หลินฟานกับฉินหยู่ซวนไม่ได้เจอกันมาหนึ่งหรือสองเดือนแล้ว มันทำให้ทั้งสองรู้สึกเหมือนไม่ได้เจอกันเป็นปี
ทั้งสองกอดกันเป็นเวลานาน และพวกเขาก็ไม่อยากแยกออกจากกัน
“จ๊อก จ๊อก!”
แต่ในเวลานี้ ท้องของฉินหยู่ซวนก็ส่งเสียงร้องออกมาเบา ๆ
และมันก็ทำให้แก้มของเธอแดงขึ้นมาทันที ราวกับหยกสีเลือดที่เปร่งแสงระยิบระยับ
หลินฟานยิ้มและพูดว่า “เธอหิวใช่มั้ย งั้นเราไปกินข้าวกันก่อนเถอะ”
ฉินหยู่ซวนพยักหน้า
ร้านอาหารเจอีตั้งอยู่บนชายฝั่งของเมืองชางไห่ และเจอีก็เป็นหนึ่งในร้านอาหารตะวันตกที่หรูหราที่สุดในเมืองช่างไห่ด้วย
มีสภาพแวดล้อมที่สวยงามและเงียบสงบ
การตกแต่งก็หรูหราและอลังการ
และในขณะที่นั่งอยู่ในร้านอาหาร พวกเขาก็ยังสามารถมองเห็นวิวของเมืองได้ง่ายๆเพียงแค่มองผ่านหน้าต่างไป
ทำให้ระหว่างกินสามารถเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ได้… ซึ่งเมื่อควบคู่ไปกับสภาพแวดล้อมที่สวยงามและเงียบสงบ ก็ทำให้ผู้คนมากมายได้รับความเพลิดเพลินจนถึงขีดสุด
ตอนนี้ หลินฟานกับฉินหยู่ซวนนั่งมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มอันแสนหวาน
และหลังจากเสียงดนตรีอันไพเราะในร้านอาหารเจอีดังขึ้นมา ฟัวกราส์ทอดคุณภาพเยี่ยม หอยทากชั้นดี เห็ดทรัฟเฟิล คาเวียร์สีดำคุณภาพสูง ก็ถูกนำมาเสิร์ฟ
จากนั้น หลินฟานก็เทลาฟิต 1982 ลงในแก้ว และยกขึ้นมาชนกับฉินหยู่ซวนเบา ๆ
ไวน์ชั้นดี อาหารรสเลิศ คนรัก
ทุกอย่าง…ลงตัวและสวยงามไปหมด
…………
โรงแรมแชงกรีลา เพรสซิเดนเชียล สวีท
อาจเป็นเพราะเธอดื่มไวน์มากไป
ฉินหยู่ซวนจึงหน้าแดงและคอตกอยู่ตลอดเวลา
หลินฟานมองดูเธอด้วยความเขินอาย เธอเหมือนกับกระต่ายน้อยน่ารัก และสิ่งนี้ก็ทำให้หัวใจของเขาชุ่มชื่นเป็นอย่างมาก
“เธอง่วงแล้วใช่มั้ย เราไปอาบน้ำกันดีกว่า”
“ฉู่!”
เสียงน้ำของแชงกรีลาดังขึ้นตลอดทั้งคืน
…………
วันถัดไป.
ดวงอาทิตย์ส่องแสงจ้า เครื่องบินลำใหญ่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า
ฉินหยู่ซวนค่อยๆลืมตาขึ้น
ซึ่งเมื่อหลินฟานเห็น เขาก็ลูบผมที่อ่อนนุ่มของเธอและพูดว่า “ตื่นแล้วหรอ เมื่อคืนเธอใช้แรงไปเยอะเลยนะ กินอะไรเพิ่มพลังหน่อยมั้ย”
เมื่อฉินหยู่ซวนได้ยิน หน้าที่สวยงามและขาวราวกับหิมะของเธอก็แดงขึ้นทันที มันเป็นเพราะลาฟิตที่ดื่มไปเมื่อคืนนี้ จึงทำให้เธอขึ้นขย่มหลินฟานได้อย่างยาวนาน
หลังจากผ่านไปซักครู่ ฉินหยู่ซวนก็ได้กินบะหมี่ต้มยำชามใหญ่และดื่มนมถั่วเหลืองอีกหนึ่งกล่อง ทำให้ตอนนี้ใบหน้าของเธอสดใสอย่างมาก
และหลังจากที่รับประทานอาหารแล้ว เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอ่านข้อความตามปกติ
จากนั้น ฉินหยู่ซวนก็ได้พบว่าอาจารย์ผู้สอนได้ส่งข่าวเข้ามาในกลุ่มมากมาย
ก้องหลิง: นักศึกษารู้ไหม? ว่าเมื่อวานนี้ เราเกือบจะคิดทฤษฎีใหม่ขึ้นได้ที่มหาวิทยาลัยของเราแล้ว! ทุกคนเข้าใจใช่มั้ยว่านี่หมายความว่าอะไร?
