องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 381 ไฟโหมไหม้เรือนหลัง
จงชินอ๋องนั่งอยู่เหม่อลอยตรงนั้นเป็นเวลาเนิ่นนาน หันกลับมาเห็นร่องรอยปรากฏอยู่บนคอของอวิ๋นหลัวฉวนจึงเจ็บปวดใจอยู่บ้าง
“ฉวนเอ๋อร์ นี่ก็ดึกมากแล้ว กระบี่ที่เจ้าเอาไปจากข้าครั้งก่อนเป็นของเสด็จพ่อ เมื่อวานขอจากข้าแล้วข้าต้องคืนให้ท่านซะแล้ว”
“หม่อมฉันจะไปหยิบมา”
อวิ๋นหลัวฉวนลุกขึ้นไปหยิบกระบี่ นางไปแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกประหลาด
จงชินอ๋องลุกขึ้นและเดินไปตรงหน้าอ๋องตวน ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกประหม่ายิ่งนัก
ในเวลานี้อวิ๋นหลัวฉวนก็ไม่ได้ไปไกลซึ่งอยู่ตรงหน้าประตู
จงชินอ๋องมองดูครู่หนึ่งด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย: “เหตุใดถึงเป็นเจ้า เจ้ากับข้าอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้วเหตุใดเจ้าถึงแย่งฉวนเอ๋อร์ไป เจ้าไม่ชอบพอแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือ เจ้ายังทำร้ายฉวนเอ๋อร์อีก ข้าอยากจะกรีดเจ้าออกดูว่าหัวใจของเจ้าทำด้วยสิ่งใด ฉวนเอ๋อร์แสนดีเช่นนั้นเจ้ายังต้องการทำร้ายนาง เจ้านั้นช่างใจดำหรือไม่!
ฉีเฟยอวิ๋นขมวดคิ้ว จงชินอ๋องกล่าวอยู่ครู่หนึ่งก็หันหลังเดินจากไป
และก็ไม่ได้อยู่ต่อ ได้จากไปเลย
อวิ๋นหลัวฉวนหลบออกหน้าประตูซึ่งซ่อนตัวอยู่ มองดูจงชินอ๋องเดินจากไป
นางไม่ได้ไปหาจงชินอ๋อง หันหลังกลับเข้าไปยังในเรือน
อ๋องตวนลืมตาขึ้นแล้วมองไปยังหน้าประตูด้วยใบหน้าอันเคร่งขรึม
ฉีเฟยอวิ๋นเดินออกไปดูอ๋องตวน ไม่กล้าประมาทจากนั้นเริ่มตรวจสอบดูอาการอ๋องตวน แน่ใจว่าไม่เป็นไรแล้วจึงตรวจสอบบริเวณโดยรอบ ไม่มีสารพิษฉีเฟยอวิ๋นจึงได้หันไปตรวจสอบโต๊ะและสถานที่ทุกแห่งที่จงชินอ๋องไป
หลังจากยืนยันว่าไม่มีปัญหาใดฉีเฟยอวิ๋นก็ออกไปด้านนอกเพื่อไปพบจงชินอ๋อง
อวิ๋นหลัวฉวนทำสิ่งใดไม่ถูก: “ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่รู้ว่าจงชินอ๋องชอบพอหม่อมฉัน วันนี้หม่อมฉันก็ชี้แจงกับเขาชัดเจนแล้วว่าหม่อมฉันกับเขาเป็นความสัมพันธ์แค่เพียงพี่น้องกันเท่านั้น”
“ข้าอาการดีแล้วจะไปสังหารเขาซะ ให้เขารออยู่ในโลงศพ”
“ท่านอ๋อง ท่านไม่มีเหตุผล แม้ว่าจงชินอ๋องจะบอกว่าเขาชอบหม่อมฉันแต่เขาก็ไม่ได้ทำสิ่งใดอันไม่พึงกระทำ”
“เขาจะแย่งชายาของข้าไปอยู่แล้วยังจะบอกว่าไม่ได้มีสิ่งที่มิพึงกระทำหรือ?”
อวิ๋นหลัวฉวนกล่าวสิ่งใดไม่ออก มองไปยังหนานกงเหยี่ยนแล้วนางก็รู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรม
เรื่องนี้เกี่ยวข้องอันใดกับนาง?
ฉีเฟยอวิ๋นกลับมาจากด้านนอกและเดินไปหาอ๋องตวนแล้วนั่งลงข้างอ๋องตวน: “พวกท่านคิดว่าเป็นจงชินอ๋องหรือไม่?”
“ข้ามองว่าแม้จะไม่ใช่เขา เขาก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด”
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังอวิ๋นหลัวฉวน: “แล้วเจ้าหล่ะ?”
