บทที่ 974 สถานการณ์พลิกผัน โดย Ink Stone_Fantasy
“ไม่เจียมตัว!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงยิ้มชั่วร้าย ลำพองใจอีกครั้ง พอโบกมือชี้ กำไลนับพันที่บินขึ้นบินลงอยู่ข้างล่างก็ยิงขึ้นฟ้าทันที รุมโจมตีเฮยหวังอย่างทรงพลังราวกับผลักภูเขาพลิกทะเล พลานุภาพน่าตกใจ
เฮยหวังตกใจมาก ควงทวนกวาดฟันอย่างบ้าคลั่ง โจมตีจนเกิดเสียงสั่นสะเทือนดุเดือดดังอยู่บนฟ้า แต่จำนวนกำไลที่ล้อมโจมตีมีมากเกินไปจริงๆ
เสียงปึงปังดังต่อเนื่อง ชั่วพริบตาเดียวก็โจมตีโดนเป้าหมายไปหลายครั้ง “อั้ก!” โดนโจมตีจนกระอักเลือดกลางอากาศ ก่อนจะเห็นเซี่ยโห้วหลงเฉิงถือดาบเข้ามาสังหารด้วยตัวเอง
โค่วเหวินหลานที่หลบดูการต่อสู้อยู่ไกลๆ ยืนขึ้นแล้ว เมื่อเห็นเซี่ยโห้วหลงเฉิงใกล้จะทำสำเร็จ ตัวเองก็ซ่อนต่อไปไม่ไหว
โชคดีที่เฮยหวังก็ไม่ใช่เล่นๆ ธงดำที่พัดกระพือลอยล่องอยู่กลางอากาศมัดรวบทะลุเข้ามา แทรกสอดเข้ามาท่ามกลางกำไลนับพันวงที่กำลังล้อมโจมตี แล้วเด้งไปข้างหลังเฮยหวังอย่างฉับพลัน เฮยหวังที่โดนโจมตีจนกระอักเลือดครั้งที่สองถลันตัวถอย ทวนวิเศษในมือพลันหายไป พอหลังจนกับธงดำ ทั้งตัวก็กลายเป็นเหมือนควันดำสายหนึ่ง ชนจมเข้าไปในธงดำนั้น
กำไลที่ไล่ตามเข้ามาระเบิดโจมตีใส่ธงดำ แต่เหมือนการโจมตีประเภทนี้จะไม่ได้ผลกับธงดำ แค่ทำให้ธงดำสันสั่นสะเทือนพักหนึ่งเท่านั้น ชั่วพริบตาเดียวธงดำก็ลอยละล่องอย่างรวดเร็ว สยบความแข็งกร้าว ด้วยความนุ่มนวล นุ่มนวลราวกับปุยเมฆ ลอยล่องออกจากวงล้อมกำไลที่โจมตีเข้ามาอย่างหนาแน่น
เมื่อเห็นว่ากำไลที่ไล่ตามโจมตีไม่มีผลอะไรกับธงดำ เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่ถลันตัวตามเข้ามาก็ชูมือ ทำให้กำไลวงที่อยู่บนข้อมือหมุนวน กำไลนับพันวงหดกลับในชั่วพริบตาเดียว กลับเข้ามาในกำไลวงแม่
“จะหนีไปไหน!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงตะคอกอย่างดุดัน ชูดาบสองข้างฟันไปยังธงดำที่กำลังม้วนหนี
ขณะที่กำลังจะฟัน ธงดำที่ม้วนหนีก็กางออกอย่างกะทันหัน กางออกรับลมราวกับเป็นผ้าม่านผืนใหญ่
เซี่ยโห้วหลงเฉิงควงดายฟันอย่างบ้าระห่ำ ฟันโดนผ้าม่านสีดำ แล้วทะลุเข้าไปในจุดที่โดนฟันเป็นช่องโหว่ ทีแรกนึกว่าจะทะลุผ่านไปได้ แต่ใครจะคิดว่าภาพตรงหน้าจะกลายเป็นสีดำ ราวกับได้ก้าวเข้ามาในโลกอีกใบที่มืดมิด พอหันกลับมามองข้างหลัง เขาก็ชูดาบฟันมั่วๆ ยังจะเห็นทางให้ถอยกลับเหมือนตอนที่เพิ่งเข้ามาได้อย่างไรกัน รอบข้างดำสนิทว่างเปล่า…
และในสายตาของพวกเหมียวอี้ พอเซี่ยโห้วหลงเฉิงฟันเข้าไปในธงดำครั้งเดียว ก็ไม่เห็นเขาออกมาอีกเลย ทุกคนพากันตระหนก ธงดำผืนนี้มันคือของวิเศษอะไรกัน?
