“ไอ้หัวล้านนั่นเหรอ ฉันไม่เคยเจอ” เจิ้งเย้าส่ายหัวอย่างไว “พวกเราเป็นแค่ชาวบ้านที่แค่มาบังเอิญเจอพวกนี้ แล้ว—–“

 

พ้ะ!

อู๋หยูเฉียงเป็นคนใจร้อน เขาให้รางวัลตอบแทนแก่เจิ้งเย้าด้วยลูกตบเข้าที่หน้า “กูรู้ทันมึง อย่ามาตอแหลกับกู กูถามว่าพวกมันใช่ทหารมั้ย?”

 

“ชะ ใช่ ใช่พวกมันเป็นทหาร” เจิ้งเย้ารีบเอามือประกบหน้าด้านที่ถูกตบด้วยความเจ็บ และในขณะเดียวกันในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าจริงๆแล้วอีกฝ่ายต้องการอะไร

 

“โง่เง่า!” อู๋หยูเฉียงไม่คิดปิงบังคำพูดถากถางของเขาและยังคงถามต่อ “แสดงว่านี้ก็คือกองทัพทหารจริงๆ? แล้วชูฮันที่พวกนั้นพูดถึงก็คือหัวหน้าของกลุ่มทหารพวกนั้น?”

 

“ชะ ใช่” อีกครั้งที่เจิ้งเย้าพยักหน้ารัวๆและไม่กล้าจะพูดอะไรอีก

 

“แล้วแกได้เห็นคนที่ชื่อว่าชูฮันนั่นมั้ย?” อู๋หยูเฉียงถามต่อ

 

“แล้วความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรขนาดนั้น ก็แค่เพราะมีตำแหน่งสูงส่งอย่างพลเอกค้ำคอเท่านั้นแหละ” เจิ้งเย้าที่เมื่อเห็นช่องทางก็รีบคว้าโอกาสพูดอย่างใจคิด

 

เมื่อคิดได้เช่นนั้น อู๋หยูเฉียงก็หลุบตาลงคิด ยังไงอันดับของชูฮันก็ยังคงค้างอยู่ที่อันดับที่หนึ่งของรายชื่อระยะ 3 อยู่ ถึงแม้จะรู้ว่าตอนนี้ความจริงแล้วชูฮันจะเป็นวิวัฒนาการะยะ 4 แต่ความคิดของเขาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงเพราะถึงอย่างไรตัวเขาก็อยู่ในรายชื่อของวิวัฒนาการระยะ 5 แต่ชูฮันกลับอยู่แค่ในรายชื่อของระยะ 3 เท่านั้นแต่กลับได้เป็นถึงพลเอก นี่มันหยามกันชัดๆ ใครในซางจิงเป็นคนทำการตัดสินใจเรื่องนี้กัน น่าสมเพช! นี้มันกลุ่มคนที่ไม่มีตัวตนหรือความสามารถอะไร มีแต่พวกขยะทั้งนั้น!

 

“ฉันได้เห็นแล้ว” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกลัวของเจิ้งเย้าดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ขัดจังหวะอู๋หยูเฉียงที่กำลังใช้ความคิดอยู่ข้ึนมา

 

“อะไร?” อู๋หยูเฉียงไม่ได้ยินว่าเจิ้งเย้าพูดอะไร แววตาของอู๋หยูเฉียงแข็งกร้าว ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น “แกเคยเจอชูฮันมั้ย?”

 

“ใช่ ฉันเคยเจอเขา” เจิ้งเย้าตกใจและเมื่อได้สติเธอก็รีบตอบคำถามอย่างรวดเร็ว “เขาพากองทัพมาที่นี้”

 

ชูฮันมากับกองทัพจริงๆด้วย!

 

อู๋หยูเฉียงประหลาดใจอยู่ในอก หากไม่นานจังหวะหัวใจของอู๋หยูเฉียงก็กลับมาเต้นที่จังหวะเดิมและค่อยๆเดินเข้าไปก้มลงบีบคางของเจิ้งเย้าไว้ “เอาแบบเนื้อๆ มีคนทั้งหมดกี่คนในกองทัพ? ใครคือที่เป็นทหารระดับสูงบ้าง? พลังการต่อสู้ของพวกมันคือเท่าไหร่? ประเด็นก็คือพวกมันมาทำอะไรในหลิงเฉิง?”

