ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 1479  – มหาทวีปอุดรเทวา ตัวตนที่แสนลึกลับ

 

เธอบอกว่า “ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา” แต่ไม่ใช่ “ไม่” ชิงสุ่ยเองก็รู้สึกว่านี่ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ลึก ๆ แล้วชิงสุ่ยรู้สึกกังวลที่เผลอหลุดปากพูดออกไป

 

ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเธอไม่ใช่คนที่ยอมแพ้ในโชคชะตา ไม่อย่างนั้นวันนี้เธอคงไม่แสดงท่าทีเช่นนี้ เขายิ้มและพูดต่อ “ตราบเท่าที่เจ้ามีความสุข ข้าก็ยอมรับได้ทั้งนั้น ข้าจะดูแลเจ้าในฐานะคนที่ข้ารัก ดังนั้นอย่าปล่อยให้เรื่องต่าง ๆ ทำเจ้าทุกข์ใจเลย เจ้าแค่ปฏิบัติต่อข้าเหมือนคนที่เจ้าพึ่งพาได้ก็แล้วกัน”

 

“ถ้าข้าไม่เชื่อใจเจ้า แล้วข้าจะปล่อยให้เจ้าทำแบบนี้เหรอ?” ถานท่าย หลิงหยานตอบ

 

ชิงสุ่ยยิ้ม เขารู้ว่าไม่ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่เย็นชาขนาดไหน เธอก็ให้ความสำคัญกับเรื่องเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่เริ่มเข้าหเขาก่อน ตราบใดที่ชิงสุ่ยใกล้ชิดเธอ นั่นก็แสดงว่าเขามีความหวัง

 

ดังนั้นถ้าชิงสุ่ยเลือกที่จะอยู่ตระกูลชิงในมหาทวีปเมฆามรกตตลอดไป การจะได้ใจของหญิงสาวไปครองนั้น อาจจะเป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็พยายามอย่างหนักทีละก้าวทีละก้าว และทุกอย่างก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างด้วยมือของเขา ถ้าหากไม่มีเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมาย ผู้หญิงคนนี้ก็น่าจะตกเป็นของชิงสุ่ยอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาต้องรอเวลาเท่านั้น

 

ถานท่าย หลิงหยานจ้องตาชิงสุ่ยซึ่งเป็นประกาย เธอสัมผัสได้ว่าสายตานั้นเต็มไปด้วยความหลงใหล แม้จะรู้สึกไม่เข้าใจแต่เธอก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ อาจเพราะเธอไม่มีญาติพี่น้อง และชิงสุ่ยก็เป็นคนที่ใกล้ชิดเธอมากที่สุด

 

ในตอนที่เธอคิดถึงครอบครัว เธอมักคิดถึงเรื่องมากมายระหว่างเธอและเขาโดยไม่รู้ตัวชายผู้พยายามอย่างหนักเพื่อไล่ตามเธอ ก่อนเขาจะค่อย ๆ แข็งแกร่งจนมาเป็นเขาในวันนี้ เธอรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเมื่อนึกถึงเรื่องนี้

 

ชิงสุ่ยมองเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนของหญิงสาว เขาจุมพิตจมูกที่งดงามราวกับหยกนั้น จนเธอตกใจและมองชิงสุ่ยไม่วางตาโดยไม่ได้พูดอะไร

 

“หลิงหยาน ระหว่างนี้ อาจเกิดการผนึกกำลังกับผู้คนอีกมาก เพราะพวกเขาอาจจะคอยช่วยเหลือพวกเราในวันที่ต้องเผชิญหน้ากับมหาทวีปอุดรเทวา” ชิงสุ่ยยิ้มพลางคิดถึงเหล่าภรรยาของพวกเขา

 

“เจ้าหมายถึงเหล่าภรรยาของเจ้างั้นหรือ?”ถานท่าย หลิงหยานถาม

 

“หืม..อืม..”ชิงสุ่ยตอบอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

 

“เจ้าคนโลภ..ทั้ง ๆ ที่เจ้าก็มีภรรยาตั้งมากมาย แล้วเจ้าจะมาไล่ตามข้าทำไมกัน? มันคุ้มค่าอย่างนั้นหรือ?” ถานท่าย หลิงหยาน มองชิงสุ่ยอย่างสงสัย เธอรู้ว่าชิงสุ่ยมีภรรยาที่งดงามมากมาย แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำเขาถึงพยายามเอาชนะใจเธอนัก