“ฮ่าๆ… ฮ่าๆ…” เสียงหัวเราะลั่นลำพองใจดังมาจากธงดำ ในธงดำมีควันสีดำลอยออกมา เฮยหวังปรากฏตัวอีกครั้ง หันตัวไปมองธงดำที่กำลังปลิวสะบัดพลางหัวเราะอย่างบ้าระห่ำ “สวรรค์มีทางเจ้ากลับไม่ไป นรกไร้ประตูเจ้ากลับแส่บุกเข้ามา ตำหนักสวรรค์แล้วอย่างไรล่ะ?”
พวกนักพรตผีที่ยู่ข้างล่างกางแขนโห่ร้องทันที “อ๋องใหญ่! อ๋องใหญ่! อ๋องใหญ่…”
“บังอาจ! กล้าดูหมิ่นอำนาจสวรรค์เหรอ!” เสียงตะโกนดังลั่น
เฮยหวังตกใจมาก หันขวับมองมา เห็นเพียงโค่วเหวินหลานที่สวมเกราะทองถือทวนปรากฏตัวแล้ว เขากวาดตามองรอบๆ อย่างรวดเร็ว เห็นเหมียวอี้และคนอื่นๆ ที่หลบอยู่รอบภูเขาปรากฏตัว แต่ละคนสวมเกราะทองใหม่อีกครั้ง กำลังล้อมเข้ามาอย่างช้าๆ
“เดี๋ยวข้าจัดการผีร้ายตัวนี้เอง พวกเจ้าสังหารพวกผีร้ายข้างล่างที่บังอาจดูหมิ่นตำหนักสวรรค์ อย่าให้เหลือรอดแม้แต่ชีวิตเดียว!” โค่วเหวินหลานกล่าวอย่างเย็นเยียบ
“รับทราบ!” พวกลูกน้องกำลังรออยู่พอดี ย่อมน้อมรับคำสั่ง แล้วโจมตีสังหารลงไปอย่างรวดเร็ว
พวกผีวรยุทธ์ต่ำที่อยู่ข้างล่างจะสู้กับกลุ่มนักพรตบงกชทองไหวได้อย่างไร ชั่วพริบตาเดียวก็ถูกสังหารจนกรีดร้องโหยหวน
เฮยหวังเดือดดาลมาก ยื่นมือไปดึงธงดำเขย่า ทำให้แสงสีดำหลายสายแสงสีดำระเบิดยิงออกมา โจมตีใส่พวกเหมียวอี้ที่อยู่ข้างล่าง
ว่ากันตามจริง พวกสวีถังหรานเกิดความคิดที่จะขอบคุณเหมียวอี้ที่ให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงไปลองย่ำน้ำดูก่อน ไม่อย่างนั้นถ้าไม่รู้ แล้วบุกโจมตีเข้าไปโดยตรง เกรงว่าจุดจบของพวกเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็จะกลายเป็นจุดจบของพวกเขาแทน
เมื่อมีพวกเซี่ยโห้วหลงเฉิงเป็นบทเรียน พวกเขาก็รู้ถึงความร้ายกาจของแสงสีดำนี่แล้ว จึงพลิกมือดูดดินขึ้นมา แล้วร่ายอิทธิฤทธิ์ให้เป็นชั้นดินป้องกัน ทำให้แสงสีดำที่ยิงเข้ามาทำอะไรพวกเขาไม่ได้
โค่วเหวินหลานก็ยิ่งไม่ธรรมดา กระจกทองแดงบานหนึ่งลอยออกจากกำไลเก็บสมบัติ ชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็นสี่บาน มาเลี่ยมฝังอยู่ตรงหน้าอก แผ่นหลัง แขนซ้ายและแขนขวา