 

พลันแววตาของเจิ้งเย้าก็เปลี่ยนพร้อมกับมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้า “ถ้าฉันบอก นายจะให้รางวัลฉันได้มั้ย?”

 

อู๋หยูเฉียงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะดึงตัวเองกลับมา เขาหันไปจ้องเขม็งใส่เจิ้งเย้า “แล้วแกอยากได้รางวัลอะไร?”

 

“ไม่มาก ไม่มากอะไร” แววตาของเจิ้งเย้าเป็นประกาย “ขออาหารให้ฉัน มีน้ำ โอ๊ะใช่ มีคริสตัล ฉันอยากได้คริสตัลของซอมบี้ระยะ 3”

 

หลังจากพูดไปเจิ้งเย้าก็มองไปที่อู๋หยูเฉียงด้วยสายตาคาดหวัง ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าคริสตัลพวกนี้จะเอาไปทำอะไรได้ แต่เธอเห็นกูเหลียงเฉินและคนอื่นๆเก็บซอมบี้เมื่อฆ่าซอมบี้ได้ เพราะงั้นเธอเดาเอาว่ามันคงเป็นของที่มีมูลค่ามากแน่นอน!

 

อู๋หยูเฉียงแสยะยิ้ม “ถ้าแกบอกความจริงกับฉัน ฉันจะให้คริสตัลซอมบี้ระยะ 4 ด้วยซ้ำ”

 

ขณะพูดอู๋หยูเฉียงก็หยิบคริสตัลของซอมบี้ระยะ 4 ออกมาจากกระเป๋าเป้ข้างหลังและโยนคริสตัลสองสามชิ้นไปตรงหน้าเจิ้งเย้า

 

เจิ้งเย้ารีบมองตามไปทันที มันคือคริสตัลที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน มันมีขนาดใหญ่กว่าคริสตัลของซอมบี้ระยะ 3 ถึงสีจะดำแต่มันกลับเปล่งประกายแววเหมือนกับเพชร หัวใจของเจิ้งเย้าลิงโลดด้วยความดีใจเหมือนกับเธอพึ่งได้ลาภก้อนใหญ่เข้าปาก กูเหลียงเฉินและคนอื่นๆสามารถฆ่าได้แค่ซอมบี้ระยะ 3 เท่านั้น แถมยังต้องใช้กำลังจากทั้งกองทัพเพื่อจัดการกับซอมบี้ระยะ 3 อีก ทั้งต้องล่อหลอกและคอยป้องกัน ใช้เวลาตั้งครึ่งวันกว่าจะฆ่าซอมบี้ระยะ 3 ได้ แต่ผู้ชายคนตรงหน้ากลับสามารถหยิบคริสตัลซอมบี้ระยะ 4 ออกมาให้เธอได้!

 

“เย้” สีหน้าของเจิ้งเย้าแสดงออกชัดเจนถึงความโลภและการประจบสอพลอ เธอลืมลูกตบที่โดนไปก่อนหน้านี้แล้วสิ้นเชิง “เดิมทีกองทัพพวกมันมีกัน 100 คน แล้วพวกเราที่พลัดถิ่นมาก็เข้าร่วมกับพวกมัน ตอนนี้ทั้งกองทัพมีทั้งหมด 160 คน ส่วนเรื่องพลังต่อสู้นั้นฉันไม่รู้เลย แต่ฉันเห็นพวกมัน 100 คนสามารถฆ่าซอมบี้ได้ 1,000 ตัวต่อหน้าต่อตา มันเป็นภาพที่น่าสยองขวัยมาก มีแต่ซากศพ ซอมบี้หัวขาดเต็มไปหมด ตอนแรกฉันคิดว่าพวกซอมบี้มันตายมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าความจริงจะเป็นฝีมือของทหาร 100 คนที่ฆ่าเอง”

 

“เข้าเรื่องซะที!” อู๋หยูเฉียงกัดฟันพูด พยายามอดกลั้นอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ เขามองไปที่เจิ้งเย้าด้วยสายตาเย็นชาจนเจิ้งเย้าที่เห็นก็ได้แต่หวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก

