ตอนที่ 1448 กล่าวอำลา

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1448 กล่าวอำลา โดย Ink Stone_Fantasy

คล้อยหลังดูดซับผลวิญญาณเต๋าได้สำเร็จ ทำให้ไป๋เฉินทะยานขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าได้ในอึดใจเดียว!

แม้ว่าอาณาจักรพลังของไป๋เฉินจะยังไม่เพียงพอต่อหน้าประมุขวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์

แต่หากเป็นในดินแดนนภาบรรพต เขาคือผู้ไร้เทียมทาน!

“หื้ม?”

เพียงไป๋เฉินส่งเสียงกรนรองออกไปเล็กน้อย ก็เปรียบดั่งสายอัสนีลั่นคำรนจนทำให้ประมุขวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ร่นถอยออกไปหลายสิบก้าวต่อกัน

มีธารเลือดไหลซิบออกมาจากมุมปากของประมุขวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ เพียงเค้นเสียงตอบ ก็สามารถทำให้เขาบาดเจ็บถึงภายในได้แล้ว

“ขะ แข็งแกร่งนัก!”

“สิ่งที่ท่านประมุขวังกำลังสำแดงอยู่เป็นแค่ขุมพลังอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าเท่านั้น แต่เขากลับสามารถทำร้ายยอดเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าได้จนบาดเจ็บโดยใช้เพียงเสียง! นี่…นี่คือความแกร่งกล้าของจักรพรรดิดินแดน?”

ทุกคนต่างตกตะลึงอย่างยิ่งกับวิธีการนำใช้ของไป๋เฉิน!

เหล่าผู้อาวุโสอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าที่อยู่ด้านหลังประมุขวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ ต่างถอดสีหน้ากันยกใหญ่ เมื่อเห็นภาพฉากนี้

“นี่…เราชายชรา มู่เจี้ยนทำความเคารพท่านจักรพรรดิดินแดน!”

แม้เขาจะไม่เต็มใจอย่างยิ่งต่อการกระทำเช่นนี้ของตน แต่มู่เจี้ยนตระหนักดีว่า ความแตกต่างระหว่างตัวเขากับไปเฉินมันมากมายมหาศาลเพียงใด!

และเขาเองก็ไม่ยอมตายเช่นนี้แน่นอน!

ขณะที่เขาคุกเข่าลง เหล่าผู้อาวุโสอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าอีกเจ็ดคนที่เหลือก็เร่งคุกเข่าตามทันที

“พวกเราเจ็ดผู้อาวุโสแห่งวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ ทำความเคารพท่านจักรพรรดิดินแดน!”

ไป๋ซิ่วดูตื่นอกตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะเร่งนำกลุ่มคนของวังเทวะรัตติกาลฉายก้มศีรษะคารวะต่อหน้าไป๋เฉินว่า

“ทำความเคารพท่านจักรพรรดิดินแดน!”

ไป่เฉินเอ่ยกลาวน้ำเสียงเย็นชืดว่า

“ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป วังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์จะถูกยุบลงและไม่มีอีกต่อไป วังเทวะรัตติกาลฉายจะขึ้นมาแทนที่ตำแหน่งของวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์แทน และปกครองดินแดนนภาบรรพตแห่งนี้ต่อไป!”

สายตาคู่นั้นของมู่เจี้ยนแลดูจริงจังขึ้นทันควัน และร้องอุทานขึ้นด้วยความไม่เต็มใจว่า

“ท่านจักรพรรดิ นี่…นี่…”

ไป๋เฉินเหลือบมองอีกฝ่ายเล็กน้อยและเอ่ยถามน้ำเสียงเย็นสะท้านว่า

“อย่างไร? ต้องการคัดค้าน?”

สัมผัสได้ถึงจิตสังหารดุจคมมีดของไป๋เฉิน มู่เจี้ยนตื่นตระหนกยิ่งกลางใจและเร่งกล่าวตอบทันทีว่า

“มิกล้า! มู่เจี้ยนคนนี้มิกล้า!”

น้ำเสียงและท่าทีของไป๋เฉินดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อว่า

“ไป๋คนนี้จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลกในฐานะจักรพรรดิดินแดน ตราบใดที่พวกเจ้ารู้สึกว่าไม่เป็นธรรม เจ้าก็สามารถขอคืนตำแหน่งได้ทุกเมื่อ”

ดวงตาของมูเจี้ยนสว่างไสวขึ้นทันทีและรีบกล่าวว่า

“มู่เจี้ยนมิกล้า! ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป มู่เจี้ยนจะเชื่อฟังคำสั่งทุกอย่างของท่านจักรพรรดิ ด้วยขุมกำลังที่ข้ามี จะมีเพื่อสนับสนุนวังเทวะรัตติกาลฉายต่อไปในภายภาคหน้า!”