 

“ข้าเชื่อว่านี่คือสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตา ข้าสัมผัสได้ว่ามีพรหมลิขิตเชื่อมโยงเราทั้งสอง และข้าก็เชื่อว่า ‘ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น’ ดังนั้นข้าไม่อยากพลาดโอกาสนี้”ชิงสุ่ยตอบด้วยท่าทีจริงจัง

 

ถานท่าย หลิงหยาน ค่อย ๆ หน้าแดงระเรื่อเมื่อได้ยินเช่นนั้น เมื่อคิดถึงครั้งแรกที่พวกเขาได้เจอกัน เธอยิ่งเขินและไม่กล้าสบตาชิงสุ่ย

 

“ หลิงหยานของข้า เจ้ายิ่งงดงามขึ้นเรื่อยๆ..”ชิงสุ่ยยิ้ม เขากำลังทำตัวได้คืบจะเอาศอกเสียแล้ว

 

“หึ ใครเป็นของเจ้ากัน?” แม้ถานท่าย หลิงหยาน จะพูดเช่นนั้น แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกโมโหแต่อย่างใด เธอจูงมือชิงสุ่ยไปที่อื่น เพราะเธอเริ่มทนบรรยากาศเช่นนี้ไม่ไหวแล้ว

 

“ข้าอยากไปสำรวจมหาทวีปอุดรเทวา”ชิงสุ่ยพูดพลางเดินตามเธอไป

 

“หืม..ข้าก็คิดว่าดี” ถานท่าย หลิงหยานตอบเสียงเบา

 

“เจ้าอยากไปกับข้าไหม?”ชิงสุ่ยถาม

 

“ข้าต้องเตรียมตัวฝึกฝนเพราะมรดกได้สืบทอดสู่ข้าแล้ว  ดังนั้นข้าคงพาเจ้าไปไม่ได้  หรือว่าจะให้ข้าตามเจ้าไปในตอนที่ข้าฝึกฝนสำเร็จ?” ถานท่าย หลิงหยาน ส่ายหน้าแล้วอธิบาย

 

“ก็ได้ ข้าจะรีบกลับมาที่นี่ให้เร็วที่สุด ถ้าระหว่างทางที่กลับมา เจ้าฝึกฝนสำเร็จแล้ว ข้าก็จะพาเจ้าไปที่นั่นอีกรอบ”ชิงสุ่ยตอบ เพราะอย่างไรแล้ว เขาก็มีธงสวรรค์ปัญจธาตุไว้ใช้เพื่อความสะดวก

 

“หืม..เจ้าต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้ดีเมื่อออกเดินทางคนเดียว เพราะคงมีคนมากมายคิดถึงเจ้า” ถานท่าย หลิงหยานพึมพำเบาๆ

 

“แล้วเจ้าจะคิดถึงข้าไหม?”ชิงสุ่ยมองเธอและถามอย่างมีความหวัง

 

ถานท่าย หลิงหยาน จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของชิงสุ่ยก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย

 

ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มรับ…

 

……

 

ผ่านไป 3 วัน ชิงสุ่ยร่ำลาทุกคนและใช้ย่างก้าว 9 เทวาเพื่อออกเดินทาง

 

มหาทวีปอุดรเทวา!

 

กลิ่นหอมบางอย่างอบอวลไปทั่วบรรยากาศรอบ ๆ ตัวชิงสุ่ย เขายืนอยู่กลางอากาศในขณะที่ด้านล่างคือเมืองที่ดูครื้นเครง ตึกสูง ๆ นั้นสูงจนเกือบแตะก้อนเมฆ หากมองจากด้านล่างคงไม่มีทางเห็นยอดตึกแน่ ๆ สัตว์อสูรเวหามากมายกำลังบินแหวกว่ายอยู่บนนภาราวกับเป็นเจ้าถิ่น

 

เมืองที่ครื้นเครงเช่นนี้ ดูท่าทางรุ่งเรืองยิ่งกว่ามหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ และมหาทวีปมังกรอหังกาล

 

ตามตรรกะง่าย ๆ สถานที่แห่งนี้อยู่ใจกลาง มหาทวีปอุดรเทวา และอาจเป็นส่วนที่ลึกที่สุดของอาณาเขต แต่ก็อาจจะไม่ใช่เสียทีเดียว  อีกทั้งอากาศที่นี่ยังสดชื่อยิ่งกว่า มหาทวีปมังกรอหังกาลและมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ

 

โฮกก!

