ตอนที่ 93 เจ้าไม่อยู่ร่วมงานแต่งงานของข้าก่อนหรือ?

ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘

คราวนี้ก็ไม่ยาก เป็นโรคทางที่เธอถนัด เธอรีบสั่งยาแล้วรักษา ไม่ถึงครึ่งเดือน ลวี่ฮูหยินก็หายเป็นปกติ

ลวี่ฮูหยินซาบซึ้งใจมาก นางเข้ากับกู้จิ้งได้ดีจนสนิทสนมกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ ดังนั้นจึงแบ่งเครื่องประดับและตัดเสื้อผ้าใหม่ให้เธอไม่น้อย

“ในที่สุดข้าก็จะได้เป็นพระชายาของเขาแล้ว…” ลวี่ฮูหยินทอดถอนใจกับเงาของตัวเองในกระจก

“ยินดีด้วย” กู้จิ้งพอจะรู้กฎเกณฑ์ในสมัยโบราณอยู่บ้าง การที่อนุอย่างลวี่ฮูหยินกลายมาเป็นพระชายาอู่อ๋องได้ เรียกได้ว่าเป็นความก้าวหน้าขั้นก้าวกระโดดเลยทีเดียว

“เจ้าไม่อยู่ร่วมงานแต่งงานของข้าก่อนหรือ?” ลวี่ฮูหยินหันมายิ้มให้ แถมยังขยิบตาให้กู้จิ้งอย่างสนิทสนม

“ฉันอยากอยู่นะ แต่คุณชายลั่วบอกว่าเขาต้องไปแล้ว ถ้าพลาดจากขบวนรถของเขา ฉันก็จะไม่มีรถให้อาศัยอีก”

กู้จิ้งช่วยคุณชายลั่วเอาไว้ คุณชายลั่วย่อมซาบซึ้งใจมาก เขามาขอบคุณกู้จิ้งหลายครั้ง ไม่นานนักก็เริ่มสนิทสนมกัน เธอได้ยินว่าคุณชายลั่วจะไปจากปิ้งโจว บังเอิญตัวเธอเองก็อยู่ที่ปิ้งโจวจนเบื่อแล้ว กำลังคิดจะออกไปเที่ยวชมโลกภายนอกอยู่พอดี ดังนั้นจึงตกลงใจว่าจะติดตามเขาไปด้วย

จริงๆ แล้วการทำแบบนี้ก็เหมือนกับทวงบุญคุณอยู่หน่อยๆ แต่เธอเป็นเพียงผู้หญิงอ่อนแอ ต่อให้มีของวิเศษคอยช่วยเหลือก็ไม่ปลอดภัยนัก แต่หากมีคุณชายลั่วซึ่งซาบซึ้งในบุญคุณของเธอที่ช่วยชีวิตเอาไว้คอยปกป้อง เธอก็จะนั่งกินนอนกิน เดินทางท่องเที่ยวไปทั่วได้อย่างสบายใจ

“จะว่าไปก็ใช่” ลวี่ฮูหยินเสียดาย แต่นางเองก็ตระหนักดีว่าบนโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ ดังนั้นจึงหันไปจมอยู่กับความยินดีที่ตนเองกำลังจะได้เป็นพระชายาของอู่อ๋องแทน

“ครั้งนี้เราแต่งงาน เซียวชูอวิ๋นจะมาร่วมงานแต่งงานของเราที่ปิ้งโจวด้วย” ลวี่ฮูหยินนึกถึงเซียวชูอวิ๋นขึ้นมาก็ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น

“เขาเป็นใครหรือ?” เซียวชูอวิ๋นที่ใครๆ พูดถึงกันอย่างนั้นรึ?

