บทที่ 578 : มากันทั้งจิงฉู

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 578 : มากันทั้งจิงฉู!

“ข้าก็แค่เปิดคลินิกเล็กๆ คิดไม่ถึงว่าคุณชายหลงจะรู้ข่าวด้วย..”

ริมฝีปากของหลิงหยุนแย้มยิ้มเหยียดหยันอย่างเปิดเผย ไม่มีท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนให้เห็นเลยแม้แต่น้อย

ยิ่งหลงเทียนเจียวแสดงท่าทางสนิทสนมกับเขามากเท่าไหร่ หลิงหยุนก็ยิ่งระมัดระวังตัวมากขึ้น เขารู้จุดประสงค์ที่ซ่อนอยู่ในท่าทางของหลงเทียนเจียวเป็นอย่างดี

หลิงหยุนแย่งผู้หญิงของหลงเทียนเจียวมาทั้งคน ทำให้เขาโกรธจนหน้าดำหน้าแดง อีกทั้งยังตบหน้าเขาจนบวม มีหรือที่หลงเทียนเจียวจะไม่ถือสา และทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น วัตถุประสงค์ที่แอบซ่อนอยู่นั้น ต่อให้เป็นคนโง่ก็ยังดูออก!

หลงเทียนเจียวเห็นท่าทางที่ไม่ยินดียินร้ายกับการมาร่วมยินดีของเขาจากหลิงหยุน แต่เขาไม่สนใจ! และยังคงทำสีหน้าเบิกบานยิ้มแย้มแจ่มใสราวกับไม่มีอะไร แล้วรีบแนะนำบรรดาผู้อาวุโสที่มาพร้อมกับตนเองให้หลิงหยุนรู้จัก

“ท่านนี้คือผู้จัดการทั่วไปของบริษัท ไชน่า เนชั่นแนล ปิโตรเลียม คอร์ปอเรชั่น – สาขาจิงฉู…”

“และท่านคือประธานบริษัท ไชน่า โมบายล์ – สาขาจิงฉู…”

“ส่วนท่านนี้คือผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร..”

แต่ละคนที่หลงเทียนเจียวแนะนำให้หลิงหยุนรู้จักนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูงส่ง และเป็นผู้มีหน้ามีตาในเมืองจิงฉู ซึ่งคนธรรมดาคงยากที่จะเข้าพบพวกเขาได้ง่ายๆ จึงแทบไม่ต้องพูดถึงเรื่องทำความสัมพันธ์รู้จักกัน

แต่ตอนนี้พวกเขากลับต้องตามหลงเทียนเจียวมายืนตากแดด และทนทรมานกับเสียงดังหนวกหูเพื่อทำความรู้จักกับหลิงหยุน และหลังจากที่แนะนำทุกคนให้หลิงหยุนรู้จักแล้ว หลงเทียนเจียวก็เริ่มแนะนำทุกคนให้รู้จักกับหลิงหยุนบ้าง

“ท่านี้เป็นแพทย์ และเป็นเจ้าของคลีนิคแห่งนี้ชื่อหลิงหยุน..”

แต่หลิงหยุนกลับไม่ยื่นมือออกไปจับมือใครเลยแม้แต่คนเดียว เขาเพียงแค่ยกกำปั้นขึ้น และชี้นิ้วโป้งไปทางคลีนิคซึ่งอยู่ด้านหลังพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“ขอบคุณทุกท่านที่มาในวันนี้ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่คลีนิคของผมเล็กมาก และทุกท่านก็มาช้าเกินไป ตอนนี้ด้านในคลีนิคมีผู้คนอยู่เต็มไปหมด ทุกท่านคงต้องยืนอยู่ข้างนอกแล้วล่ะ..”

ในสายตาของหลิงหยุนนั้น ไม่มีคำว่าคนใหญ่คนโต ทุกคนเป็นคนเหมือนๆกัน เขาไม่จับมือคนเหล่านี้เพียงเพราะมีตำแหน่งใหญ่โต หรือมีอำนาจบารมี

ทุกคนล้วนสามารถตกต่ำได้ตลอดเวลา อำนาจบารมีที่มีอยู่ก็สามารถถูกยึด หรือมลายหายวับไปกับตาได้ เมื่อพ้นตำแหน่ง สิ่งเหล่านี้ก็จะสลายไปด้วยเช่นกัน มีเพียงความแข็งแกร่งของตนเองเท่านั้นที่ไม่มีผู้ใดสามารถแย่งชิงไปได้