กระจกทองแดงตรงหน้าอกพลันยิงแสงสีขาวที่แสบตาออกมาสายหนึ่ง ปะทะกับแสงสีดำที่ยิ่งเข้ามาจนกลายเป็นความว่างเปล่า และชั่วพริบตาเดียวก็เข้าไปครอบบนตัวเฮยหวัง
“อ้า…” วินาทีที่สัมผัสโดนแสงสีขาว เฮยหวังก็ส่งเสียงกรีดร้องทรมานแล้ว ผิวส่วนที่เปลือยอยู่ข้างนอกพลันแตกระแหงกลายเป็นเถ้าปลิวหายไปในชั่วพริบตาเดียว เจ็บปวดทรมานจนขดตัว หลังจากธงดำที่อยู่ข้างหลังโดนส่องด้วยแสงสีขาว ควันดำที่ลอยออกมาพักหนึ่ง ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็ลุกไหม้เป็นเปลวเพลิงอันร้อนแรง
เมื่อประสมกับเสียงร้องโหยหวนของผีวรยุทธ์ต่ำที่โดนสังหารอยู่ข้างล่างในที่สุดก็ทำให้นักพรตผีที่ไม่เกรงกลัวกฎสวรรค์พวกนี้ได้เข้าใจเสียที ว่าสิ่งที่เรียกว่า ‘อานุภาพสวรรค์เกินต้านทาน’ คืออะไร
เหมียวอี้ที่เจียดเวลามองขึ้นไปแอบทอดถอนใจ ไม่รู้ว่าโค่วเหวินหลานใช้ของวิเศษระดับไหน เห็นได้ชัดว่าเป็นดาวอริของนักพรตผี พวกลูกหลานจากตระกูลใหญ่ไม่ใช่ผู้ที่คนธรรมดาจะเทียบติดจริงๆ นักพรตทั่วไปทำได้เพียงอิจฉา แต่ของแบบนี้ไม่มีทางไปเทียบกันได้ อีกฝ่ายถือกุญแจทองมาตั้งแต่เกิด มีของวิเศษดีๆ ติดตัวถือเป็นเรื่องปกติมาก
อาศัยโอกาสนี้ โค่วเหวินหลานถือทวนโจมตีเข้าไป
เฮยหวังที่กำลังส่งเสียงกรีดร้องพลันยกแขนเสื้อบังหน้า ป้องกันไม่ให้แสงสีขาวส่องโดนใบหน้า แล้วถลันตัวพุ่งไปยังธงดำที่กำลังลุกไหม้อย่างดุเดือด พอดึงธงดำมาห่อตัว เปลวเพลิงร้อนแรงที่อยู่บนธงดำก็ดับสนิท เฮยหวังห่อธงดำปิดบังใบหน้า ป้องกันไม่ให้ได้รับบาดเจ็บโดยตรงจากแสงสีขาวที่โค่วเหวินหลานยิงออกมา แล้วมุดลงใต้ดินอย่างรวดเร็ว
“ขวางมันไว้!” โค่วเหวินหลานตะคอกสั่ง
เมื่อกำจัดผีวรยุทธ์ต่ำข้างล่างไปแล้วพอสมควร พวกเหมียวอี้ก็พุ่งขึ้นฟ้าไปดักโจมตีทันที
เมื่อตกอยู่ในสภาพจนตรอก เฮยหวังหลบหนีในแนวขวางทันที แต่จนใจที่โดนของวิเศษของโค่วเหวินหลานโจมตีจนเจ็บหนัก ความเร็วเทียบก่อนหน้านี้ไม่ได้ โดนโค่วเหวินหลานที่พุ่งเข้ามาขวางไว้กลางอากาศ
เห็นโค่วเหวินหลานคำรามและออกทวนแทงทันที เรียกได้ว่าแทงโดนศีรษะของเฮยหวังแล้ว
