บทที่ 1514+1515 Ink Stone_Romance
บทที่ 1514 คู่ตัดแขนเสื้อ
เด็กหนุ่มชุดเขียวผู้นั้นละสายตาไปอย่างรวดเร็ว ไปพูดคุยกับสหายร่วมกลุ่มแล้ว
กู้เซี่ยเทียนก้าวไปทางทิศนั้นสองก้าวแล้ว จู่ๆ ก็เขามีความรู้สึกวูบหนึ่งขึ้นมา อยากจะพุ่งไปหาเด็กหนุ่มคนนั้นแล้วพูดคุยกับเขา
เขาตั้งใจฟังสหายร่วมกลุ่มของเด็กหนุ่มคนนั้นเรียกขานเขาโดยเฉพาะ ทราบว่าเด็กหนุ่มชุดเขียวผู้นี้นามว่าหลัวจั่นอวี่ เป็นคนที่ฝ่าออกมาจากเขตหวงห้ามอะไรนั้นพร้อมกับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย…
หัวใจเขาหวั่นไหวแวบหนึ่ง ขณะที่กำลังจะสาวเท้าก้าวเข้าไป จู่ๆ หลานตาของเขาก็ร้องไห้โฮขึ้นมาอีก คงจะเจ็บแผลเป็นแน่
บุตรสาวของเขากำลังอุ้มเด็กน้อยปลอบโยนอยู่ เด็กคนนั้นกลับกางแขนน้อยๆ มาทางกู้เซี่ยเทียนอยู่ตลอด “ท่านตา ท่านตา อุ้ม…”
กู้เซี่ยนเทียนใจอ่อนยวบ ถอนหายใจ อุ้มเด็กคนนั้นมาปลอบโยนอยู่ในอ้อมแขน
เขาห่วงใยหลานตาคนนี้ที่สุด ไม่มีเหตุอื่นใดเลย เป็นเพราะหลานชายคนนี้รูปโฉมละม้ายคล้ายกู้เทียนนั่วบุตรชายเขายามเยาว์วัยถึงห้าส่วน เมื่อเห็นหลานชายคนนี้กู้เซี่ยเทียนก็นึกถึงบุตรชายคนโตของตนที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือตายคนนั้น…
กู้เซี่ยเทียนพาคนตระกูลกู้จากไปแล้ว ยามที่จะจากไปเขายังหันไปมองหลัวจั่นอวี่อยู่หลายครา ในใจมีแผนการแล้ว รอจนได้พบหน้าบุตรสาว จะให้นางเชิญคุณชายหลัวจั่นอวี่ผู้นี้มานั่งเล่นที่บ้านให้ได้…
หลัวจั่นอวี่กลับไม่มองเขาอีกแล้ว
สำหรับบิดาผู้นี้ ในใจเขามีความชิงชังที่ลบไม่ออกเสมอมา ไม่อยากยอมรับ
ยิ่งไปกว่านั้นคือกู้เซี่ยเทียนมีหลานชายสายนอกแล้วมิใช่หรือ? มีหลานชายค่อยกตัญญูปรนนิบัติเขาแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องยอมรับบุตรกลับไปแล้ว!
หัวจั่นอวี่กวาดตามองฝูงชนที่อยู่รอบนอกอีกแวบหนึ่ง
เหล่าชาวบ้านยังไม่แยกย้ายกันไป ถึงขั้นที่มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ชัดเจนยิ่งนักว่าชาวบ้านล้วนอยากมาชมเรื่องครื้นเครงฉากใหญ่ ต่อให้เพิ่งประสบช่วงเวลาขวัญหนีดีฝ่อเช่นนั้นมา ก็ยังมีคนไม่น้อยที่ยังไม่จากไป
หลัวจั่นอวี่เพิ่งเห็นเงาร่างเพรียวบางสายหนึ่งอยู่ห่ามกลางฝูงชน คนผู้นั้นสวมชุดชาวบ้านธรรมดาทั่วไป แฝงอยู่ในฝูงชนกลมกลืนไม่เผยพิรุธ
แต่หลัวจั่นอวี่ยังคงมองเห็นความแตกต่างของนางได้ภายในแวบเดียว
เงาร่างเพรียวบางนั้นคล้ายคลึงกับกู้ซีจิ่วน้องสาวของตนอยู่หลายส่วน แต่บุคลิกท่วงท่าแตกต่างกัน หลัวจั่นอวี่จดจำนางได้
นั่นคือหลัวซิงหลาน!