“อ้อ เขาเป็นคนดีมาก” ลวี่ฮูหยินชื่นชมเซียวชูอวิ๋นมาก “ตอนนั้นท่านอ๋องต้องลงทุนลงแรงไปไม่น้อยกว่าจะเชิญเขามาช่วยเหลือได้ ข้าเองก็เคยติดตามท่านอ๋องไปขอร้องมารอบหนึ่งกว่าจะเกลี้ยกล่อมเขาได้สำเร็จ”

“เอ่อ?” กู้จิ้งไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่

“ข้ากับเขาเคยเป็นเพื่อนสนิทกัน” พูดถึงอดีต ลวี่ฮูหยินก็ต้องถอนใจออกมา “จริงๆ แล้วเมื่อก่อนข้าเคยเป็นองครักษ์หญิงข้างกายเว่ยอ๋อง เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเซียวชูอวิ๋น”

กู้จิ้งได้ยินเช่นนี้ก็ประหลาดใจมาก ใจคิดว่าผู้หญิงที่ทั้งงดงามทั้งบอบบางอย่างลวี่ฮูหยินเคยเป็นองครักษ์หญิงอย่างนั้นรึ? แต่เธอก็แค่ประหลาดใจอยู่ครู่เดียวเท่านั้น เพราะเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ

ลวี่ฮูหยินรู้สึกว่าตัวเองพูดมากเกินไป นางจึงหยุดพูดแล้วหันมายิ้มให้แทน

“พรุ่งนี้เจ้าจะออกเดินทางแล้ว ต้องการอะไรก็บอกมาได้เต็มที่ ข้าจะจัดหาให้เจ้าเอง”

“ได้ ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนฮูหยินแล้ว” ในเมื่อลวี่ฮูหยินพูดเช่นนี้ กู้จิ้งก็ไม่คิดจะเกรงใจ ว่าแล้วเธอเรียกร้องทั้งเงินทั้งอาหารโดยไม่เกรงใจสักนิด

 

หลังจากเซียวเถี่ยเฟิงกลับมาถึงปิ้งโจว เขาไปพบอู่อ๋องที่จวนอ๋องก่อน จากนั้นจึงออกไปตรวจกำลังทหารที่นอกเมือง บ่ายวันรุ่งขึ้นถึงได้กลับเข้าเมืองมาร่วมงานแต่งงานของอู่อ๋อง

ตอนเข้าเมือง ม้าของเขาสวนกับขบวนรถของตระกูลลั่วแห่งเหอหนานเข้าพอดี ทำให้เขาอดคิดถึงโอสถทิพย์สองเม็ดของกู้จิ้งที่หายไปไม่ได้

แต่เขาก็เพียงแค่คิดเท่านั้น เซียวเถี่ยเฟิงชักม้าตรงไปที่จวนของอู่อ๋อง ตอนที่ไปถึงพิธีแต่งงานดำเนินไปกว่าครึ่งแล้ว รอบด้านเต็มไปด้วยเสียงประทัดและเสียงหัวเราะ ทั่วทั้งจวนถูกประดับประดาด้วยผ้าสีแดง ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่น

ชายหนุ่มก้าวตรงไปยังห้องโถงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม คนที่รู้จักเขาต่างก็หันมามองเขาด้วยความเคารพยำเกรง

แต่เขากลับเดินตรงเข้าไปพบอู่อ๋องในเรือนหลังโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น

อู่อ๋องผู้เป็นเจ้าบ่าวแต่งกายด้วยชุดเสื้อผ้าสีแดง พอเห็นเซียวเถี่ยเฟิง…เซียวชูอวิ๋นเข้ามาก็รีบเดินไปหา “ข้าบอกแล้วว่าให้ท่านมาปิ้งโจวเสียแต่เนิ่นๆ แต่ท่านก็ไม่มา หากไม่ใช่ครั้งนี้ข้าแต่งงานกับลวี่หลัว ท่านก็คงยังไม่ยอมมาสินะ? ลวี่หลัวบอกว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้ท่านมาเป็นพยานให้ได้”

เซียวเถี่ยเฟิงเห็นอู่อ๋องมีสีหน้าสดใสก็เอ่ยปากแสดงความยินดีคำหนึ่ง

อู่อ๋องลากเซียวเถี่ยเฟิงไปร่วมงานเลี้ยง ผู้คนซึ่งกำลังดื่มกินกันอย่างครึกครื้นหันมาเห็นเซียวเถี่ยเฟิงเข้าก็นิ่งเงียบไปทันที จากนั้นจึงทยอยลุกขึ้นคารวะอย่างระมัดระวัง

เขาเคยเป็นเทพแห่งความตายที่ผู้คนในต้าเจาเพียงแค่ได้ยินชื่อก็อกสั่นขวัญแขวน คิดไม่ถึงว่าผ่านไปหลายปี ทุกคนก็ยังหวั่นเกรงเขาถึงเพียงนี้ เรียกได้ว่ากลัวเขายิ่งกว่ากลัวอู่อ๋องเสียด้วยซ้ำ

งานเลี้ยงดำเนินไปได้ครึ่งหนึ่ง เซียวเถี่ยเฟิงมองแขกซึ่งนั่งอยู่เต็มห้องโถงกับผ้าสีแดงสดใสแล้วก็อดถามอู่อ๋องซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ไม่ได้

“ลวี่หลัวอยู่ข้างกายท่านอ๋องมาหลายปีแล้ว ทำไมจู่ๆ ถึงได้จัดงานแต่งงานเล่า?”