ไป๋เฉินเค้นเสียงเป็นคำตอบอย่างแผ่วเบา และเหลียวมองไปทางเย่หยวน

ขณะเดียวกับเย่หยวนยังคงขยับขยายสายตาจับจ้องไป๋เฉินแลดูสนใจไม่น้อย หลังจากควบคุมเต๋าแห่งดินแดนนี้ได้ ท่าทางการวางตัวย่อมเปลี่ยนไปโดยธรรมชาติ

ขอบเขตความรู้อันไกลโพ้นของเขามิได้อยู่ในระดับเดียวกันกับผู้คนเหล่านี้อีกต่อไป

ไป๋เฉินสะบัดแขนเสื้อยาวและคุกเข่าลงต่อหน้าเย่หยวนทันที

“ศิษย์ไป๋เฉินขอบพระคุณท่านอาจารย์เย่สำหรับความช่วยเหลือที่ผ่านมาทั้งหมด ครั้งนี้ท่านทำให้ข้าราวกับเกิดใหม่อีกครั้ง ท่านอาจารย์เย่เปรียบเสมือนท่านพ่อของดินแดนนภาบรรพตทั้งมวล ขอเพียงท่านอาจารย์ให้คำชี้แนะ ต่อให้บุกน้ำลุยไฟ พวกเราดินแดนนภาบรรพตยอมปฏิบัติตามแต่โดยดี!”

ไป๋เฉินกล่าวขึ้นพร้อมสีหน้าท่าทีแสนจริงจังขึงขัง

พลางได้ยินคำกล่าวของไป๋เฉินเช่นนั้น สีหน้าการแสดงออกของทุกคนพลันแปรเปลี่ยนในทันใด

สถานะศักดิ์ของไป๋เฉินในปัจจุบันแตกต่างไปจากก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง

เขาเป็นผู้ปกครองดินแดนแห่งนี้ หากต้องการสังหารเย่หยวนกลับทำได้โดยง่าย

แต่ไป๋เฉินเคารพนับถือเย่หยวนยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งปวง และยังยกย่องเย่หยวนในฐานะตัวตนที่อยู่เหนือหัวเขาไปอีกขั้น ถึงขนาดเรียกว่าท่านพ่อของจักรพรรดิอีกทีหนึ่ง

ขอเพียงเย่หยวนเต็มใจต้องการปรารถนาสิ่งใด ไป๋เฉินสามารถเรียกลมฟ้าลมฝนได้ทุกเมื่อในดินแดนนภาบรรพตแห่งนี้!

อย่างไรก็ตามแต่ เหล่าผู้คนพวกนี้ยังประเมินเย่หยวนต่ำเกินไป!

หากเป็นคนอื่นๆ ชีวิตและความตายของพวกเขาล้วนขึ้นอยู่กับความเมตตาของไป๋เฉินแล้วในดินแดนนภาบรรพตแห่งนี้

แต่สำหรับเย่หยวนกลับไม่ใช่!

เต๋าแห่งดินแดนนภาบรรพตเป็นเพียงส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของหุบเขาถงเทียนแห่งมหาพิภพถงเทียนเท่านั้น

เย่หยวนที่สามารถควบคุมหุบเขาถงเทียนจำลองได้ ย่อมมิได้ด้อยกว่าผู้ควบคุมเต่าแห่งดินแดนนภาบรรพตเลย

หากไป๋เฉินมีเจตนาชั่วจริงๆ เย่หยวนย่อมพึ่งพาพลังของหุบเขาถงเทียนจำลองเพื่อขึ้นต่อกรได้แน่นอน

นอกจากนั้นยังกล่าวได้ว่า เย่หยวนก็อยู่ในระดับชั้นเดียวกับไป๋เฉินเช่นกัน

ในสายตาของเย่หยวน ไป๋เฉินก็เป็นแค่เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าธรรมดาคนหนึ่ง!