อวิ๋นหลัวฉวนส่ายศีรษะ: “ประการแรกหากเป็นเขาเขาจะไม่ลงมือ ลงมือก็จะถูกสงสัยเช่นนี้ช่างโง่เขลานัก แน่นอนว่าหากเป็นจริงเขาก็จะไม่ลงมือนี่เป็นสิ่งที่น่าสงสัยที่สุด ประการที่สองหากไม่ใช่แต่เขามาในช่วงเวลานี้ก็ช่างน่าแปลกนัก หรือเพียงแค่มาดูว่าอ๋องตวนสิ้นชีพแล้วหรือยัง?”
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า: “ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดพระมเหสีถึงได้ชอบท่านมาก ท่านเทียบกับจวินฉูฉู่แล้วมองนางสูงไปซะแล้ว”
จวินฉูฉู่คคิดสนใจแต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่อวิ๋นหลัวฉวนเป็นผู้ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมาก่อน จะเทียบกันได้เช่นไร?
อ๋องตวนในขณะนี้สงบลงมามองอวิ๋นหลัวฉวนด้วยสายตาดุเดือด: “ข้ากลับรู้สึกว่ารู้จักฉวนเอ๋อร์เป็นวันแรก”
อวิ๋นหลัวฉวนไม่ได้กล่าวสิ่งใด เรื่องนี้ไม่สำคัญในสายตาของอวิ๋นหลัวฉวน
“หากว่าเป็นจงชินอ๋อง ท่านพี่เสียนเฟยท่านคิดว่าเขาจะปล่อยเรื่องนี้ให้หลุดมือง่ายดายเช่นนี้หรือ?”
“ไม่ แต่ว่าถึงจะไม่ใช่เขา ผู้ที่อยู่เบื้องหลังนั้นก็จะไม่ปล่อยให้หลุดมือ ดังนั้นสองสามวันนี้ห้ามชะล่าใจ”
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะเฝ้าอ๋องตวนทั้งวันทั้งคืนและเพิ่มกำลังคนเชื่อว่าจะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น”
“ก็ไม่แน่ อย่าได้ประมาทก็พอ ตอนนี้ข้าเช่นนี้ก็ช่วยสิ่งใดไม่ได้ ท่านต้องระวังให้มากกว่านี้”
“ได้”
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองอ๋องตวนแล้วหันหลังออกประตูไป หลังจากออกไปแล้วก็ยืนเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวอยู่ในลานเรือน
หรือบางทีไม่ได้แยกจากกันนานเช่นนี้ ดังนั้นนางจึงเพิ่งรู้ว่าคิดถึงค่ำคืน เวลาและปุยเมฆ
ยามค่ำคืน
ทันใดนั้นมีการเคลื่อนไหวในลาน จู่ๆเจ้าจิ้งจอกหางสั้นก็ลุกขึ้นจากเตียง และเจ้าอีกาน้อยก็บินไปยังตรงหน้าต่าง
ในขณะที่ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้น ลูกธนูไฟดอกหนึ่งก็ตกลงตรงหน้าต่างเสียงดังแล้วกระดาษหน้าต่างเกิดเสียงฟู่ว์เผาไหม้ขึ้นมา
ฉีเฟยอวิ๋นรู้แก่ใจว่าไม่ดีจึงได้ร้องขึ้น: “เจ้าจิ้งจอกน้อย มาหาข้าทางนี้”
เจ้าจิ้งจอกหางสั้นมาถึงตรงร่างของฉีเฟยอวิ๋นอย่างรวดเร็วแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็เรียกเจ้าอีกาน้อย: “มานี่สิ”
เจ้าอีกาดำเล็กก็ตื่นตระหนกเช่นกันแล้วร้องเสียงกากาขึ้น
“ไม่ต้องกลัว”
ฉีเฟยอวิ๋นคว้าตัวเเจ้าอีกาน้อยแล้วยัดเข้าไปในอ้อมแขนของนาง
นางรู้ว่าสัตว์นั้นกลัวไฟมากที่สุด ดังนั้นนางจึงรู้สึกวิตกกังวล
หันหลังกลับแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็เทน้ำในอ่างลงบนผ้าห่มบนเตียงแล้วกล่าวว่า: “เจ้าอีกาน้อยเจ้าอยู่ในอ้อมแขนของข้าแล้วอย่าได้ออกมา เจ้าจิ้งจอกน้อยเจ้าอยู่บนคอของข้าแล้วก็อย่าได้จากไป ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากลัวไฟแต่พวกเจ้าเชื่อข้า ข้าจะพาพวกเจ้าออกไป”
เด็กน้อยสองตัวด้วยดวงตาอันน่าเวทนาในเวลานี้ ในใจของฉีเฟยอวิ๋นนั้นอ่อนระทวยไปหมดแล้ว
ความโกลาหลวุ่นวายด้านนอกและการโจมตีอันโหดเหี้ยมของคู่ต่อสู้นั้นได้ก่อให้เกิดไฟลุกโชนขึ้นมา
แม่ทัพฉีตะโกนอย่างคลุ้มคลั่ง: “อวิ๋นอวิ๋น ข้าจะช่วยอวิ๋นอวิ๋น”
“เร็ว เร็วเข้า!”
