ยามสายลมพัดพลิ้วแสงแดดงดงาม สายลมอบอุ่นพัดพากลิ่นหอมรวยรินแผ่วพลิ้วมา เหมาะแก่การร่ำสุรากินกับแกล้มที่สุด แล้วต่อด้วยนอนสักงีบ อย่างนี้จึงเรียกว่าชีวิต เรียกว่าการมีชีวิตอยู่ แต่น่าเสียดายมากที่การเสพสุขในโลกมนุษย์ง่ายๆ เช่นนี้ แดนสวรรค์กลับไม่มี
มกรนอนหลับไปงีบ ตื่นขึ้นมาก็ยังคิดไม่เข้าใจ คว้าสุราบนโต๊ะมากรอกอีกอึก “ผุย รสชาติแย่มาก” เขาเขวี้ยงแก้วทิ้งออกไปนอกหน้าต่าง ผู้ใดจะรู้ว่ามันบินกลับมาวางลงบนโต๊ะดังเดิมได้เอง เสียงเจ้าเล่ห์ของมังกรอิงหลงดังขึ้น “ไป๋ตี้ให้เจ้ามาสำนึกตนที่นี่ ไม่ได้ให้เจ้ามาทำรังเกียจตินี่ตินั่น”
มกรแสร้งทำเป็นไม่เห็น คว้าขนมหน้าตาดีมากชิ้นหนึ่งขึ้นมามอง ยัดเข้าปากเคี้ยวไปสองที “ถุย รสชาติแย่ ไม่มีรสชาติสักนิด ไม่ต่างกับโคลนเลย”
มังกรอิงหลงแผ่วพลิ้วเข้ามานั่งลงตรงหน้าเขา ขมวดคิ้วมองอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเขาดี “เจ้าตะกละไม่เลิกจึงได้ทำผิด ถูกนักโทษพวกนั้นจับเป็นจุดอ่อนมาบังคับเจ้าได้ เจ้าก็ไม่ใช่คนที่ต้องการอาหารมาใส่ให้อิ่มท้องจึงจะมีชีวิตต่อไปได้เสียหน่อย”
มกรมองไม่พอใจ “เพราะพวกเราไม่ได้อาศัยของพวกนี้ดำรงชีพ จึงได้ไม่แสวงหาอะไรมากนัก เช่นนี้การมีชีวิตอยู่ยังมีอะไรให้สุขสำราญอีก”
เห็นชัดว่าเขาแทบไม่ได้สำนึกตนเลย มาที่นี่ใช้ชีวิตราวกับมอดในข้าวสารไปวันๆ แล้ว
“ของแดนสวรรค์ได้แค่เท่านี้ หากต้องการเสพสุขก็ต้องไปโลกมนุษย์ แต่ยามนี้เจ้าถูกขังอยู่ อย่างน้อยก็ต้องอีกสามร้อยปีจึงจะออกไปได้อีก ช่วงนี้ก็ระงับใจให้ดี ไป๋ตี้จะได้ไม่ต้องมาคอยวุ่นวายกับเจ้า”
มกรกระดกมุมปาก หัวเราะอย่างน่ารังเกียจว่า “อิจฉา? ไป๋ตี้ไม่ดีกับเจ้าหรือ”
มังกรอิงหลงสีหน้าจริงจังกล่าวว่า “ปากเจ้ากล่าววาจาให้มันดีหน่อย ลงไปโลกมนุษย์ไม่เท่าไร เปื้อนกลิ่นเน่ามนุษย์พวกนั้นมาเสียได้ ล้อข้าเล่นก็แล้วไปเถอะ เอาไป๋ตี้มาหยอกเล่นได้หรือ”
เขาเห็นมกรไม่กล่าวอันใด ดังนั้นตนเองก็ไม่กล่าวต่อ
ลอบสังเกตเขาดูละเอียดแล้ว พบว่าเขาเปลี่ยนไปมาก สัตว์ภูตกับเจ้านายเป็นความสัมพันธ์ใกล้ชิดอย่างไม่อาจแยกจาก หน้าที่สัตว์ภูตก็คือรักษาสัญญาปกป้องเจ้านายจนจบพันธะสัญญา หากไม่กลับไปเกินสัญญากำหนดไว้ พลังสัตว์ภูตก็จะเริ่มอ่อนกำลังลง เรื่องนี้เทพเซียนก็ช่วยอะไรไม่ได้
ยามนี้มกรอยู่ในสภาวะที่เรียกว่าเซียนไร้พลัง ผมสีเงินยวงส่องประกายก็เปลี่ยนสี มีสีแดงหม่นแซม ดูแล้วแปลกประหลาดมาก