แต่ที่น่าแปลกก็คือ พอแทงทวนเข้าไปแล้ว ก็ไม่เห็นการเคลื่อนไหวอย่างที่ควรจะเกิด โค่วเหวินหลานสีหน้าเปลี่ยนทันที เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ พลันชักทวนกลับหมายจะถอยหนี
แต่ก็สายไปแล้ว โดนเฮยหวังคว้าหัวทวนเอาไว้ แล้วธงดำที่กำลังคลุมเฮยหวังก็ฉวยโอกาสโถมเข้าใส่ ในระยะที่ใกล้ขนาดนี้ โค่วเหวินหลานไม่ได้เตรียมป้องกัน ถูกตลบม้วนเข้าไปคาที่
“นายท่าน!” พวกสวีถังหรานร้องอุทาน เพราะเห็นกับตาว่าโค่วเหวินหลานดิ้นรนอยู่ในธงดำครู่เดียว ก่อนจะหายไปในอากาศ
ตอนที่ธงดำกางออกอีกครั้ง โค่วเหวินหลานก็ได้หายไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเหมือนกับเซี่ยโห้วหลงเฉิง ตกหลุมพรางด้วยกันทั้งคู่ โดนเก็บเข้าไปในธงดำแล้ว
“ฮ่าๆๆ…” เฮยหวังเงยหน้าหัวเราะลั่น มือข้างหนึ่งถือทวนยาวในแนวขวาง มืออีกข้างคว้าธงดำ บนใบหน้า บนมือ ทุกจุดที่เผยผิวออกมา จุดที่โดนแสงสีขาวของโค่วเหวินหลานส่องจนเนื้อหนังแตกยับเห็นกระดูกก่อนหน้านี้ กำลังปล่อยควันดำออกมาสมานแผลตัวเอง
พอหัวเราะเสร็จ เฮยหวังก็กวาดสายตาเย็นเยียบมองพวกที่เหลือ ในดวงตาฉายแววอมยิ้มพิศวง ภาพมายาบงกชทองขั้นหกตรงหว่างคิ้วสะดุดตาเป็นพิเศษ
ทุกคนหัวใจกระตุกวูบ ขนาดโค่วเหวินหลานกับเซี่ยโห้วหลงเฉิงยังโดนเก็บเข้าไป สวีถังหรานกับทหารเลวอีกหกคนมีแค่วรยุทธ์บงกชทองขั้นสามเท่านั้น จะไปสู้กับผีร้ายแบบนี้ได้อย่างไร โดยเฉพาะของวิเศษที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย แปลกประหลาดมากจนน่าตกใจ
ในตอนแรก ในใจทุกคนต่างก็คิดจะถอยหนี พอเหมียวอี้มองซ้ายมองขวา ก็ร้องในใจว่าท่าไม่ดีแล้ว คนวรยุทธ์สูงอย่างพวกสวีถังหราน ถ้าคิดจะหนีก็ยังมีความหวังค่อนข้างเยอะ แต่คนวรยุทธ์ต่ำอย่างเขาหนีได้ไม่เร็ว กลัวว่าจะต้องโชคร้ายกลายเป็นแพะรับบาป
พอคิดถึงตรงนี้ เหมียวอี้ก็พลันตะโกนเสียงดัง “เพื่อนร่วมงานทุกท่าน ผีร้ายตนนี้พลังเสื่อมทรุดแล้ว ตอนแรกโดนผู้บัญชาการเซี่ยโห้วโจมตีบาดเจ็บ ตอนหลังโดนผู้บัญชาการโค่วโจมตีซ้ำจนสาหัส มันแค่กำลังดันทุรังทนไว้เท่านั้น พวกเราร่วมมือกันล้อมโจมตี จะต้องสังหารเขาได้แน่นอน!”