ด้วยความแข็งแกร่งของเย่หยวน หากเขาต้องการที่จะฆ่าไป๋เฉินจริงๆ มันก็ง่ายดั่งหยิบของขึ้นจากกระเป๋า

อย่างไรก็ตามแต่ ไป๋เฉินก็มิได้ทำให้เขาผิดหวัง

ทัศนคติของเขาได้แสดงให้เห็นแล้วว่า เย่หยวนเลือกคนไม่ผิด

เย่หยวนคลี่ยิ้มบางขณะกล่าวตอบไป๋เฉินไปว่า

“ดี ข้าภูมิใจนักที่เจ้ามีความคิดเช่นนี้ แต่…อาจารย์คนนี้คงถึงเวลาที่ต้องไปแล้ว!”

สีหน้าการแสดงออกของไป๋เฉินเปลี่ยนไปทันที เขากล่าวว่า

“ท่านอาจารย์ โลกภายนอกนั้นมีภัยอันตรายทุกรูปแบบรั้งรอท่านอยู่ คงจะสบายกายสบายใจกว่าหากท่านดำรงชีวิตอยู่ในดินแดนนภาบรรพตแห่งนี้กับพวกเรา? ท่านอยู่เบื้องหลังช่วยเหลือข้าดูแลดินแดนนภาบรรพตแห่งนี้ต่อไป ท่านว่าอย่างไร?”

เย่หยวนส่ายหัวพลางยิ้มกล่าวว่า

“อาจารย์คนนี้ต้องกลับไปยังมหาพิภพถงเทียน ต่อหน้าภัยอันตรายเหล่านั้นข้าจะยอมแพ้ถอดใจง่ายๆได้อย่างไร? หลังจากนี้อาจารย์เองก็มีสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จลุล่วง!”

ไป่เฉินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนจะกล่าวตอบไปว่า

“ถ้าเช่นนั้น…ข้าจะไปมหาพิภพถงเทียนพร้อมกับท่านอาจารย์! ด้วยความแข็งแกร่งของไป๋เฉินในปัจจุบัน น่าจะพอสามารถช่วยเหลือท่านได้บ้าง!”

เย่หยวนตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆและกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มว่า

“ไป๋เฉิน อย่าได้ประมาทต่อคำว่าวีรบุรุษใต้แผ่นฟ้า! เหนือฟ้ายังมีฟ้าเสมอ! มหาพิภพถงเทียนมันยิ่งใหญ่เกินจินตนาการกว่าที่เจ้าคิดนัก เจ้าต้องอยู่ดูแลชีวิตและความตายของผู้คนภายในนี้ ปัจจุบันเจ้ายังเป็นเพียงเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าคนหนึ่ง สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือ การย่อยขุมพลังของผลวิญญาณเต๋า ตราบใดที่เจ้าขึ้นกลายเป็นยอดเซียนอาณาจักรนภาสวรรค์ ยามนั้นค่อยเดินทางขึ้นมายังมหาพิภพถงเทียนเพื่อตามหาข้า!”

ไป๋เฉินดูดซับผลวิญญาณเต๋าไปแล้วก็จริง แต่หากต้องการทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ยังจำต้องใช้เวลาสะสมนานกว่านี้

อย่างไรก็ตามแต่ อาณาจักรนภาสวรรค์อยู่ไกลเกินเอื้อมนัก การจะบรรลุให้ถึงระดับชั้นนั้นกลับไม่มีทางเป็นไปได้ในระยะเวลาอันสั้น

ตามที่เย่หยวนคาดการณ์เอาไว้ สำหรับตัวไป๋เฉินแล้ว เขายังต้องฝึกปรือให้หนักอย่างน้อยสองร้อยปีขึ้นไป

แม้จะอนุญาตให้เขาขึ้นไปยังมหาพิภพถงเทียนในตอนนี้ แต่ไป๋เฉินคงช่วยเหลืออะไรเย่หยวนไม่ได้เลย

เมื่อได้ยินคำกล่าวเหล่านี้ ไป๋เฉินพลันเผยแสดงสีหน้าผิดหวังออกมาโดยมิตั้งใจ

“แต่… ก็ได้ ข้าจะเชื่อฟังตามที่ท่านอาจารย์บอก แน่นอนข้าไม่เคยประมาทต่อคำว่า วีรบุรุษใต้แผ่นฟ้า! เมื่อใดที่ข้าสำเร็จอาณาจักรนภาสวรรค์ได้ ข้าจะเดินทางไปยังมหาพิภพถงเทียนและตามหาท่านแน่นอน!”

ไป๋เฉินเอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมสายตาอันแน่วแน่

เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า

“ดีมาก! เช่นนั้นอาจารย์คนนี้จะรอเจ้าอยู่ในมหาพิภพถงเทียน!”

