เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1259 หนึ่งต่อห้า (2)

 

แปลโดย iPAT

 

 

ลูกพลัมแดงอมตะยี่สิบผลถูกใช้ไปในครั้งเดียว

 

 

วินาทีต่อมาไฟสีเลือดก็หายไปอย่างสมบูรณ์ ฟางหยวนกลับสู่สภาพเดิม

 

 

‘เห้อ…’

 

 

‘บุรุษคนก่อนหน้าใช้ได้รับร่างมนุษย์เท่านั้น เมื่อข้าเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่น ข้าไม่สามารถใช้วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้าได้โดยตรง นี่ค่อนข้างลำบาก’

 

 

‘นอกจากนี้วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้ายังมีข้อจำกัดในแง่ของช่วงเวลา โชคดีที่ข้ามีท่าไม้ตายออมตะสายตรวจสอบภาพอนาคตสามลมหายใจ!’

 

 

ฟางหยวนลอบถอนหายใจขณะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะอีกครั้ง

 

 

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งและทาส หมื่นตัวตน!

 

 

ฟางหยวนหลายหมื่นคนปรากฏตัวขึ้นราวกับคลื่นน้ำที่พุ่งเข้าทำลายล้างกลุ่มของอิงอู๋เซี่ย

 

 

“เป็นไปได้อย่างไร? เขาฟื้นตัวเร็วมาก! เขากำจัดเพลิงเลือดเนื้อของข้าไปแล้วงั้นหรือ?” ไห่ลั่วหลันรู้สึกประหลาดใจมาก

 

 

การโต้ตอบของฟางหยวนรวดเร็วเกินไป นี่ทำให้หัวใจของไห่ลั่วหลันจมดิ่งลง

 

 

ไห่ลั่วหลันรู้ว่าฟางหยวนมีวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า

 

 

แต่วิญญาณอมตะดวงนี้มีข้อกำหนดที่ค่อนข้างเข้มงวด แม้ฟางหยวนจะต้องการใช้งานมัน แต่เขายังต้องค้นพบสถานการณ์ของตนเองก่อน หากเขาลังเลหรือช้าไปเพียงเล็กน้อย เขาจะไม่สามารถใช้วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า

 

 

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไห่ลั่วหลันยังคิดว่าหากเป็นตัวนางเองที่ถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะเพลิงเลือดเนื้อ มันเป็นเรื่องยากที่นางจะสามารถกำจัดมันได้อย่างรวดเร็ว

 

 

ฟางหยวนไม่เข้าใจวิธีการของไห่ลั่วหลันและไป่หนิงปิง ในทำนองเดียวกันไห่ลั่วหลันก็ไม่รู้ว่าฟางหยวนมีท่าไม้ตายอมตะภาพอนาคตสามลมหายใจ

 

 

ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบนี้อนุญาตให้ฟางหยวนเห็นสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นล่วงหน้าสามลมหายใจ ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงมีเวลามากพอที่จะตอบสนอง

 

 

กล่าวโดยสรุป ไห่ลั่วหลันได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่การโจมตีของนางแทบไม่สามารถทำสิ่งใดต่อฟางหยวน

 

 

ลูกพลัมแดงอมตะจำนวนมากถูกใช้ไป แต่ฟางหยวนร่ำรวยมาก ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจค่าใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆเหล่านี้

 

 

ท่าไม้ตายอมตะเสียงคำรามของภูตผี!

 

 

อิงอู๋เซี่ยกรีดร้องและทำให้ภูตมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดขึ้นทันที

 

 

ท่าไม้ตายอมตะป่าหอก!

 

 

ซื่อหนิวกระทืบเท้าขวาและส่งหอกหินจำนวนมากพุ่งขึ้นจากพื้นและแทงทะลุภูตมนุษย์นับพันร่างของฟางหยวน

 

 

ท่าไม้ตายอมตะทั้งสองมีประสิทธิภาพสูงมาก พวกมันสามารถทำลายภูตมนุษย์เกือบทั้งหมดของเขา

 

 

ผู้อมตะระดับเจ็ดซื่อหนิวถือเป็นกำลังรบที่สำคัญในการต่อสู้ครั้งนี้ โดยปราศจากการปกป้องจากเขา กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยจะไม่สามารถคงอยู่มาถึงปัจจุบัน

 

 

‘ต่อไปเป็นเจ้า!’ ฟางหยวนเปลี่ยนร่างเป็นมังกรดาบบรรพกาลอีกครั้งและลอบหัวเราะอยู่ภายใน

 

 

“โฮก…”

 

 

อย่างไรก็ตามเสียงคำรามของพยัคฆ์กลับดังขึ้นในจังหวะนี้ อสูรปีขาลที่ต่อสู้มาตลอดได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นมันล่าถอยกลับไปยังสายธารแห่งกาลเวลา

 

 

อสูรปีไม่มีความภักดีต่อผู้อัญเชิญ หากมันได้รับบาดเจ็บสาหัส มันจะล่าถอยทันที

 

 

แต่นี่ไม่สำคัญ

 

 

ท่าไม้ตายอมตะ อัญเชิญอสูรปี!