ทุกคนมองหน้ากันเลิกลั่ก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม มาดอันน่าเกรงขามของตำหนักสวรรค์ไม่อยู่แล้ว
เฮยหวังกลับจ้องเหมียวอี้พลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาสองข้างฉายแววดุร้าย
เหมียวอี้มองปฏิกิริยาทุกคนที่อยู่ทางซ้ายและขวา แล้วจู่ๆ ก็นำระฆังดาราออกมาอันหนึ่ง แล้วเขย่าจนเกิดเสียง
เฮยหวังเบิกตากว้างขึ้นหลายส่วน ดวงตาฉายแววดุดัน แล้วถลันตัวเข้ามาทันที หมายจะกำจัดเหมียวอี้ก่อน
เหมียวอี้ถลันตัวออกไป รีบหลบหลีกอย่างสุดชีวิต แต่กลับหนีไปได้ไม่ไกล ได้เล่นซ่อนแอบกับเฮยหวังตามแนวภูเขาแทน เพราะวรยุทธ์อย่างเขาไม่สามารถรอดพ้นเงื้อมมือมารของอีกฝ่ายได้ วิธีการเดียวก็คือร่วมมือกับคนอื่นๆ สู้ตายสักยก แบบนั้นอาจจะยังพอมีหวังรอดชีวิตอยู่บ้าง
ขณะกำลังอยู่ในวิกฤต เมื่อเห็นคนอื่นจะฉวยโอกาสตอนที่เฮยหวังกำลังพัวพันอยู่กับตนหลบหนี เหมียวอี้ก็รีบตะโกนเสียงดังว่า “ข้าส่งข่าวกลับไปแล้ว ถ้าพวกเจ้ากลับไปแบบนี้ แค่มองก็รู้ว่าเป็นพวกขี้ขลาดกลัวตาย ลองคิดดูว่าตระกูลโค่วกับตระกูลเซี่ยโห้วจะปล่อยพวกเจ้าไปหรือเปล่า! ถ้าร่วมมือกันสังหารคนร้าย ทุกคนก็ยังพอมีโอกาสรอด คนที่หลบหนีจะต้องตายแน่นอน!”
คำพูดนี้ทำให้เฮยหวังโมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ธงดำที่คลุมอยู่บนตัวยิงแสงสีดำนับไม่ถ้วนใส่เหมียวอี้อย่างต่อเนื่อง
แต่หลังจากโดนแสงสีดำ เหมียวอี้ก็แค่ตัวสั่นนิดหน่อย ยังคงหลบหนีอ้อมไปอ้อมมาอยู่เหมือนเดิม แสงสีดำนั่นใช้ไม่ได้ผลกับเหมียวอี้…
เฮยหวังที่ตามหลังมาตกตะลึงพูดไม่ออก นี่มันเรื่องอะไรกัน?