คล้ายนึกอะไรได้ขึ้นมาฉับพลัน สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนดูเคร่งขรึมขึ้นทันที

“โอ้ใช่แล้ว ก่อนที่เจ้าจะสำเร็จอาณาจักรราชันพระเจ้า เจ้าห้ามทำตัวผิดปกติเด็ดขาด! หากเซียนต่างแดนจากภายนอกเข้ามาอีก เจ้าต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น อย่ากระทำการอันใดให้เป็นการล่อแมวออกจากถุงเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?”

เห็นเย่หยวนกล่าวกำชับสีหน้าเคร่งเครียด ไป๋เฉินสัมผัสได้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ได้ทันทีและกล่าวว่า

“ศิษย์เข้าใจแล้ว! มั่นใจได้เลย อนาคตต่อไป ข้าจะเก็บหัวเก็บหางของตนไว้เป็นอย่างดี”

ดินแดนยิบย่อยแต่ละแห่งล้วนเป็นดังห้องเก็บสมบัติอันไร้สิ้นสุด ทั้งนี้ยังเป็นสถานที่ที่ดีมากสำหรับการออกมาฝึกปรือของเหล่าศิษย์สาวกจากมหาพิภพถงเทียน

แต่ถ้าหากดินแดนแห่งนี้กระทำการอะไรบางอย่างจนหลุดจากการควบคุมของเมืองหวูเมิ่ง เจ้าเมืองไม่ยอมปล่อยปละเรื่องนี้ไปเฉยๆแน่นอน

ดีไม่ดี หากเจ้าเมืองเดินทางเข้าสู่ดินแดนนภาบรรพตเป็นการส่วนตัว ไป๋เฉินจะตกอยู่ในอันตรายทันที

“เอาล่ะ นี่สายมากแล้ว ถึงเวลาที่อาจารย์ต้องไปแล้ว!”

เมื่อกล่าวจบ เย่หยวนก็เตรียมจากไปทันที

“เดี๋ยวก่อนท่านอาจารย์!”

ไปเฉินเรงหยุดเย่หยวนไว้ทันที ก่อนหันไปหามู่เจี้ยนและกล่าวถามว่า

“วังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์มีศิลาชีวิตนิจนิรันดร์อยู่หรือไม่?”

มู่เจี้ยนมิกล้ามีเจตนาปกปิดและรีบกล่าวตอบไปตามจริงว่า

“ศิลาชีวิตนิจนิรันดร์หายากเกินความสามารถ หลังจากหยิบใช้กันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปัจจุบันเหลือแค่…สามก้อนเท่านั้น”

คิ้วของไป๋เฉินกระตุกขึ้นทันใด มู่เจี้ยนหน้าถอดสีอีกระลอกพร้อมใจสั่นระรัว

เห็นได้ชัดว่า ไป๋เฉินหาได้มีความสุขไม่

“ช่างเถอะ เอามาให้หมด!”

ไป๋เฉินกล่าวน้ำเสียงเย็นชา

ของล้ำค่าขนาดนี้มู่เจี้ยนต้องเก็บไว้กับตัวโดยธรรมชาติ

ในทันทีทันใด เขารีบหยิบศิลาสีขาวน้ำนมออกมาสามชิน นั้นคือศิลาชีวิตนิจนิรันดร์

ไป๋เฉินส่งมอบทั้งสามให้แก่เย่หยวนและกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ว่า

“ศิลาชีวิตนิจนิรันดร์หายากเกินศิษย์คนนี้จะนำมาให้ได้ หลังจากนี้ ยามข้าควบคุมเต๋าแห่งดินแดนนี้ได้คล่องแคล่ว ข้าจะตามเก็บสะสมศิลาชีวิตนิจนิรันดร์ และไปพบท่านอาจารย์อีกครั้ง!”

เย่หยวนเองก็ไม่สุภาพเช่นกันพร้อมรับมันไว้ทันที

เรื่องอื่นใดเขาหาได้สนใจไม่ เพียงแต่ศิลาชีวิตนิจนิรันดร์เหล่านี้ เป็นสิ่งที่เขาต้องการยิ่งกว่าสิ่งใด

“เอาล่ะ อาจารย์ของรับไว้ด้วยความเต็มใจ ลาก่อน!”

เมื่อกล่าวจบ ร่างของเย่หยวนก็อันตรธานหายไปทันทีจากจุดที่ยืนอยู่