บทที่ 134 ข้าจะไปตามหาอาจารย์ ! (ปลาย)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

บทที่ 134 ข้าจะไปตามหาอาจารย์ ! (ปลาย)

ทันทีที่เห็นหน้าผู้ที่ก้าวออกมาจากกระโจม สีหน้าของเจียงจิ้วพลันเกิดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย นางถอย กลับไปหาผู้ที่เดินออกมา “เจ้าออกมาทำไม ? อยากทำตัวเป็นวีรบุรุษหรือ ? เจ้า…”

ในตอนนั้นเองเขาได้เอื้อมมือมาดึงแขนของนางไว้ “ทรงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระหม่อมเถิด !”

พูดจบจึงดึงหญิงสาวไปไว้ข้างหลังขณะที่ตนเองเดินตรงไปหาชายชราในชุดดำ

เจียงจิ้วถึงกับสะดุ้ง

เยี่ยฉวนเดินตรงไปที่ชายชราชุดดำซึ่งกำลังมองชายหนุ่มผู้มาใหม่ด้วยใบหน้าเฉยเมย

ผู้มาใหม่เอ่ยพูดเสียงเคร่ง “ข้ามีความประสงค์อยู่สองข้อ ข้อแรกพวกท่านต้องขออภัยต่อองค์หญิง ข้อที่สองสำนักอัปสรเมรัยต้องจ่ายค่าชดเชยห้าสิบล้านเหรียญทองคำให้กับนาง”

ผู้ที่ยืนอยู่ตรงข้ามเหยียดมุมปากยิ้มเยาะ “คิดว่าตัวเจ้าเองคือใคร ? เจ้า…”

ได้ยินเช่นนั้น เยี่ยฉวนจึงชูแผ่นป้ายแขกพิเศษขึ้นต่อหน้าชายชราชุดดำ ทันทีที่เห็นสิ่งที่อยู่ในมือของ ชายหนุ่มถนัดตา อีกฝ่ายพลันสีหน้าเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด

“แผ่นป้ายแขกพิเศษ !”

ในสำนักอัปสรเมรัยแผ่นป้ายชนิดนี้เป็นรองเพียงแผ่นป้ายแขกสำคัญเท่านั้น

ถึงจะเป็นถึงจ้าวหอชั้นที่เก้า ทว่าแม้แต่ชายชราก็ยังไม่มีโอกาสถือแผ่นป้ายแขกพิเศษ ! จ้าวหอที่มอบ ให้ผู้นั้นย่อมมีขั้นลำดับสูงกว่าชั้นที่ห้าเป็นแน่ อีกฝ่ายจึงสามารถถือแผ่นป้ายแขกพิเศษเช่นนี้ !

เยี่ยฉวนมองหน้าชายชรา “ข้าอยากพบจ้าวหอชั้นที่สามแห่งสำนักอัปสรเมรัย ตามเขามาพบข้า !”

ผู้แก่อาวุโสกว่าเขม้นมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างใช้ความคิด “เจ้าคือใคร ? เหตุใดจึงถือแผ่นป้ายแขก พิเศษ ? เจ้า…”

ชายหนุ่มยกมือขึ้นโบกเป็นเชิงให้ยุติ “เจ้าไม่คู่ควรเจรจาด้วย ช่วยตามจ้าวหอชั้นที่สามมาหาข้าที !”

คนที่ยืนอยู่ข้างหลังต่างพากันตื่นตระหนก…

ใบหน้าของชายชราบิดเบี้ยวเหยเก นับตั้งแต่ขึ้นรับตำแหน่งจ้าวหอชั้นที่เก้า ไม่มีสักครั้งที่จะมีใครใช้ วาจาหยาบคายด้วยเช่นนี้ หากแต่เขาไม่กล้าแม้จะโกรธขึ้งด้วยอีกฝ่ายคือผู้ถือแผ่นป้ายแขกพิเศษอยู่ในมือ !

อีกทั้งผู้ใดที่สามารถถือแผ่นป้ายแขกพิเศษในเวลานี้ คนผู้นั้นย่อมมิใช่ธรรมดา !

เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ชายชราชุดดำนิ่งอึ้งไปสักครู่หนึ่งจึงเอ่ยออกมาว่า “นายท่าน ข้าคิดว่าคงมี ความเข้าใจผิดกันเล็กน้อย พวกเรา…”

ชายหนุ่มพูดสวนขัดจังหวะอย่างไม่เอาใจใส่ “เจ้าไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าพูดหรือ ?”