ตามความคิดของเขา ในเมื่ออยู่ด้วยกันมานานแล้ว ทำไมถึงต้องทำอะไรให้ยุ่งยากแบบนี้ด้วย?

อู่อ๋องเมาไปแล้วเจ็ดส่วน พอได้ยินเช่นนี้ก็ยกจอกขึ้นหัวเราะเบาๆ จากนั้นจึงส่ายหน้าพลางทอดถอนใจ

“ท่านนี่น้า ไม่รู้ใจผู้หญิงเสียบ้างเลย”

“ใจผู้หญิง?”

เซียวเถี่ยเฟิงขมวดคิ้ว ผู้หญิงคิดอะไรอย่างนั้นรึ?

อู่อ๋องดื่มสุราในจอกก่อนจะกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “เรื่องแต่งงานย่อมต้องมีพิธีการ มีแต่ต้องเข้าพิธีแล้วเท่านั้นผู้หญิงถึงจะรู้สึกว่าแต่งงานกับท่านแล้วจริงๆ ไม่อย่างนั้นนางก็จะไม่สบายใจเสียที เรื่องนี้ผู้ชายอาจไม่ใส่ใจ แต่ผู้หญิงใส่ใจ ในเมื่อนางใส่ใจ ถ้าท่านไม่ทำให้นางพอใจ ต่อให้ปากนางไม่พูด ในใจก็อาจเคียดแค้นท่านไปชั่วชีวิต”

เซียวเถี่ยเฟิงได้ยินเช่นนี้ จู่ๆ ก็นึกถึงงานแต่งงานที่กู้จิ้งเคยไปเป็นประธานเมื่อครั้งอยู่บนเขาเว่ยอวิ๋นขึ้นมา

ครั้งนั้นพวกเขายืนอยู่นอกหมู่บ้าน ตามองไปยังบริเวณที่มีแสงไฟส่องสว่าง ตอนนั้นนางเหมือนจะเหม่อลอยไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า ที่แท้การแต่งงานบนโลกก็ครึกครื้นถึงเพียงนี้

เขาเองก็เคยพูดว่า เรามาจัดพิธีแต่งงานกันบ้างดีไหม แต่นางบอกว่าไม่ต้อง

เป็นไปได้ไหมว่าปากนางพูดว่าไม่ต้อง แต่จริงๆ แล้วก็อยากมีพิธีแต่งงานบ้าง?

อู่อ๋องซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างเห็นเซียวเถี่ยเฟิงอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนสีหน้า จึงรีบถามว่า “เป็นอะไรไปหรือ?”

เซียวเถี่ยเฟิงสูดหายใจลึกอย่างยากลำบาก เสียงที่พูดสั่นเครือ “ไม่มีอะไร บางทีอาจเป็นเพราะแผลเก่ากำเริบก็เลยเจ็บอกขึ้นมา”

อู่อ๋องส่ายหน้าพลางถอนใจ “ข้าบอกให้ท่านกลับมาตั้งนานแล้ว แต่ท่านไม่ยอมฟัง ข้ารู้จักหมอเทวดาคนหนึ่ง ยังคิดจะให้นางตรวจอาการของท่านดู”

เซียวเถี่ยเฟิงขมวดคิ้ว “หมอเทวดา หมอเทวดาที่ไหนกัน?”

สีหน้าอู่อ๋องเต็มไปด้วยความเสียดาย “ท่านตามหาหมอเทวดาอยู่ไม่ใช่หรือ? ถึงหมอเทวดาที่ท่านตามหาแซ่กู้ ทว่าคนนี้แซ่เฉิน แต่อย่างน้อยก็เป็นหมอเทวดา แถมเป็นหมอเทวดาผู้หญิงเหมือนกันด้วย”

“หมอเทวดาผู้หญิง? นางทำอะไรหรือ?”