มารดาผู้ให้กำเนิดเขาและกู้ซีจิ่ว!
ไม่น่าเชื่อว่านางก็มาเหมือนกัน ปะปนอยู่ในฝูงชนมาโดยตลอด หลังจากเห็นว่าคนตระกูลกู้ได้รับความช่วยเหลือแล้ว นางถึงได้จากไปอย่างสง่า ข้างกายมีองครักษ์ลับคุ้มกันอยู่ไม่น้อยเลย
เห็นได้ชัดว่านางก็พาคนมาเพื่อช่วยเหลือเช่นกัน
นางก็คงไม่อยากพบหน้ากู้เซี่ยเทียนอีกเหมือนกัน ดังนั้นเมื่อเห็นว่าคนตระกูลกู้ปลอดภัยแล้วจริงๆ นางก็จากไปทันที
มารดาของตนคงจะเป็นเช่นเดียวกับตน ถึงแม้จะชิงชังกู้เซี่ยเทียน แต่ก็ไม่อาจเบิกตามองเขาถูกแล่เนื้อเถือหนังจนสิ้นชีพได้…
หลัวจั่นอวี่ยกมือนวดขมับ ไม่ยินดีจะใคร่ครวญปัญหาเหล่านี้อีกแล้ว สายตาหันเหไปยังร่างคนสามสี่คนที่กำลังต่อสู้กันอยู่
เขาก็เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้เช่นกัน หลังจากมองการต่สู้อยู่ครู่หนึ่ง ก็หนักใจเล็กน้อย
วรยุทธ์ของคนยักษ์เกราะทองผู้นี้สูงเกินไปแล้ว!
เกรงว่าพวกเชียนเยวี่ยหร่านจะมิใช่คู่ต่อสู้!
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นที่มองจุดนี้ออก ยอดฝีมือคนอื่นที่มุงดูอยู่ก็มองออกเช่นกัน
กู่ฉานโม่ก็ขมวดคิ้วแน่นแล้ว ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ฝ่ายหนึ่งเป็นเพียงข้ารับใช้ของอ๋องอะไรสักอย่างจากเบื้องบน แต่ฝ่ายนี้กลับเป็นยอดฝีมือผู้เลิศล้ำของโลกนี้สามคน ยอดฝีมือสามคนยังไม่อาจเอาชนะข้ารับใช้คนหนึ่งจากดินแดนเบื้องบนได้ เช่นนั้นวรยุทธ์ของยอดฝีมือผู้เลิศล้ำเหล่านั้นของดินแดนเบื้องบนจะน่าหวาดหวั่นมากขนาดไหนกัน?!
หากว่าพวกเขาก็ลงมายังโลกเช่นเดียวกับเซียนหญิงลี่หวางผู้นี้ ก่อมรสุมคลื่นลมขึ้นบนโลกใบนี้ดังว่า คนที่ยับยั้งพวกเขาได้เกรงว่าจะมีอยู่ไม่มาก…
เป็นอันตรายใหญ่หลวงอย่างหนึ่งโดยแท้!
เขาใคร่ครวญอยู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะมองไปยังจุดที่พวกท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่ก่อนหน้านี้
หลังจากมองไปแล้ว ก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กับตี้ฝูอีล้วนไม่อยู่แล้ว!
————————————————————————————-
บทที่ 1515 นางปรากฏตัวด้วยรูปลักษณ์ที่แท้จริงแล้ว!
เอ๊ะ ซีจิ่วล่ะ?!
คงมิใช่ว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มองออกว่าตี้ฝูอีคือซีจิ่วปลอมตัวมา จึงพานางไปกระมัง?! จะลงโทษนางหรือเปล่า?