เรื่องอะไรนะเหรอ? จะเป็นเรื่องอะไรได้ล่ะ? เคล็ดวิชาอัคนีดาราของเหมียวอี้สามารถปัดเป่าสิ่งอัปมงคลได้ไงล่ะ ของเล่นแบบนี้ไม่ได้ผลกับเขาเลยจริงๆ
ที่จริงเหมียวอี้แค่ถือระฆังดาราขึ้นมาเขย่าเฉยๆ ตอนนี้จะเอาสมาธิจากไหนมาหาจังหวะรายงานสถานการณ์ แต่ก็ไม่มีทางเลือก เมื่อกำลังอยู่ระหว่างความเป็นความตายก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง ถ้ายอมแพ้แม้กระทั่งจะช่วยเหลือตัวเอง แล้วยังจะหวังให้ใครมาช่วยเจ้าได้อีก
ทว่าพวกสวีถังหรานไม่รู้ เมื่อเห็นเขาหยิบระฆังดาราขึ้นมาแล้ว ทั้งยังได้ยินเขาพูดแบบนี้อีก ทุกคนก็ตกตะลึงมาก แต่ละคนเรียกได้ว่าแค้นเหมียวอี้จนกัดฟันกรอด ไอ้เวรนี่มันตัดขาดหนทางรอดชีวิตสุดท้ายของทุกคน
แต่ในจุดนี้เหมียวอี้พูดไม่ผิด ทุกคนก็มองออกเช่นกัน เฮยหวังโดนเซี่ยโห้วหลงเฉิงกับโค่วเหวินหลานโจมตีจนสาหัสจริงๆ ไม่อย่างนั้นอาศัยวรยุทธ์บงกชทองขั้นหกอย่างเขา คงไม่ถึงขั้นไล่ตามเหมียวอี้ที่วรยุทธ์บงกชทองขั้นหนึ่งไม่ทันหรอก
แล้วอีกอย่างก็คือ ทุกคนได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว ว่าแสงสีดำที่เฮยหวังปล่อยออกมาจากธงดำเหมือนจะลดอานุภาพลงเยอะมาก เหมือนจะทำอะไรเหมียวอี้ที่มีวรยุทธ์บงกชทองขั้นหนึ่งไม่ได้ พลังเสื่อมทรุดลงกว่าเมื่อก่อนแล้วจริงๆ ภาพนี้ทำให้ทุกคนมีความั่นใจขึ้นมาบ้าง
ส่วนเหมียวอี้ก็อ้อมแนวเทือกเขาวนกลับมา พุ่งกลับไปหากลุ่มเพื่อนร่วมงานของตัวเอง เมื่อเห็นทุกคนลังเลตัดสินใจไม่ได้ ก็รู้ว่าวิธีการของตัวเองได้ผลแล้ว จึงตะโกนเสียงดังว่า “ถ้าไม่ร่วมมือกันสังหารตอนนี้ จะรอให้โดนโจมตีแพ้ทีละคนรึไง! ถ้าอยากจะเลื่อนยศ อยากจะร่ำรวยก็ต้องทำตอนนี้แหละ!”
การหนีเป็นเส้นตรงเกิดปัญหาทันที ชั่วพริบตาเดียวเฮยหวังก็ตามทันแล้ว ปล่อยแสงสีดำโจมตีเหมียวอี้ก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้เพียงโจมตีให้สอดคล้องกับความเป็นจริง ถือทวนแทงอย่างดุดัน
เหมียวอี้ตอบสนองรวดเร็ว บิดตัวโบกแขนใช้ทวนแหย่ ปรากฏว่าต้านทานไว้ได้ ทำให้เฮยหวังตกตะลึงกับความเร็วในการออกทวนของเขา
เสียงสะเทือนดังแกร๊ง เหมียวอี้สะเทือนจนแขนสองข้างเหน็บชา เมื่อเห็นว่าล่อเฮยหวังกลับมาที่กลุ่มเพื่อนร่วมงานของตัวเองได้แล้ว เขาก็แสร้งว่าสู้ไม่ได้เพราะวรยุทธ์ต่ำ ฉวยโอกาสอาศัยแรงคนอื่น อาศัยการโจมตีของอีกฝ่ายพุ่งลงสู่พื้นดินอย่างรวดเร็ว มอบตำแหน่งผู้เล่นหลักในสนามหลักให้พวกสวีถังหราน
พอเฮยหวังพุ่งเข้ามาในกลุ่มคน พวกสวีถังหรานที่โดนเหมียวอี้กดดันจนหมดทางถอยก็พากันด่าแม่ในใจ ข่งเฟยฝานตะโกนเสียงดังก่อนว่า “ตามข้าไปโจมตี!”
…………………………