของเขากำลังก้าวเหยียบขั้นบันได…
ตึก ตึก ตึก
“มาแล้ว!”
หลิงม่อที่หลบอยู่หลังมุมกำแพงเกร็งตัวทันที…
“เวินเสี่ยวอวี่เหรอ? แสดงว่า…ยังมีปรสิตที่ประเภทคล้ายกันอยู่อีกงั้นเหรอ? โฮ่…คิดไม่ถึงว่ามันจะวุ่นวายขนาดนี้…ไม่ปรากฎร่างจริงไม่ว่า มิหนำซ้ำแม้แต่ปรสิตก็ยังระวังตัวขนาดนี้…แต่ใช้มนุษย์ที่มีพลังพิเศษ…โดยเฉพาะพลังพิเศษด้านพลังจิตมาต่อสู้แทน ถือเป็นเรื่องที่จัดการได้ยากจริงๆ…”
พลังการต่อสู้ทั้งหมดของหลิงม่อล้วนมาจากพลังจิต…ถ้าหากถูกเผาผลาญเข้าเยอะๆ นั่นหมายความว่าพลังของเขาก็จะลดลงฮวบฮาบ ถ้าเป็นอย่างนั้น โอกาสในการจับเป็นเขาย่อมเพิ่มมากขึ้น บวกกับราชินีแมงมุมไม่มีแผนที่จะฆ่าเขา ดังนั้นวิธีการต่อสู้แบบนี้ย่อมเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดอยู่แล้ว
“เมื่อกี้ที่เขาบอกฉันก็มีแค่ข้อมูลของปรสิตระดับต่ำ แต่ข้อมูลเกี่ยวกับระดับอย่างเขากลับไม่ได้เอ่ยถึงแม้คำเดียว และกับผู้ที่มีความสามารถด้านพลังจิตแบบนี้ แม้แต่โอกาสในการรับรู้ก็ไม่มีเหลือให้ฉันเลย…วิเคราะห์จากสิ่งที่เห็น เขาคงไม่ให้โอกาสฉันได้หยั่งเชิงอีกแล้ว เพราะจากการต่อสู้ที่ผ่านๆ มา เขารู้จักฉันดีหมดแล้ว! ทำยังไงดี?”
ฟังเสียงฝีเท้าที่ยิ่งใกล้เข้ามาทุกที จิตใจของหลิงม่อจากที่ร้อนรนก็ค่อยๆ สงบลง
“ไม่ว่าจะยังไง…ลงมือก่อนแล้วกัน!”
สวบๆ!
หนวดสัมผัสสองสามเส้นพลันพุ่งยิงออกไปทันที และเมื่อหัวหน้าทีมนิพพานสัมผัสถึงพลังกำลังเข้าใกล้ สองมือก็พลันเหวี่ยงออกไป
ตึก ตึก ตึก
ในแววตาหวาดกลัวของหัวหน้าทีมนิพพาน…บนแขนของเขาพลันมีจ้ำเลือดปรากฏออกมาหลายจุด…
“อ๊ากกก…เอ๋? ไม่ขาด? ไม่ทะลุงั้นเหรอ?” หัวหน้าทีมนิพพานตะลึงงัน
ยังมีหลิงม่ออีกคนที่ตกตะลึงเช่นกัน…
“ในระยะเวลาสั้นๆ แค่นี้ พลังป้องกันของเขากลับพัฒนาขึ้นถึงระดับนี้แล้ว!”