ชายหนุ่มมองด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าไม่ใช่ผู้ที่ข้าควรเจรจาด้วย เชิญจ้าวหอชั้นที่สามแห่งสำนักอัปสร เมรัยมาที่นี่ !”

ในเวลานี้ความโมโหโทโสหาได้มีหลงเหลืออยู่ไม่ สำหรับชายชราเขามีแต่ความประหวั่นพรั่นพรึง !

แม้ว่าจะรู้สึกว่าทำพลาดไป เขาน่าจะเอะใจว่าชายหนุ่มผู้นี้ย่อมมีอำนาจแข็งแกร่งสนับสนุนมันอยู่เบื้องหลัง มิเช่นนั้นคงไม่กล้าใช้วาจาในลักษณะนี้กับตน !

หลังจากที่นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ในที่สุดชายชราชุดดำหาได้มีทางเลือกอื่น เขาจึงจัดการบดขยี้ศิลาถ่ายทอดสัญญาณในทันที เห็นได้ชัดว่าชายชราไม่ต้องการให้เรื่องราวบานปลาย ด้วยตนเองก็ยังไม่แน่ชัดถึงอำนาจเบื้องหลังของชายคนนั้น !

เยี่ยฉวนจับตาดูอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าเขาส่งสัญญาณแจ้งเตือนไปยังจ้าวหอชั้นที่สามแล้ว ชายหนุ่มจึง ค่อยคลายกังวลใจลงไปเป็นอันมาก ด้วยความรู้สึกที่แท้จริงของชายหนุ่มในตอนนี้มีทั้งกังวลและสับสนยิ่งนัก

เหตุเพราะหากแม้นชายชราไม่เลือกส่งสัญญาณเรียกจ้าวหอชั้นที่สาม เยี่ยฉวนก็คงทำอะไรไม่ได้ เขา ไม่สามารถบอกกับชายคนนั้นเกี่ยวกับอำนาจที่สนับสนุนว่าคือเซียนกระบี่ไร้ผู้เทียมทาน และถึงแม้เยี่ยฉวนจะ บอกเช่นนั้น แต่ทว่าชายชราก็คงไม่เชื่อถือเขาอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ถ้าชายชราผมขาวมาปรากฏตัวที่นี่ บางทีชายชราชุดดำคนนี้คงจะเชื่อถือ !

ต่อมาอีกไม่นาน ชายชราผมสีขาวผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้น ณ บริเวณลานกว้าง

เขาผู้นั้นคือจ้าวหอชั้นที่สามแห่งสำนักอัปสรเมรัย !

ทันทีที่มองเห็นผู้เข้ามาใหม่ เยี่ยฉวนพลันผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก เขารับรู้ได้ถึงความเอื้ออารีของ ชายชราผมขาว…

เมื่ออีกฝ่ายมองมาทางเยี่ยฉวน สีหน้าและท่าทางแสดงของชายชราพลันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายตกตะลึงและรีบตรงรี่เข้ามาทันที ก่อนที่จะส่งเสียงทักทายพร้อมรอยยิ้มอย่างยินดี “สหายหนุ่ม ข้ากับ ท่านไม่ได้พบกันนานทีเดียว !”

ทุกคนที่นั้นไม่ว่าจะเป็นชายชราชุดดำ หรือแม้แต่เจียงจิ้วและคนอื่นต่างพากันตะลึงกับภาพที่ปรากฏ เบื้องหน้า

“เขาเมตตาต่อเยี่ยฉวนอย่างแท้จริง !”

กระนั้นเจ้าตัวก็หาได้ลำพองใจแต่อย่างใด เยี่ยฉวนรีบกระแทกกำปั้นกับฝ่ามือแสดงคารวะต่อชายชราผมสีขาวก่อนอื่นใด “คารวะท่านผู้อาวุโสขอรับ !”

เมื่อเห็นผู้น้อยแสดงความเคารพ ร่องรอยปิติพลันฉายชัดในแววตาของผู้อาวุโส เช่นเดียวริมฝีปากที่ ปรากฏรอยยิ้มพลางกล่าวว่า “อาจารย์ของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ?”

ชายหนุ่มตอบว่า “อาจารย์ของข้าสบายดีขอรับ”

ฉับพลันผู้พูดเปลี่ยนเป็นสีหน้าเคร่งเครียด เขากระแทกกำปั้นกับฝ่ามือแสดงคารวะต่อชายชราผมขาว ก่อนจะเอ่ยว่า “ขอท่านโปรดให้ความเป็นธรรมแก่ข้าด้วยขอรับ ท่านผู้อาวุโส !”