มังกรอิงหลงอดไม่ได้กล่าวอีกว่า “ยามนี้เจ้าก็เหลือแค่ปากไว้บ่นๆ เท่านั้นแล้ว”
แววตามกรราวกับเด็กน้อยนิสัยเสีย ไม่สนเหตุผล ยืดอกผ่าเผย ฟ้าไม่เกรงดินไม่กลัวว่า “ข้าก็เป็นเช่นนี้ เจ้าจะทำไม” น้ำเสียงราวอันธพาล
บางครั้งก็อยากจะเหยียบใบหน้าน่ารังเกียจของเขาไว้ใต้ฝ่าเท้าเสียจริง มังกรอิงหลงสูดลมหายใจเข้าอย่างระงับใจ ยิ้มเยียบเย็นกล่าวว่า “ไม่สู้ข้าบอกข่าวดีเจ้าแล้วกัน ได้ยินว่าเจ้านายพันธะสัญญาเจ้าแล่นไปเขาคุนหลุนแล้ว ยังพาเจ้าอู๋จือฉีที่ไร้กาลเทศะไปด้วย ครั้งนี้คงได้เป็นกบฏจริงๆ แล้วสินะ! ราชันสวรรค์ทรงทราบข่าวนี้แล้ว เจ้าลองเดาว่าทรงมีปฏิกิริยาเช่นไร มังกรเขียวกับหงส์แดงจูเชวี่ยถูกส่งไปเฝ้าบันไดสวรรค์แล้ว ข้าได้ยินข่าวมาว่า สังหารให้หมด”
“อ้อ” ปฏิกิริยาตอบสนองของมกรนิ่งสงบเหนือความคาดหมายของเขามาก “สังหารก็สังหาร เกี่ยวอะไรกับข้า นางตายสิดี ข้าก็ไม่ต้องกลุ้มเรื่องพันธะสัญญาแล้ว”
มังกรอิงหลงลุกขึ้นเดินออกไป น้ำเสียงเหมือนกับการเคลื่อนไหวของเขาแผ่วพลิ้วล่องมา “เจ้ากล่าววาจาทรงคุณธรรมเช่นนี้ได้ ไป๋ตี้ได้ยินเข้าต้องยินดีแน่ หวังว่าเจ้าอย่าได้ปากไม่ตรงกับใจ”
พอเขาออกไปได้นานพอควรแล้ว มกรจึงได้ขยับตัวเล็กน้อย เปลี่ยนอิริยาบถเอนตัวลงนอน
มังกรเขียวกับหงส์แดงจูเชวี่ยจะไปผายลมอะไร ส่งไปก็มีแต่ไปตายเท่านั้น เรื่องมาถึงขั้นนี้ เขาได้แต่แปลกใจเรื่องหนึ่ง เหตุใดราชันสวรรค์จึงปล่อยอู๋จือฉีหนีออกจากแดนปรภพอย่างไม่สนใจแม้แต่น้อย เห็นชัดว่าไม่เหมือนกับวิสัยแดนสวรรค์ นับประสาอันใดกับเขายังทำลายเขาปู้โจวซานพังไปด้วย ตามนิสัยเซินซูและอวี้ลวี่ย่อมต้องสู้ตายกับเขาอย่างไม่เกรงกลัว ทำไมจึงได้มองเขาหนีไปเฉยๆ
แปลก แปลกมากๆ ไม่เข้าใจว่าราชันสวรรค์ว่าดำริอะไรกันแน่
ตอนนั้นเขาเองยอมกลับมาแต่โดยดี ก็เพราะคิดว่าเรื่องนี้ไม่ได้หนักหนาสาหัสเช่นนี้ เขาอยู่แดนสวรรค์ก็พอมีหน้ามีตาอยู่บ้าง ไป๋ตี้โปรดปรานเขา ขอเพียงบอกกระจ่างว่าเสวียนจีไม่ได้คิดกบฏก็พอ ผู้ใดจะรู้ว่าเขาไม่เพียงไม่อาจเกลี้ยกล่อมได้สำเร็จ กลับถูกคำสั่งให้กลับแดนสวรรค์ ไม่เช่นนั้นจะสังหารทิ้งสถานเดียว เขาได้แต่ยอมกลับมาแต่โดยดี ตามมาด้วยกักบริเวณ
หรือว่าพวกเขาคิดจะสังหารเสวียนจีกับอู๋จือฉี ทำอย่างไรดี เขายังไม่ได้สู้กับอู๋จือฉีเลย! นับประสาอันใดกับ…เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าพวกเขาจะไปตายเสียอย่างนั้น ไม่อยากจะคิดเลยสักนิด!