 

เสียงคำรามของมังกรดังสะท้านทั่วนภา ชิงสุ่ยมองมังกรอัคคีตัวใหญ่ยักษ์ที่กำลังแหวกว่ายอยู่กลางอากาศด้วยความเร็ว ซึ่งบนหลังของมันมีใครบางคนอยู่ตรงนั้น

 

ชิงสุ่ยเบะปากเล็กน้อย ขนาดมหาทวีปมังกรอหังกาลที่มีคำว่ามังกรอยู่ในชื่อแท้ ๆ  แต่ก็เจอมังกรจำนวนไม่มาก..ชิงสุ่ยเองก็ฆ่ามังกรสายเลือดแท้ไปสองตัว ซึ่งทั้งสองตัวนั้นจัดเป็นสายพันธุ์ที่อ่อนแอในกลุ่มตระกูลมังกร

 

มังกรอัคคีที่เขาเคยเจอก่อนหน้านี้แข็งแกร่งมาก แต่พลังของมันอยู่ที่ร้อยล้านหยางแม้จะเป็นมังกรที่อ่อนแอแต่พลังของพวกมันก็อยู่ในระดับอสูรอมตะ ส่วนมังกรที่กลายพันธุ์นั้นจะแข็งแกร่งยิ่งกว่านั้นเสียอีก แม้ว่ามังกรอัคคีไม่ใช่สายพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่มันก็ถือว่าแข็งแกร่งมาก

 

บนโลกนี้มีมังกรหลายร้อยชนิดหรืออาจจะมากกว่านี้ มังกรบางชนิดมีความจำเพาะมาก และเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ อย่างไรก็ตามการมีสายเลือดมังกรก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีแล้ว ผู้ฝึกตนที่มีสัตว์อสูรเป็นมังกรจึงมักมีตำแหน่งและพลังที่ไม่ธรรมดา

 

ตอนที่ชิงสุ่ยมาที่นี้และได้พบมังกรอัคคีที่น่าจะเป็นของนิกายบางนิกายที่มีอิทธิพลพอตัว เพราะการจะฝึกมังกรนั้นมีเงื่อนไขบางอย่าง

 

มังกรนั้นมีเกียรติของพวกมันเอง จึงมีข้อจำกัดในการฝึก อย่างสิ่งที่ชิงสุ่ยเห็นก่อนหน้านี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่พบเจอได้ยาก ยกเว้นแต่ใครคนนั้นจะเป็นประมุขของนิกายที่แข็งแกร่งมาก ๆ และพลังของเขาต้องมากกว่ามังกรอัคคีหลายเท่า ตอนนี้ชิงสุ่ยจึงเริ่มรู้สึกว่ามหาทวีปอุดรเทวานั้นเป็นที่ ๆ น่าสนใจไม่เบา ขนาดนิกาย 5 พยัคฆ์อมตะก็น่าจะมีผู้ฝึกตนระดับสวรรค์ประมาณ 10 คน..

 

มหาทวีปอุดรเทวาช่างเป็นสถานที่อันตรายและน่าค้นหายิ่งนัก ที่นี่เป็นสถานที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ

 

ในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำและมหาทวีปมังกรอหังกาล ชิงสุ่ยไม่เกรงกลัวผู้ใด อย่างไรก็ตามที่นี้นั้นต่างออกไป เพราะเหนือฟ้าย่อมมีฟ้า..แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นชิงสุ่ยก็รู้สึกผ่อนคลายอยู่ลึก ๆ ในใจ

 

ก่อนหน้านี้การเดินทางไปที่ต่าง ๆ ของชิงสุ่ยนั้นจะต้องมีเหตุผลบางอย่างเขาถึงจะออกเดินทาง และยังต้องนำสิ่งของมากมายติดตัวไปด้วย แต่ครั้งนี้ชิงสุ่ยมาที่นี้เพื่อมาสำรวจเท่านั้น นี่จึงถือเป็นครั้งแรกที่เขาเดินข้ามดินแดนด้วยเหตุผลเช่นนี้