ก้องหลิง: นี่หมายความว่าหมาวิทยาลัยของเรามีแนวโน้มที่จะได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์!
ก้องหลิง: ฉันไม่เคยเห็นเด็กที่มีความสามารถทางคณิตศาสตร์ขนาดนี้มาก่อน!
ก้องหลิง : แต่อย่างไรก็ตาม เด็กชายคนนั้นกลับยอมแพ้เพราะได้รับโทรศัพท์จากแฟนสาว!
ก้องหลิง: มัน… น่าโมโหจริงๆ! ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลายๆคนบอกว่าผู้หญิงเป็นภัยพิบัติของประเทศและประชาชน! นี่คือตัวอย่าง! นักศึกษาระวังอย่าให้เป็นแบบนี้ด้วยล่ะ!
…………
ทันทีที่ฉินหยู่ซวนเห็นสิ่งนี้ เธอก็รู้สึกประหลาดใจ “เนื่องจากแฟนสาวโทรมา เลยละทิ้งการแก้ไขเศรษฐศาสตร์งั้นหรอ เขาทำแบบนี้ได้ยังไง!”
ซึ่งเมื่อหลินฟานได้ยิน เขาก็รู้สึกคุ้นๆกับประโยคเหล่านี้
เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์มือถือของฉินหยู่ซวน
ฉินหยู่ซวนกล่าวต่อ: “แฟนสาวของเขาเป็นภัยพิบัติสำหรับประเทศและประชาชนจริงๆ!”
เนื่องจากฉินหยู่ซวนเป็นนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์และเป็นนักศึกษาของก้องหลิง เธอเลยได้รับอิทธิพลแนวคิดต่างๆมาจากก้องหลิง
เธอมีความสนใจเกี่ยวกับสูตรของทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อย่างมาก
หากจำทฤษฎีและสูตรต่างๆได้ ปัญหามากมายก็จะถูกแก้อย่างง่ายดาย
และรางวัลโนเบลก็ถือว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดในความคิดของเธอ!
“ค่อกแค่ก ค่อกแค่ก!”
หลินฟานไอออกมาอย่างรุนแรง
ภัยพิบัติของประเทศและประชาชน?
หลินฟานสงสัยว่าเขาควรจะบอกกับฉินหยู่ซวนดีหรือไม่ ว่าผู้หญิงคนนั้นที่เป็นภัยพิบัติของประเทศและประชาชนก็คือตัวของเธอเอง
ถ้าเธอรู้…..เธอจะทำหน้ายังไงนะ
ฉินหยู่ซวยตบหลังของหลินฟานและพูดว่า “หลินฟาน นายเป็นอะไร”
“ไม่… ฉันไม่ได้เป็นไร” หลินฟานพูดพร้อมกับโบกมือ
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เขาก็พูดต่อ “ว่าแต่ เมื่อวานนี้ เธอบอกว่าจะคุยกับฉันใช่มั้ย เรื่องอะไรล่ะ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ฉินหยู่ซวนก็พูดออกมาตรงๆ “เรื่องนั้น…คือ….เดิมทีฉันคิดว่าจะกลับไปที่เจียงเป่ยหลังจากสำเร็จการศึกษา”
“เพราะฉันอยากจะอยู่กับนาย”
“แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน พี่สาวสองคนของฉันได้ชวนให้ฉันมาร่วมก่อตั้งบริษัทลงทุนในเมืองชางไห่ด้วยกัน… และพี่เลี้ยงของฉันก็สนับสนุนเรื่องนี้มากด้วย”