เขาเริ่มนั่งไม่ติด อยู่ๆ ก็รู้สึกผิดปกติ อยู่ดีๆ มังกรอิงหลงมาบอกเขาทำไม ท่าทางมั่นใจเช่นนั้นเห็นชัดว่าไม่เห็นการรวมตัวกันของเทพสงครามและอู๋จือฉีอยู่ในสายตา สองคนนี้เคยเป็นผู้ทรงพลังอำนาจ ไม่ว่าคนใดก็ทำให้แดนสวรรค์ปั่นป่วนได้ พวกเขามั่นใจเช่นนี้ได้อย่างไร
มกรเริ่มนั่งไม่ติด เขาเป็นคนที่พอเจอเรื่องที่คิดไม่ตกก็จะคิดอยู่อย่างนั้น คิดจนเริ่มวุ่นวายใจก็จะหาวิธีแก้ไขมั่วซั่วไปหมด เป็นนาน อยู่ๆ ก็ตัดสินใจหนีไปหาเสวียนจีเพื่อให้พลังเซียนกลับคืนมาก่อนค่อยว่ากันดีกว่า
หากถูกไป๋ตี้จับได้…เขาค่อยหาเรื่องบ่ายเบี่ยงก็แล้วกัน! ไป๋ตี้โปรดปรานเขา ย่อมไม่อาจตัดใจลงโทษเขา นับประสาอันใดกับสัตว์เทพไม่มีพลังเซียน เขาอยู่แดนสวรรค์จะอยู่ได้อย่างไร วันหน้าใช่ว่าถูกคนหัวเราะเยาะหรือ
มกรแอบหนีออกจากตำหนักกักบริเวณไปตามเส้นทางสายเล็ก กลัวว่าบรรดาทหารกุ้งปูจะพบเข้า ตอนนี้แม้แต่ทหารตัวเล็กตัวน้อยเขาก็สู้ไม่ได้ สองฝ่ายเจอกัน ที่เสียเปรียบก็คือเขา
เดินจนไปถึงประตูด้านหลัง พลันได้ยินด้านหน้ามีเสียงคุยกัน มกรรีบหลบหลังต้นไม้ ยื่นหูแอบฟัง
น้ำเสียงฟังแล้วเหมือนเป็นหงส์แดงจูเชวี่ยที่แต่ไรมาก็เป็นคนซื่อบื้อ “เขาคุนหลุนเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ขนาดไหน ใช่ที่พวกเราบุกเข้าไปได้หรือ ข้อเสนอเจ้า ข้าไม่อาจยอมรับได้”
มกรแหวกกิ่งไม้ออกลอบดู เห็นประตูหลังมีคนสองคน คนหนึ่งชุดเกราะเต็มยศ อีกคนรูปร่างเตี้ยผอมบาง เป็นมังกรเขียวกับหงส์แดงจูเชวี่ย เขาเห็นทั้งสองดูเหมือนโมโห แม้ว่าไป๋ตี้โปรดปรานเขา แต่ก็ไม่ให้เขาลงไปเที่ยว ทุกครั้งมีภารกิจอะไรก็มักให้หงส์แดงจูเชวี่ยไป บอกว่าเขาสุขุม ถุย อย่างเขาเรียกสุขุมหรือ เรียกว่าลาโง่ชัดๆ!