 

พลังของผู้ฝึกตนระดับสวรรค์คือเท่าไรกันแน่? ชิงสุ่ยไม่รู้เรื่องนี้ แต่ชิงสุ่ยรู้ตัวว่าเขายังห่างไกลจากระดับนั้น แม้คนของจ นิกาย 5 พยัคฆ์อมตะจะเชิดชูพระเจ้าในนิกายของพวกตน แต่ชิงสุ่ยรู้ดีว่าพระเจ้าที่พวกเขาพูดถึงนั้นหมายถึงผู้ฝึกตนระดับสวรรค์ที่แข็งแกร่งมากพอที่จะปกครองดินแดนนี้

 

มหาทวีปอุดรเทวานั้นกว้างใหญ่และมีพื้นที่กระจัดกระจายไปทั่ว ชิงสุ่ยมองมังกรอัคคีที่หายลับตาไป ก่อนเขาจะลงไปบนพื้นและกลืนเข้าไปในฝูงชน

 

โชคดีที่โลกนี้ใช้ภาษาพูดจึงสะดวกต่อชิงสุ่ยมาก เพราะเขาไม่ต้องเสียเวลาเพื่อเรียนรู้ภาษาใหม่ แม้จะมีภาษาถิ่นแต่ก็เป็นภาษาที่เข้าใจง่าย

 

บรรยากาศของเมืองนั้นถือว่าเป็นเมืองที่สนุกสนานอย่างแท้จริง ชิงสุ่ยเดินไปตามถนนเพื่อมุ่งสู่ใจกลางเมือง มีถนนเส้นใหญ่ที่เต็มไปด้วยม้า แคร่และรถม้าก็มีให้พบเห็น

 

ผู้คนสัญจรไปมาบนท้องถนน โดยที่ด้านหนึ่งของถนนเป็นซุ้มขายของ พวกเขาขายสินค้ามากมาย เป็นบรรยากาศที่ดูวุ่นวายไม่เบา

 

แม้จะเป็นเมืองที่วุ่นวายแต่ชิงสุ่ยรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ทุกอย่างล้วนประหลาดและไม่คุ้นเคย แต่สำหรับชิงสุ่ยนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะตอนนี้เขารู้สึกอารมณ์ดีมาก

 

นอกจากนี้ยังมีขนมพื้นเมืองที่วางขายอยู่ ชิงสุ่ยจึงซื้อมาลอง เขาเดินกินพลางชื่นชมบรรยากาศรอบตัวขณะเดินไป ขนมพื้นเมืองที่ว่านี้ จริง ๆ แล้วดูคล้ายเคบับ อาจจะเรียกว่าอาหารคาวก็ได้ ซึ่งรสชาติของมันยอดเยี่ยมมาก หากเทียบกับโลกที่เขาจากมา ที่นี้มีของมากมายให้เลือกสรร อีกทั้งข้อดีอีกอย่างของโลกนี้คือไม่มีมลพิษ ทุกอย่างล้วนมาจากธรรมชาติ

 

มีผู้คนมากมายกำลังส่งเสียงเซ็งแซ่บนถนน พวกเขากำลังชมเมืองในขณะที่ทานขนมพื้นเมือง คนหนุ่มสาวมากมายเดินจูงมือและยิ้มให้กัน หัวเราะให้กันบนถนนแห่งนี้ ช่างเป็นบรรยากาศที่สดชื่อจริงๆ

 

ชิงสุ่ยเองก็ไม่ได้แก่มากขนาดนั้น แต่เขาก็ไม่ใช่วัยรุ่นอีกแล้ว เขามีความทรงจำของโลกก่อนหน้านี้ลงเหลืออยู่บ้าง ชิงสุ่ยเข้าใจว่าวัยรุ่นนั้นเป็นวัยที่ยังไร้การคิดที่รอบคอบ และยังเป็นช่วงเวลาที่จิตใจยังไม่มั่นคงเท่าไรนัก

 

เขาไม่รู้ว่านิกายที่เขาเคยอยู่นั้นเป็นนิกายประเภทใด และเขาก็ไม่อยากรู้เช่นกัน เขาต้องการเพียงการใช้ชีวิตในแบบเรียบง่ายโดยไม่ต้องคำนึงถึงอะไรอื่น

 

เสียงเชียร์ดังลั่นจากที่ไกล ๆ ก่อนดนตรีของงานสมรสจะบรรเลงคลอไป ชายหนุ่มยิ้มทันทีเพราะเขารู้แล้วว่าคืนนี้เขาจะหาอาหารกินฟรีๆ ได้ที่ไหน..