ทุกคนนั้นก็วุ่นกันขึ้นมา
ฉีเฟยอวิ๋นคลุมผ้าห่มแล้วก้าวออกไปทางด้านนอก เปิดประตูเพลิงนั้นได้พุ่งเข้ามา ฉีเฟยอวิ๋นได้ยินเสียงอีการ้องกากาดังขึ้นบนท้องฟ้า นางกลัวว่าอีกาดำทั้งหลายจะพุ่งทะยานลงมานางจึงตะโกนว่า: “อย่าเข้ามา ข้าสามารถออกไปได้ ”
ฉีเฟยอวิ๋นเดินออกไป
มองลอดช่องว่างในผ้าห่มออกไปเห็นด้านนอกแว๊บหนึ่ง มองเห็นลูกธนูไฟเหล่านั้นยังคงยิงเข้ามาทางจวนกั๋วกง
และจวนกั่วกงก็วุ่นวายโกลาหลไปหมด ทุกคนมัวแต่สนใจตนเองไม่สามารถสนใจผู้อื่นได้ มีเพียงแม่ทัพฉีเท่านั้นที่ต้องการช่วยฉีเฟยอวิ๋น ไอรีนโนเวล
ฉีเฟยอวิ๋นออกมาก็เห็นแม่ทัพฉีเดินเข้ามาทันที: “ท่านพ่อ ข้าสบายดี ท่านรีบออกจากที่นี่โดยเร็ว พาคนของท่านไปตามหาตามทิศทางของลูกธนู เจ้าอีกาดำจะพาท่านไป”
ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้นตะโกนว่า: “พาท่านพ่อของข้าไปตามหาพวกเขาและปกป้องท่านพ่อของข้า”
อีกาดำเหล่านั้นส่งเสียงร้องกากาขึ้นมาและพวกมันส่วนหนึ่งบินไปตามทิศทางของลูกธนู แม่ทัพฉีถามว่า: “อวิ๋นอวิ๋น เจ้าไม่เป็นไรแน่นะ?”
“ท่านพ่อ ข้าไม่เป็นไรจริงๆ”
แม่ทัพฉีจึงได้กล่าวขึ้นว่า: “เช่นนั้นพ่อไปคิดบัญชีกับพวกเขา เจ้าอย่าได้เกิดเรื่องอันใดพ่อจะกลับรีบกลับมาโดยเร็ว”
แม่ทัพฉีเกือบจะร้องไห้ เขาทิ้งฉีเฟยอวิ๋นไม่ลง
แต่เขาก็ยังคงจากไป
ฉีเฟยอวิ๋นหันไปหาผู้คนในจวนกั๋วกงแล้วถามว่า: “จวิ้นจู่และท่านอ๋องหล่ะ?”
“ยังดับไฟกันอยู่ พวกเขาไม่ได้ออกมา” สาวใช้เป็นกังวลจนร้องไห้ออกมาแล้วหิ้วน้ำสาดเข้าไป
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองไปโดยรอบไฟนั้นลุกโชนกระหน่ำขึ้น ลูกธนูเหล่านั้นมีน้ำมันอยู่บนนั้น
“ฉวนเอ๋อร์ ท่านอยู่หรือไม่?” ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปทางเรือนของอวิ๋นหลัวฉวน
“ท่านพี่เสียนเฟยท่านรีบไป” อวิ๋นหลัวฉวนได้ยินฉีเฟยอวิ๋นตะโกน นางเกรงว่าฉีเฟยอวิ๋นจะเข้าประตูมานางจึงตะโกนบอก
หนานกงเหยี่ยนลุกนั่งขึ้นและเขากำลังจะพาอวิ๋นหลัวฉวนออกไป
อวิ๋นหลัวฉวนเห็นเขาลุกขึ้นมาก็รีบเดินไปพยุงหนานกงเหยี่ยน
“ท่านลุกขึ้นทำอันใด?” อวิ๋นหลัวฉวนเป็นกังวลจนเกือบจะร้องไห้ซะแล้ว นางไม่กลัวตายแต่นางกลัวว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นกับหนานกงเหยี่ยน
หนานกงเหยี่ยนกอดอวิ๋นหลัวฉวนเอาไว้ คุ้มกันคนไว้ในอ้อมแขน ใช้กำลังภายในและกระชับแขนเอาไว้แน่น
พรึ่บเสียงหนึ่งพุ่งดังออกจากหลังคาไป
ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้น คนผู้หนึ่งบนหลังคากอดอวิ๋นหลัวฉวนเอาไว้อย่างรวดเร็วและกลิ้งลงมายังฝั่งหนึ่ง
ฉีเฟยอวิ๋นหันหลังเดินออกไปด้านนอกถึงเพิ่งพบว่ามีเพียงส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของเรือนหลังในจวนกั๋วกงซึ่งเกิดไฟไหม้ และสถานที่เกิดไฟไหม้ก็อยู่โดยรอบลานเรือนของอวิ๋นหลัวฉวน
ไม่ยากเลยที่จะมองออกว่าผู้คนเหล่านี้พุ่งเป้ามายังพวกเขา