สำหรับมังกรเขียว เขาแทบไม่อยากจะเอ่ยถึง หญิงนี้เดิมก็เป็นที่รังเกียจในแดนสวรรค์ ทั้งปีไม่เคยเปลี่ยนเสื้อผ้าและไม่อาบน้ำ กลิ่นเน่าเหม็นไปทั้งตัว ยังชอบเข้ามาพูดจาใกล้ผู้อื่น ดวงตาราวหนูคิ้วโจรเช่นนี้ หากไม่เห็นว่านางเป็นหญิง เกรงว่าไม่รู้ถูกอัดไปกี่รอบแล้ว ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือนางชอบเล่นลับหลังที่สุด เช่นว่าไปแอบรายงานหรือแอบนินทาลับหลัง เรื่องแอบโจมตีอะไรพวกนี้มอบหมายให้นางทำไม่ผิดแน่
ให้สองคนนี้มาเฝ้าบันไดสวรรค์ ราชันสวรรค์ก็ช่างคิดได้
มังกรเขียวหัวเราะคิกคัก เสียงนางเยียบเย็นราวน้ำค้างแข็ง ทั้งแหบทั้งใหญ่ เหมือนกับแม่เล้าแก่ๆ กล่าวว่า “เฝ้าโพรงรอกระต่ายมาเองเป็นที่ลาโง่เง่าเท่านั้นที่จะทำ ทำไมเจ้าคิดว่าพวกเขาจะมาจากเส้นทางนี้”
ด่าได้ดี! มกรแอบชม
หงส์แดงจูเชวี่ยกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ราชันสวรรค์มีบัญชาเมื่อไร เจ้าและข้าก็ไปทำ ทำไมต้องกล่าววาจาเหลวไหลมากมายพวกนี้! เกิดเรื่องขึ้นมา ผู้ใดรับผิดชอบ”
มังกรเขียวหัวเราะเหอะๆ ขึ้น “ถึงบอกว่าเจ้าสมองทื่อ มิน่าเบื้องบนไม่ชอบเจ้า เจ้าเฝ้าให้ตายอยู่ตรงนี้ เชื่อฟังบัญชาราชันสวรรค์แล้วกัน หากพวกเขาเข้าแดนสวรรค์จากทางอื่นได้ ข้าจะดูว่าเจ้ากล้ารับผิดชอบไหม”
หงส์แดงจูเชวี่ยถูกนางกล่อมก็อึ้งอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี มังกรเขียวยิ้มกล่าวว่า “เจ้าสมองทึบ หนุ่มน้อยไม่รู้จักปรับเปลี่ยนเอ๊ย ฟังแผนข้าเถอะ…เช่นนี้…”
เสียงนางอยู่ๆ เบาลง มกรไม่ได้ยินสักคำ ร้อนใจจนเกาหัวไม่หยุด แทบอยากจะยื่นหน้าออกไปฟัง ผู้ใดจะรู้ว่าอยู่ๆ นางก็ยิ้มเยียบเย็นกล่าวว่า “ก็เอาเจ้าไร้ประโยชน์นี่ไปด้วย ไม่เชื่อว่าพวกเขาไม่ติดกับ!” กล่าวจบพลันหันหน้ามามอง สายตาราวสายฟ้าพลันมาหยุดอยู่ที่มกรหลังพุ่มไม้
เขาตกใจคิดหนี แต่ตอนนี้ไม่มีพลังเซียนแม้สักนิด ไหนเลยจะหนีพ้น ขณะลังเลก็ถูกแขนเสื้อสีเขียวของนางมาลากทางด้านหลัง เสียง ฟุ่บ ดังขึ้น ร่างก็เกร็งทันที ถูกนางจับไว้แล้ว แขนเสื้อมีกลิ่นเปรี้ยวลอยมา มกรสบถด่ายกใหญ่ “นังหญิงเน่า! มารดาเจ้าสิ จะรมกลิ่นเจ้าใส่ข้าให้ตายหรือ! ไม่เคยพบเคยเห็นสตรีเช่นเจ้า สกปรกยิ่งกว่าไส้เดือน!”