ท่ามกลางผู้คนมากมาย และแสงแดดที่ร้อนแผดเผา ไม่มีแม้แต่เก้าอี้จะนั่ง สิ่งเหล่านี้มันมากเกินไปกว่าที่พวกเขาจะรับได้ ใบหน้าของผู้ร่วมคณะมากับหลงเทียนเจียวจึงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่เพราะหลงเทียนเจียวอยู่ที่นี่ด้วย พวกเขาจึงต้องอดกลั้นไม่ระเบิดความโกรธออกมา

หลงเทียนเจียวเองก็คิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะหักหน้าเขาเช่นนี้ แต่ทำได้เพียงแค่อดกลั้น และอดทนต่อความอัปยศครั้งนี้ นั่นเพราะคำสั่งลับของตระกูลหลงที่ค้ำคออยู่!

ไม่เพียงแค่หลงเทียนเจียวจะไม่สามารถแสดงความโกรธออกมาได้ แต่เขายังต้องปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาต่อไปจนจบ

หลงเทียนเจียวกระแอมสองสามครั้งก่อนจะตอบไปว่า “เรื่องนั้นไม่เป็นไร! นี่ก็ใกล้เวลาตัดริบบิ้นแล้ว พวกเรายืนดูอยู่ที่นี่ก็ได้ อีกอย่างข้างนอกก็กว้างขวางมาก..”

พูดจบหลงเทียนเจียวก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พร้อมกับหัวเราะราวกับว่าด้านนอกนี้กว้างขวางอย่างที่พูดจริงๆ

หลิงหยุนยิ้มและจู่ๆก็พูดกับหลงเทียนเจียวว่า “คุณชายหลง.. สายข่าวของเจ้าช่างรู้ละเอียดนัก! รู้แม้กระทั่งเวลาตัดริบบิ้น..”

หลงเทียนเจียวรีบพูดกลบเกลื่อน “ใครๆต่างก็รู้กันหมด หากข้าไม่รู้ ก็คงจะแย่มากเลยทีเดียว!”

หลงเทียนเจียวเป็นถึงรองหัวหน้าของกลุ่มเทพอินทรี อีกทั้งสองวันมานี้เขาก็วุ่นวายอยู่กับการสืบข่าวคราวของหลิงหยุน หากเรื่องแค่นี้เขายังไม่รู้ ก็ไม่สมควรจะอยู่ในตำแหน่งนี้อีกต่อไป

……..

ทางด้านถนนอีกฟากซึ่งอยู่ตรงข้ามกับคลีนิคของหลิงหยุน..

“คนที่เพิ่งเข้าไปเมื่อครู่ดูเหมือนจะเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดในจิงฉูชื่อเฉิงเทียน คิดไม่ถึงว่าจะมาร่วมงานเปิดคลีนิคเล็กๆแบบนี้ด้วย..”

หนุ่มเพลย์บอยทั้งห้าคนต่างก็จ้องมองไปทางคลีนิคสามัญชน ทุกคนออกมายืนตากแดดนอกรถโดยที่ไม่มีใครบ่นอะไรแม้แต่คำเดียว

“แม่เจ้า.. ดูกลุ่มคนที่เพิ่งมาถึงนั่นสิ!”

“เห้ย.. นั่นมันผู้บริหารระดับสูงของบริษัทปิโตรไชน่านี่นา! พวกเขาก็มาด้วยเหรอนี่?”

“ว่าแต่ผู้ชายหนุ่มๆคนนั้นเป็นใครกัน? ถึงได้รวบรวมผู้บริหารระดับสูงแบบนั้นให้มาร่วมแสดงความยินดีกับพี่หยุนได้?!”

เพลย์บอยทั้งห้าคนได้แต่อึ้ง และร้องอุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ!

ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทใหญ่ๆเช่นนี้ หากเปรียบไปแล้วก็ไม่ต่างจากหัวมังกร พวกเขาล้วนคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงธุรกิจมานาน แต่ละวันต้องประชุมกันไม่มีหยุด จึงยากที่จะหาโอกาสมารวมตัวกันเช่นนี้ได้

เด็กหนุ่มทั้งห้าคนจึงได้แต่ยืนมองชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าคณะด้วยความอัศจรรย์ใจ!