“ฉันเลยอยากจะถามความเห็นของนาย”
ฉินหยู่ซวนไม่ชอบอะไรที่มันสบายเกินไป เธออยากจะต่อสู้ไปในทางของเธอเอง
จุดนี้……
สังเกตได้จากการศึกษาอย่างเอาเป็นเอาตายของเธอ และสิ่งๆนั้น ก็ได้ส่งผลให้เธอกลายเป็นเจ้าหญิงแห่งเศรษฐศาสตร์มาจนถึงทุกวันนี้
หลินฟานกล่าวว่า “เจียงเป่ยอยู่ไม่ไกลจากชางไห่ ขอแค่เธอบอกว่าอยากเจอฉัน ฉันก็สามารถมาหาเธอได้ตลอดเวลา ”
“เธอทำในสิ่งที่เธอต้องการเถอะ”
ซึ่งเมื่อฉินหยู่ซวนได้ยิน เธอก็กระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของหลินฟานทันทีและพูดว่า “ขอบคุณมากเลยนะ หลินฟาน”
“ยัยบ๊อง การสนับสนุนอาชีพของเธอคือสิ่งที่ฉันควรทำอยู่แล้ว จะมาขอบคุณฉันทำไม” หลินฟานยิ้ม “ว่าแต่ เธอจะตั้งบริษัทที่ไหนล่ะ”
ฉินหยู่ซวนพูด “พี่สาวสองคนของฉันนัดกันไว้ว่าจะไปดูพื้นที่วันนี้ แล้วค่อยคอนเฟิร์มอีกที”
หลินฟานพยักหน้าและพูดว่า “เข้าใจแล้ว งั้นฉันขอไปดูกับเธอด้วยคนนะ”
“ได้สิ!” ฉินหยู่ซวนตอบกลับอย่างมีความสุข
จากนั้นหลินฟานกับฉินหยู่ซวนก็มาที่ร้านกาแฟสตาร์บัคใต้ตึกที่นัดกับพี่เอาไว้
และในเวลานี้ ก็มีผู้หญิงสองคนที่มีใบหน้าสวยงามในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกำลังถือกาแฟและมองดูเอกสารอยู่ด้านใน
พวกเขาก็คือ…พี่สาวทั้งสองของฉินหยู่ซวน
ถึงแม้ว่ารูปร่างและรูปลักษณ์ของสองคนนี้จะมีบางอย่างที่แตกต่างกับฉินหยู่ซวนก็ตาม
แต่มูลค่าหน้าตาก็เกิน 85 คะแนนขึ้นไปอย่างแน่นอน… นี่อาจจะไม่ใช่สาวงามล้มเมือง แต่แค่นี้ก็ถือว่าหายากแล้ว
“หยู่หยวน เธอมาแล้วหรอ”
“กินข้าวเช้ามาหรือยัง”
ทั้งสองทักทายกันทีละคน
จากนั้น ฉินหยู่ซวนก็พูดขึ้น “หนูกินอาหารเช้ามาแล้ว…ส่วนนี่ก็คือแฟนของหนู หลินฟาน
เธอแนะนำต่อ “ส่วนนี่ก็คือพี่สาวของฉัน พี่ลู่กับพี่หยาน ”
หลินฟานพูดทักทาย “สวัสดีครับ”
พี่ลู่พูด “หลินฟาน ความสามารถในการจีบของนายคงจะเทพมากแน่ๆ ถึงสามารถคว้าน้องสาวที่น่ารักของฉันไปคลองได้ ”
“ไม่เกี่ยวหรอก สาเหตุหลักมาจากใบหน้าอันหล่อเหลาของผมต่างหาก” หลินฟานพูด
“ฮาฮาฮา!” พี่ลู่แทบไม่ยิ้ม “ฉันว่าหน้านายคงไม่ได้หล่ออย่างเดียว แต่หน้านายก็ยังหนามากอีกด้วย”
จากนั้น พี่หยางที่นั่งอยู่ข้างๆก็ได้พลิกดูแฟ้มในมือของเธอแล้วพูดว่า “ไปกันได้แล้ว เราไปดูอาคารสำนักงานที่อยู่แถวนี้แล้วตัดสินใจกันเถอะว่าจะเช่าตรงไหน”
พี่ลู่และฉินหยู่ซวนพยักหน้าทันที เพราะนี่คือจุดประสงค์ของพวกเธอที่ออกมาในวันนี้