ชายชราผมขาวชะงักด้วยอาการตะลึงเล็กน้อย ขณะที่ชายชราชุดดำด้านหลังมีสีหน้าเหยเก

ผู้อาวุโสมองหน้าเยี่ยฉวนก่อนเอ่ยถาม “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสำนักอัปสรเมรัยด้วยหรือ ?”

ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงยอมรับทันที “ข้าได้ขอให้องค์หญิงเก้าส่งคัมภีร์ยุทธ์ชั้นยอดขั้นปฐพีไปทำ การประมูลราคาที่สำนักอัปสรเมรัย ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน คัมภีร์ยุทธ์ชั้นยอดขั้นปฐพีถูกขโมยในตอน นั้น อย่างไรก็ตาม หัวหน้าซูแห่งสำนักอัปสรเมรัยมาบอกข้า…

เขาถ่ายทอดทุกสิ่งที่ซูชิงพูด รวมทั้งสิ่งที่ชายชราชุดดำเอ่ยโดยมิได้กล่าวอ้างเกินจากความจริง

เมื่อได้ฟังสิ่งที่ซูชิงกล่าวกับเยี่ยฉวนว่า ‘สักนักอัปสรเมรัยชื่นชอบการข่มเหงรังแก’ ชายชราถึงกับหน้า ตื่น พลางคิดในใจว่า ‘จ้าวหอฮั่นแห่งเรือเหาะสิ้นชีพอย่างไร ? มิใช่เพราะคำพูดทำนองนี้ใช่หรือไม่ ?’

ครั้งแรกด้วยคำพูดประโยคเดียวกันนี่ เซียนกระบี่ไร้ผู้เทียมทานเกือบที่จะทำลายสำนักอัปสรเมรัยเสีย ในเวลานั้น แม้ว่าในที่สุดจะยับยั้งความโมโหโกรธาลง ทว่าสำนักอัปสรเมรัยก็ต้องสูญเสียจ้าวหอไปถึงสองคน !

ตอนนั้นเอง เยี่ยฉวนได้ค้อมตัวลงแสดงคารวะต่อชายชราผมขาวอีกครา “ท่านผู้อาวุโสขอรับ ข้ามีคำขอร้องเพียงหนึ่งข้อ โปรดให้ความเป็นธรรม”

ชายชราผมขาวนิ่งงัน

“ห้าสิบล้านเหรียญทองคำ !”

“จำนวนมิใช่น้อย !”

“แต่ทว่า… เซียนกระบี่ผู้อยู่เบื้องหลังเขาผู้นี้ !”

ชายหนุ่มสังเกตว่าชายชราผมขาวยังคงนิ่งเงียบ จึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านลำบากใจหรือขอรับ ? หากท่าน ลำบากใจ ข้าตัดสินใจยกให้ ข้าจะยกเลิกเงินห้าสิบล้านเหรียญทองคำนั้นเสีย”

รอยยิ้มแห้งแล้งปรากฏบนใบหน้า “อาจารย์ของข้าพูดถูก เมื่อคนเราอ่อนแอจะถูกข่มเหงรังแก”

จากนั้นจึงหันหลังกลับและค้อมตัวห่อกำปั้นแสดงคารวะต่อเจียงจิ้ว “องค์หญิงเก้า ข้าขอลา !”

กล่าวจบ ชายหนุ่มพลันหันหลังเดินออกจากสถานที่ในทันที

เจียงจิ้วสะดุ้งในใจต่อคำพูดของเยี่ยฉวน นางร้องถามไล่หลังไปว่า “เจ้าจะไปไหน ?”

เยี่ยฉวนหยุดนิ่ง “ข้าจะไปตามหาอาจารย์ !”

หลังจากนั้นก็ก้าวออกไปตามทางเดิน

เยี่ยฉวนเดินไปเรื่อย ๆ ตามเส้นทางที่ทอดยาว สีหน้าแสดงความขุ่นเคืองต่อความคับข้องหมองใจที่เพิ่งประสบ ทว่าความจริง เสียงภายในใจของชายหนุ่มกำลังคร่ำครวญ “ตาแก่ ห้ามข้าสิ ! เร็วเข้า ! รีบห้ามข้าเสียทีซิ…”