 

“คะ ค่ะ!” เจิ้งเย้าที่พึ่งได้สติกลับมารีบพูดต่อ “คนที่ชื่อชูฮันนั่น? ใช่ เขาเป็นพลเอกที่โด่งดังคนนั้น เขาเอาแต่โอ้อวดไม่หยุดปาก ส่วนคนอื่นๆฉันไม่รู้เรื่องอะไร มันมีพวกมียศมีตำแหน่งเต็มไปหมด ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก ฉันไม่รู้ แต่ฉันรู้ว่ามีพลตรีที่ชื่อว่าหลิวยู่ติงอยู่ด้วย”

 

หลังจากพูดจบเจิ้งเย้าก็หยุดมองดูปฏิกิริยาของอู๋หยูเฉียง เธอกลัวว่าเธอจะพูดอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจออกไป เพราะเธอต้องการอาหารและคริสตัล เพราะเช่นนั้นเธอต้องทำให้อีกฝ่ายพอใจให้มากที่สุด

 

อู๋หยูเฉียงตกอยู่ในภวังค์ความคิด จีนมีพลเอกทั้งหมดสิบห้าคน ชูฮันนั้นโด่งดังไปไกลทั่วทั้งจีน เป็นไปได้อย่างไรที่กองทัพเขาจะมีทหารแค่ 100 คนเท่านั้น? แถมยังมีแค่พลตรีคนเดียวในกองทัพ ไม่ใช่แม้แต่พลโทด้วยซ้ำ? หลิวยู่ติงคนนี้คือใคร เขาไม่เคยได้ยินชื่อคนคนนี้มาก่อน คาดว่าน่าจะไม่ใช่พวกเก่งกล้าอะไร

 

“หึ!” เขาคงประเมิณพลังของชูฮันนี่สูงเกินไป

 

เมื่อคิดได้เช่นนั้นอู๋หยูเฉียงก็ยิ้มออกมา พลันเขาก็หยิบเอาอาหารและน้ำเล็กน้อยออกมาจากกระเป๋า “ดี กินแล้วก็พูดต่อซะ พวกมันมาทำอะไรในหลิงเฉิง”

 

“ขอบคุณนะคนหล่อ!” เจิ้งเย้ารับของเข้ามาในอ้อมแขนอย่างตื่นเต้น เธอเพียงจิบน้ำแค่เล็กน้อยหากยังไม่ได้เปิดอาหารกิน

 

ในกลุ่มของกูเหลียงเฉิน ถึงแม้ตลอดที่ผ่านมามันจะไม่ดีอย่างที่เธอคิดไว้ แต่เธอก็ไม่เคยถูกควบคุมอาหาร ตั้งแต่เกิดการปะทุของโลกาวินาศขึ้น ตลอดสองวันที่ผ่านมาในกองทัพเขี้ยวหมาป่าคือสองวันแห่งการกินของเจิ้งเย้า

 

แต่เจิ้งเย้าก็ยังไม่พอใจ ในเมื่ออาหารไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนพวกนั้น เพราะคนพวกนั้นมักจะได้ของอาหารจากคนอื่นที่หยิบยื่นให้เป็นของตอบแทนในการฆ่าซอมบี้ แล้วทำไมคนพวกนี้ถึงไม่ออกมาแบ่งอาหารให้เธอตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา?

 

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้น้ำเสียงของเจิ้งเย้าก็พลันแข็งกระด้างขึ้นมา “พวกมันมาทำอะไรในหลิงเฉิงงั้นเหรอ? หึ! มันเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะคนที่ชื่อว่าชูฮัน มันว่ามีซุปเปอร์ซอมบี้อยู่ที่นี้ มันให้เรามาที่นี้สามวัน นายว่ามันบ้ามั้ย มันซอมบี้มหาศาลอยู่ในเมืองนี้แล้วพวกเราส่วนใหญ่ก็เป็นแค่คนธรรมดากัน มันให้เรามาตามหาซุปเปอร์ซอมบี้ นี้มันจงใจมาปล่อยพวกเราให้ตายอยู่ที่นี้ชัดๆ!”