ไม่เพียงเท่านั้น นอกจากคนระดับนี้จะมาร่วมแสดงความยินดีกับหลิงหยุนแล้ว ลักษณะท่าทางของเขายังดูนอบน้อมกับหลิงหยุนอย่างมาก แต่หลิงหยุนกลับแสดงออกอย่างไม่สนใจใยดีเลยแม้แต่น้อย และไม่เชื้อเชิญพวกเขาเข้าไปด้านในคลินิกด้วยซ้ำไป!

พี่หยุนนี่แน่จริงๆ!

เด็กหนุ่มทั้งห้าคนต่างก็พากันชื่นชมหลิงหยุนไม่หยุดปาก! พวกเขาเริ่มรู้สึกศรัทธาในตัวหลิงหยุน ต่างก็พากันครุ่นคิดหาวิธี และรอคอยความช่วยเหลือจากถังเมิ่ง เพื่อขอให้หลิงหยุนมอบโอกาสให้กับพวกเขาอีกสักครั้ง

“เห้ย.. พวกนายดูนั่น! นั่นมันรถของคณะกรรมการเทศบาลนี่ ลุงหลี่ถึงกับมาด้วยตัวเองเลย!”

เจ้าหนูตาดีมองเห็น และรีบร้องออกมาเสียงดังเมื่อเห็นรถของหลี่ยี่เฟิงแล่นมาแต่ไกล

“รถของสำนักงานรักษาความมั่นคงก็มาด้วย!”

พี่เฟยเองก็ชี้ไปทางรถตำรวจที่วิ่งอยู่ไกลๆ เขาร้องตะโกนเสียงดังราวกับค้นพบโลกใบใหม่

อาปิงยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาพร้อมกับร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น “อีกแค่สิบห้านาทีก็จะเริ่มพิธีตัดริบบิ้นแล้ว..”

ตันตันเลิกเล่มเกมในโทรศัพท์มือถือนานแล้ว เขามองเข้าไปในคลินิก และรอบๆบริเวณที่คลาคล่ำไปด้วยผผู้คนมากมายด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“นายว่าใครจะเป็นคนตัดริบบิ้น?”

พี่เฟยหันไปมองพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ไม่รู้สิ.. มีทั้งท่านเสี่ยวหมอเทวดา นายพล ลุงหลี่ ลุงถัง แล้วก็เฉิงเทียน”

เสี่ยวจี๋พยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า “แล้วก็ยังมีสาวงามสามคนที่มาก่อนหน้านี้ด้วย..”

และเพียงแค่คำพูดประโยคเดียว เสี่ยวจี๋ก็ถูกเพื่อนทั้งสี่คนส่งเสียงคำรามใส่ทันที

“ยังจะมีหน้ามาพูดอีก ถ้าไม่ใช่เพราะนาย พวกเราคงไม่ต้องมายืนบื้อตากแดดกันอยู่ที่นี่หรอก.. เจ้าหมูอ้วน! เห็นรึยังว่าข้างในมีแต่คนใหญ่คนโตทั้งนั้น!”

“นั่นสิ.. นายมันมีตาแต่ดันไม่มีแววซะนี่ ทำให้พวกเราต้องถูกไล่ออกมา แล้วยังจะกล้าพูดอีก!”

อาปิงพูดทีเล่นทีจริง “อย่าไปบอกใครล่ะว่านายเป็นเพื่อนฉัน น่าขายหน้าชะมัด!”

“นายก็อีกคนเจ้าหนู! ทำให้ถังเมิ่งไม่พอใจตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้อึ้งไปเลยล่ะสิ!”

เจ้าหนูได้แต่ยกมือขึ้นเกาศรีษะพร้อมกับตอบไปว่า “เสี่ยวจี๋ต่างหากต้นเรื่อง? พวกนายจะมาโกรธฉันทำไม?”

อาปิงหันมาดุ “ทั้งคู่นั่นล่ะ! เอาเป็นว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดของพี่หยุนในการจัดงานวันนี้ พวกนายสองคนต้องรับผิดชอบทั้งหมด!”

“ไม่มีปัญหา!”

เสี่ยวจี๋ และเจ้าหนูไม่รีบตอบตกลงอย่างไม่ลังเล เพราะการได้จ่ายเงินให้กับหลิงหยุนนั้นนับว่าเป็นเกียรติของพวกเขา

………….

“ลุงถังมาแล้วเหรอครับ?!”