ต้องทราบด้วยว่าการสวมรอยปลอมเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายนั้นมีโทษสถานหนักถึงขั้นตัดหัวได้เลย!
เขามองไปทางสนามรบอีกคราหนึ่ง หัวใจเต้นรัวขึ้นมาอีกครั้ง!
ไม่ทราบเช่นกันว่าคนยักษ์เกราะทองผู้นั้นใช้มนต์คาถาอันใด พลังยุทธ์พุ่งทะยานขึ้นมาอีกเท่าตัว แรงกดดันปานเขาไท่ซานจนทำให้ฮวาอู๋เหยียน เชียนเยวี่ยหร่าน เทียนจี้เยวี่ยทั้งสามคนถูกบีบให้ล่าถอยไปอย่างต่อเนื่อง หวิดพลาดท่าอยู่หลายครั้ง!
ในสนามรบความเป็นความตายเป็นเพียงชั่วขณะหนึ่ง กู่ฉานโม่พลันกางฝ่ามือ ขณะที่กำลังจะเข้าร่วมต่อสู้ด้วย จู่ๆ เงาร่างของคนผู้หนึ่งก็แวบขึ้นมากลางนภา หญิงสาวชุดดำนางหนึ่งเหินพลิ้วลงมาจากนภา ร่อนลงกลางสนามรบโดยตรง เปล่งเสียงเยือกเย็น “ส่งเขามาให้ข้า!”
ดวงตากู่ฉานโม่เปล่งประกายทันที
กู้ซีจิ่ว นางปรากฏตัวด้วยรูปลักษณ์ที่แท้จริงแล้ว!
ครั้งนี้กู้ซีจิ่วไม่ได้ใช่วิชาแปลงโฉมใดๆ นี่คือรูปโฉมที่แท้จริงของเธอ
รูปโฉมของเธองดงามยิ่งนัก ยามที่แผ่อำนาจทั้งหมดออกมา ในร่างแฝงแสงมงคล ทรงพลังอย่างยิ่ง
หลังจากเธอปรากฏตัวขึ้น ย่อมดึงดูดความสนใจจากปวงชนที่นั่นเป็นธรรมดา สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องบนร่างเธอ ท่ามกลางฝูงชนจู่ๆ ก็มีคนร้องตะโกนขึ้นมา “กู้ซีจิ่ว แม่นางกู้! นางคือแม่นางกู้ซีจิ่ว!”
หินหนึ่งก้อนสะท้อนพันคลื่น ฝูงชนฮือฮาขึ้นมาในทันใด!
แปดปีก่อนกู้ซีจิ่วก็เคยโด่งดังเช่นกัน เรื่องของเธอไม่ทราบว่าถูกคนร่ำลือถึงมากน้อยเพียงใด กลายเป็นที่เล่าขานในหมู่ประชาชน ถึงแม้จะมีทั้งเสียงชื่นชมและวิพากษ์วิจารณ์ แต่ก็นับว่าเป็นตำนานบทหนึ่งเช่นกัน
แปดปีก่อนนางหนีงานแต่งหายสาบสูญไป ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นอีกเลย ผู้คนล้วนนึกว่านางประสบเหตุไม่คาดฝันอันใดเข้าแล้ว กลับนึกไม่ถึงว่าในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้นางจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่!
แถมวรยุทธ์ของนางยังก้าวหน้าขึ้นอย่างเห็นได้ชัดด้วย!
แปดปีก่อนตอนที่นางหายตัวไป พลังวิญญาณของนางคือขั้นแปด เมื่อปรากฏตัวขึ้นหนนี้ ถึงแม้จะสำแดงออกมาเพียงกระบวนท่าเดียว ก็มีผู้เชี่ยวชาญไม่น้อยที่มองออกว่าวรยุทธ์ของนางสูงส่งจนน่าหวาดหวั่น! รูปโฉมก็งดงามยิ่งขึ้น!