 

“นายน้อยลำดับ 3 ของตระกูลหยิงกำลังแต่งงาน ภรรยาของเขาน่าจะเป็นบุตรสาวจากตระกูลหลิน”

 

ในตอนนั้นชิงสุ่ยได้ยินบทสนทนาที่ดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน

 

“หมายความว่าไง ที่พูดว่า ‘น่าจะ’ มันต้องใช่อยู่แล้วมิใช่หรือ?”

 

ชิงสุ่ยค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ พลางฟังบนสนทนานั้นเพื่อหาข้อมูล

 

“ชื่อเสียงของบุตรตระกูลหลินนั้นไม่ค่อยจะดีเท่าไรนัก น่าสงสารนายน้อยลำดับสามแห่งตระกูลหยินที่ต้องแต่งงานกับนาง”

 

“ตระกูลใหญ่ก็เป็นเช่นนี้แหละ แม้นายน้อยจะไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือก อย่างไรซะตระกูลหลินก็เป็นตระกูลใหญ่ ดังนั้น ตระกูลหยินมีแต่ต้องยอมรับข้อตกลงเท่านั้น ข้าเพิ่งได้ยินมาเมื่อวานว่าบุตรสาวตระกูลหลินยังแอบไปพบชายอื่นอย่างลับ ๆ อยู่เลย”

 

“เฮ้ย เงียบ ๆ หน่อยสิ ถ้าใครได้ยินเข้า เดี๋ยวก็กลายเป็นปัญหาหรอก”

 

ชิงสุ่ยใช้มือถูจมูก เขาเองก็คุ้นเคยกับวิธีการของตระกูลใหญ่ ทุกอย่างทำไปก็เพื่อประโยชน์ทั้งนั้น ถ้าอย่างนั้นนายน้อยแห่ง ตระกูลหยินก็นับว่าน่าสงสารเสียจริง แต่เพราะตระกูลหลินนั้นแข็งแกร่งกว่า ดังนั้นจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาที่จะได้แต่งงานใหม่หลังจากที่ได้แต่งงานกับภรรยาใจง่ายเช่นนั้น

 

ที่คฤหาสน์ ตระกูลหยิน!

 

คนจำนวนมากมารอต้อนรับแขก ผู้ที่ได้บัตรเชิญพากันมาร่วมงาน และเมื่อให้จดหมายเชิญไปครั้งหนึ่งแล้ว พวกเขาก็จะไม่เรียกคืน ดังนั้นชิงสุ่ยจึงกล้าเดินตีเนียนเข้าร่วมงานอย่างสบายใจ

 

“นายท่าน ข้าขอทราบนามได้ไหม?”ชายวัยกลางคนยิ้มให้ชิงสุ่ยในขณะที่เขาเดินตัดหน้าเข้ามาหาชิงสุ่ย

 

“ข้ามีชื่อว่าชิงสุ่ย”ชิงสุ่ยตอบ

 

คนอื่น ๆ ที่มาร่วมงานต่างนำของขวัญติดไม้ติดมือมา เว้นแต่ชิงสุ่ยที่มาตัวเปล่า และที่ประตูนั้นก็มีคนรับใช้ที่คอยรับของขวัญจากแขก จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะสงสัยในตัวชิงสุ่ย

 

ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วเพราะไม่เคยได้ยินชื่อชิงสุ่ยมาก่อน และเขาไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งจากตระกูลชิง แต่ชิงสุ่ยเดินเข้ามาทางประตูหน้าโดยตรง คนรับใช้จึงไม่กล้าตัดสินใจว่าจะเชิญเข้าไปหรือจะปฏิเสธ ถ้าปล่อยให้เข้าไปก็อาจเกิดปัญหา..แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธเนื่องจากกลัวว่าชิงสุ่ยอาจจะเป็นแขกคนสำคัญ…