มังกรเขียวไม่สนใจเสียงด่าทอของเขา กระชากเบาๆ เขาก็ล้มหน้าคะมำหมอบกับพื้นไม่อาจขยับได้อีก
“มกร?” หงส์แดงจูเชวี่ยตกใจ ส่งสายตาตำหนิมังกรเขียว รีบนั่งลงแก้แขนเสื้อยาวและเหม็นออกให้เขา เสื้อผ้านางแต่ไรมาก็ไม่เคยซัก ล้วนเป็นเกล็ดบนร่างนางที่ส่งกลิ่น ไม่เพียงเหม็นเน่า ยังเหม็นและเหนียวมันราวกับแช่ในน้ำมันมานานหลายพันปี มือแกะไม่ออก มีดฟันไม่ขาด ทำเอาหงส์แดงจูเชวี่ยเหงื่อออกเต็มหน้า
“มังกรเขียว! ปล่อยเขา!” หงส์แดงจูเชวี่ยขมวดคิ้วแน่น
มังกรเขียวแค่นหัวเราะกล่าวว่า “ปล่อยได้อย่างไร เขาคือตัวการหลักในบรรดากบฏที่พวกเราต้องจับเลยนะ! เจ้าคงไม่คิดปล่อยคนเหล่านั้นใช่ไหม”
หงส์แดงจูเชวี่ยลังเลครู่หนึ่ง กล่าวว่า “มกรกับเจ้าและข้ารุ่นเดียวกัน…เช่นนี้ ไม่ดี”
“ไม่มีอะไรดีไม่ดี” นางถึงกับยังคงส่งสายตาหวาน ทั้งสองรู้สึกเพียงแค่ขนหัวลุกพรึ่บ ใบหน้ามกรเริ่มเขียวแล้ว “เพื่อจับนักโทษ ต้องใช้วิธีรับมือปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสภาพ นับประสาอันใดกับเจ้าหนุ่มนี่เดิมก็เกี่ยวข้องกับกบฏพวกนี้ ตอนนี้ไม่ใช่สัตว์เทพมกรที่เรืองยศในวันวานอีกแล้ว แม้ไป๋ตี้ก็ไม่อาจกล่าวอันใดได้!”
“โยงมั่วซั่ว เจ้าสิ! นังหญิงเหม็น! เจ้าคอยก่อน ช้าเร็วข้าต้องย่างเจ้าเป็นเนื้อมังกรแห้ง…” ยังตะโกนไม่จบ ก็รู้สึกเพียงแค่กลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงโชยมา แขนเสื้อนางปิดหน้าเขาไปครึ่ง มกรทนไม่ไหวอีกต่อไป ตาเหลือกเป็นลมไปทันที
“ไป๋ตี้โปรดปรานเขา หากรู้ว่าเจ้าบังอาจเช่นนี้ ย่อมทรงกริ้ว” หงส์แดงจูเชวี่ยยังพยายามกล่อม
มังกรเขียวหัวเราะเหอๆ “เรื่องนี้นอกจากเจ้ารู้ ข้ารู้ เขารู้ ยังมีผู้ใดรู้ ถึงตอนนั้นก็ยืนยันคำเดียวว่าเขาหนีออกมาเอง คิดจะไปร่วมกับพวกกบฏ ไป๋ตี้แม้โปรดปรานเขา จะกล้าขัดกับราชันสวรรค์?”
หงส์แดงจูเชวี่ยรู้สึกเพียงแค่สมองเริ่มสับสนไปหมด ราวกับนางกล่าวมาก็มีเหตุผล แต่อย่างไรก็รู้สึกว่าเช่นนี้ไม่ถูกต้อง เห็นนางลากมกรออกไปไกล เขาได้แต่ไล่ตามไป ถูกนางบีบให้สมรู้ร่วมคิดกับนางทำร้ายมกร