แปดปีก่อนกู้ซีจิ่วยังเหมือหญิงสาวทั่วๆ ไปคนหนึ่ง แต่แปดปีให้หลังบนร่างนางมีไอเซียนแฝงอยู่รางๆ ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้นทำให้ผู้คนมากมายที่อยู่ในเหตุการณ์ตกตะลึงทุกคนรู้สึกเพียงว่ารัศมีบนร่างนางไม่ด้อยไปกว่าเซียนหญิงลี่หวางผู้นั้นเลย ถึงขั้นที่แข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ!
สายตาของเซียนหญิงลี่หวางที่ถูกมัดไว้ตรงนั้นก็ร่อนลงบนร่างของกู้ซีจิ่วเช่นกัน ความริษยาชิงชังที่ซ่อนเร้นไว้ไม่อยู่วาบผ่านดวงตา!
กู้ซีจิ่วใช้วิชาเคลื่อนย้ายเข้าสู่สนามรบโดยตรง ซัดฝ่าใส่คนยักษ์เกราะทองผู้นั้นจนถอยไปครึ่งก้าว ช่วยเหลือฮวาอู๋เหยียนที่เกือบจะพลาดท่าไว้ได้พอดี พลันโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ส่งนางออกไปอยู่นอกวงทันที…
เธอเคลื่อนไหวปราดเปรียวว่องไว แทบจะทำให้คนตาลาย ท่ามกลางฝูงชนเริ่มมีคนตะโกนให้กำลังใจเธอแล้ว
ผ่านไปครู่หนึ่ง แม้แต่เทียนจี้เยวี่ยกับเชียนเยวี่ยหร่านก็ล่าถอยแล้วเช่นกัน ในสนามรบเหลือเพียงกู้ซีจิ่วกับคนยักษ์เกราะทอง
คนยักษ์เกราะทองเรือนกายปานปราการสูงสีทอง กู้ซีจิ่วที่รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นยืนอยู่เบื้องหน้าเขา ดูคล้ายกวางดาวที่ยืนประจันหน้ากับช้างยิ่งนัก ราวกับขอเพียงเขายื่นอุ้งมือออกมาก็สามารถหักคอของเธอได้แล้ว
กู้ซีจิ่วคร้านจะพูดจาไร้สาระกับคนยักษ์เกราะทองผู้นี้ ดังนั้นหลังจากเธอเข้าสู่สนามรบแล้ว ก็เริ่มสู้ทันที!
ทีแรกคนยักษ์เกราะทองไม่แยแสเธอสักเท่าไหร่ อย่างไรเสียแปดปีก่อนเขาก็เคยประมือกับกู้ซีจิ่วมาแล้ว ทราบวรยุทธ์ของนางแล้ว นอกจากวิชาเคลื่อนย้ายที่ทำให้คนตะลึงได้บ้าง วรยุทธ์อย่างอื่นก็ดาษดื่นทั่วไป
หากว่าเขาเอาจริงขึ้นมา น่าจะไม่ถึงห้าสิบกระบวนท่าก็สามารถส่งนางไปเยือนปรโลกได้ทันที!
แต่หลังจากประมือกันอย่างจริงจังไปได้ไม่กี่กระบวนท่า ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าอะไรที่เรียกว่าไม่พบหน้าเพียงสามวันถึงขั้นต้องขยี้ตามองอีกหน![1]
สตรีผู้นี้ไม่ควรตอแยยิ่งนัก! แข็งแกร่งกว่าสานุศิษย์สวรรค์สามคนนั้นที่ผนึกกำลังกันมาเมื่อครู่เสียอีก!
ทุกกระบวนท่าล้วนแฝงเสียงกึกก้องครั่นครามไว้ ถึงขั้นที่โจมตีใส่จุดอ่อนของเขาโดยเฉพาะด้วย ทำให้เขายากจะป้องกันได้!
————————————————————————————-
[1] ไม่พบหน้าเพียงสามวันถึงขั้นต้องขยี้ตามองอีกหน อุปมาถึง การประเมินความสามารของคนผู้หนึ่งใหม่ เพราะเขาได้เปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยรู้จักในอดีตแล้ว