อู่อ๋องรีบเล่า “ครั้งนี้ลวี่หลัวไม่สบาย ข้าได้ยินมาว่าตระกูลลั่วแห่งเหอหนานมียาวิเศษขนานหนึ่งก็เลยสั่งให้คนไปเอามา คิดไม่ถึงว่าหลังจากลวี่หลัวกินยาเทวดานั่น อาการป่วยกลับทรุดหนักยิ่งกว่าเดิม โชคดีที่ได้หมอเทวดาหญิงคนนี้! เห็นนางอายุยังน้อย ไม่คิดเลยว่าจะเก่งกาจถึงเพียงนี้?”

หัวใจของเซียวเถี่ยเฟิงกระตุกวูบ เขารีบเอ่ยถามว่า “นางแซ่เฉินหรือ?”

“ใช่ แซ่เฉิน!”

“นางหน้าตาเป็นอย่างไร? สูงแค่ไหน? สำเนียงพูดเป็นอย่างไร?”

“หน้าตางั้นหรือ ก็ไม่เลว แต่ไม่สวยเหมือนลวี่หลัวของข้า รูปร่างสูง สูงกว่าลวี่หลัวประมาณนี้… ส่วนสำเนียงพูด เอ๋…สำเนียงพูดของนางคล้ายกับท่านอยู่บ้าง!”

หมอเทวดาหญิง รูปร่างสูง สำเนียงพูดคล้ายกับเขา…

หัวใจของเซียวเถี่ยเฟิงเต้นแรง เขาคว้าแขนของอู่อ๋องเอาไว้แน่น “ตอนนี้นางอยู่ที่ไหน?!”

อู่อ๋องสะดุ้งด้วยความตกใจ เขาไม่เคยเห็นเซียวเถี่ยเฟิงเป็นแบบนี้มาก่อน “นาง…นางไปแล้ว!”

“ไป? ไปที่ไหน!”

“ไป…ไป…” อู่อ๋องคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงได้กล่าวว่า “ดูเหมือนว่าจะตามขบวนรถของตระกูลลั่วไปแล้ว…”

คิดไม่ถึงว่าเขาเพิ่งพูดจบ เซียวเถี่ยเฟิงก็หายตัวไปอย่างรวดเร็วราวกับกระแสลมหอบหนึ่ง

“เกิด…เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นรึ?” อู่อ๋องยกมือขึ้นลูบเคราด้วยความงุนงง

 

เซียวเถี่ยเฟิงกัดฟันควบม้าไปข้างหน้า

เขาไม่มีเวลามาสนใจผู้คนซึ่งเดินอยู่เต็มท้องถนนอีก ม้าของเขาวิ่งผ่านแผงขายของ วิ่งผ่านรถม้าสูงขนาดครึ่งคน มุ่งหน้าไปยังประตูเมืองอย่างรวดเร็ว

ความวุ่นวายบังเกิดขึ้นทันที เสียงร้องเอะอะโวยวายดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่พอทุกคนรู้ว่าคนที่ควบม้าเร็วผู้นี้คือเซียวชูอวิ๋น พวกเขาก็พากันหุบปากเงียบ

ชื่อเสียงของเซียวชูอวิ๋น ไม่มีใครไม่เคยได้ยินมาก่อน

เซียวเถี่ยเฟิงควบม้าไปถึงหน้าประตูเมือง ตอนแรกทหารที่เฝ้าประตูจำเขาไม่ได้จึงตรงเข้ามาขัดขวาง แต่เซียวเถี่ยเฟิงตวัดแส้เพียงครั้งเดียว ร่างของทหารเฝ้าประตูเมืองก็กระเด็นไปทันที

ตอนอยู่บนเขาเว่ยอวิ๋น เขาคือเซียวเถี่ยเฟิงคนซื่อ ซื่อจนใครๆ เห็นว่าโง่

แต่ออกจากเขาเว่ยอวิ๋น เขาคือเทพแห่งความตายผู้เคยทำให้แผ่นดินนี้สั่นสะเทือน

เรื่องที่เขาคิดจะทำ ไม่มีใครบนแผ่นดินนี้สามารถขัดขวางได้