เมื่อเห็นถังเทียนห่าวก้าวลงมาจากรถ หลิงหยุนก็รีบเดินออกไปทักทายทันที การมาของถังเทียนห่าวไม่ได้เกินความคาดหมายของหลิงหยุน เขาจึงไม่รู้สึกแปลกใจ

ถังเทียนห่าวรีบจับมือหลิงหยุนพร้อมกับพูดยิ้มๆ “มาเร็ว! ฉันจะพาเธอไปแนะนำให้รู้จักกับลุงหลี่!”

ลุงหลี่ที่ถังเทียนห่าวพูดถึงนั้นก็คือหลี่ยี่เฟิงนั่นเอง..

หลี่ยี่เฟิงและถังเทียนห่าวก้าวลงจากรถพร้อมๆกัน แต่หลิงหยุนไม่เห็นหลี่ยี่เฟิง และไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว จึงตรงเข้าไปทักทายถังเทียนห่าวก่อน แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนเองก็เคยพบเห็นหลี่ยี่เฟิงในทีวีมาบ้าง

“นี่ท่านเลขาธิการเทศมนตรีของเมืองจิงฉู และเป็นพี่ชายของฉันเอง – หลี่ยี่เฟิง!” ถังเทียนห่าวแนะนำหลี่ยี่เฟิงให้หลิงหยุนรู้จักอย่างเป็นทางการ

“ลุงหลี่สบายดีนะครับ!” หลิงหยุนยิ้มสดใสพร้อมกับยื่นมือออกไปทักทายหลี่ยี่เฟิง

แม้ว่าหลี่ยี่เฟิงจะไม่คุ้นเคยกับการทักทายเช่นนี้ แต่เขาก็ยินดีอย่างมาก และรีบยื่นมืออกไปสัมผัสมือของหลิงหยุนทันที พร้อมกับเงยหน้าขึ้นลงสำรวจหลิงหยุน

“เธอยังหนุ่มยังแน่น แบบนี้สิจึงเหมาะที่จะเป็นฮีโร่ของวัยรุ่นยุคนี้!”

“ลุงหลี่ให้เกียรติมางานเปิดคลีนิกเล็กๆ ผมรู้สึกเกรงใจมากที่เป็นสาเหตุทำให้ลุงหลี่ต้องเดินทางมาที่นี่ด้วยตนเอง..!”

“จะใหญ่หรือเล็กไม่สำคัญ แต่นี่นับว่าเป็นก้าวแรกของเธอ แล้วฉันจะไม่มาร่วมยินดีได้อย่างไรเล่า?”

ทั้งหลิงหยุนและหลี่ยี่เฟิงนั้น ต่างคนต่างก็พยายามถ่อมตัว และยิ่งทั้งคู่ถ่อมตน และสรรเสริญอีกฝ่ายมากเท่าไหร่ ผู้คนก็ยิ่งพากันตกตะลึง!

มีใครบ้างที่จะไม่รู้จักหลี่ยี่เฟิง? เขาปรากฏตัวในทีวี และสื่อต่างๆอยู่แทบทุกวัน!

“โอ้โห.. เลขาหลี่มาด้วยตนเองเลย..” ใครบางคนพูดขึ้นมา

“นั่นสิ.. คลินิกเล็กๆ แต่ทำไมถึงได้มีคนใหญ่คนโตมาร่วมยินดีมากมายแบบนี้ ดูท่าคลีนิคนี่คงจะไม่ธรรมดาแล้วล่ะ!”

“สงสัยเรื่องนี้คงต้องกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์แน่ๆ!” อีกคนร้องออกมาอย่างตื่นเต้น

“แย่แล้ว.. เมื่อครู่ฉันใส่ซองน้อยไปหน่อย เอากลับมาใส่ใหม่จะได้มั๊ยนะ?” ใครบางคนร้องออกมาอย่างนึกเสียดาย

“ลุงหลี่มาแล้วเหรอครับ!” เสียงถังเมิ่งร้องตะโกนออกมา

ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋ออกมาสั่งการให้คนทำการแขวนประทัด และจัดเตรียมริบบิ้นสำหรับทำพิธีเปิด ทั้งคู่มองดูผู้คนที่ยืนซ้อนกันเป็นสามแถวรายล้อมหลิงหยุน หลี่ยี่เฟิง และถังเทียนห่าวอย่างตื่นเต้น