 

 

ฟางหยวนกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายนี้ซ้ำอีกครั้ง คราวนี้เป็นอสูรปีมะแม

 

 

แม้ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอสูรปีจะเรียกอสูรปีออกมาได้ครั้งละตัว แต่ในสายธารแห่งกาลเวลามีอสูรปีอยู่มากมาย เขาสามารถอัญเชิญตัวต่อไปออกมาได้ตลอดเวลา

 

 

เมื่ออสูรปีในร่างแพะภูเขาปรากฏตัวขึ้น ซื่อหนิวคำรามเสียงดังและขยายร่างจนมีขนาดเท่ากับอสูรปีมะแมก่อนจะใช้ทักษะการต่อสู้คว่ำมันลงบนพื้น

 

 

“บึม!”

 

 

แพะภูเขาล้มลงบนพื้นและทำให้แผ่นดินเกิดการสั่นสะเทือน

 

 

อสูรปีมะแมลุกขึ้นและพุ่งเข้าโจมตีซื่อหนิวด้วยความโกรธ

 

 

ซื่อหนิวหลบออกไปด้านข้าง ขณะเดียวกันเขาก็ใช้มือคว้าเขาแพะเอาไว้

 

 

สองยักษ์ต่อสู้กันพัลวันและทำให้สถานการณ์กลายเป็นชะงักงัน

 

 

ในช่วงท้ายฟางหยวนใช้ลมหายใจมังกรน้อยลง เขาเริ่มรู้สึกเจ็บคอราวกับคอของเขากำลังจะพ่นควันออกมา

 

 

ลมหายใจมังกรเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของมังกรดาบบรรพกาล แต่กระทั่งมังกรดาบบรรพกาลที่แท้จริงก็ยังไม่สามารถใช้ลมหายใจมังกรติดต่อกันได้มากกว่ายี่สิบหรือสามสิบครั้ง

 

 

แต่ฟางหยวนใช้ลมหายใจมังกรไปแล้วมากกว่าร้อยครั้ง! ตอนนี้ร่างกายของเขากำลังจะถึงขีดจำกัด

 

 

หากเขายังปล่อยลมหายใจมังกรต่อไป เขาอาจได้รับบาดเจ็บ

 

 

การต่อสู้ดำเนินมาถึงจุดที่อสูรปีขาลหลบหนีขณะที่ฟางหยวนเริ่มเหนื่อยล้า

 

 

แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและมีลูกพลัมแดงอมตะ แต่ศัตรูของเขาก็ไม่ใช่ตัวละครที่ไร้นัยสำคัญเช่นกัน

 

 

ไห่ลั่วหลันเป็นคนที่น่าเกรงขามด้วยสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง นอกจากนั้นนางยังได้รับมรดกที่แท้จริงของนางมารผลาญสวรรค์พร้อมกับวิญญาณอมตะของหญิงชรา

 

 

ไป่หนิงปิงมีสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืด นางเปลี่ยนเป็นมนุษย์มังกรและยังได้รับมรดกที่แท้จริงของไป่เซียง

 

 

ไม่จำเป็นต้องกล่าวให้มากความเกี่ยวกับอิงอู๋เซี่ย เขาเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณและเป็นความหวังสุดท้ายของนิกายเงา แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ง่าย

 

 

ซื่อหนิวเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิน ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีขณะที่เขาบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางสายนี้เช่นกัน กล่าวได้ว่าพวกมันเติมเต็มซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี

 

 

คนที่ไร้ประโยชน์มากที่สุดคือไท่เป่ยหยุนเฉิง แต่ถึงกระนั้นชายชราผู้นี้ก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ด้วยวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเมฆา ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันของเขาจึงถือว่าค่อนข้างโดดเด่น

 

 

แม้สมาชิกส่วนใหญ่ในกลุ่มพวกเขาจะเป็นผู้อมตะระดับหกแต่ทุกคนล้วนเป็นตัวตนระดับสูงที่สามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับเจ็ด

 

 

ด้วยการผสานงานกันของสมาชิกนิกายเงา กระทั่งเย่หลิวชุนซิงก็ยังยากที่จะรับมือ

 

 

การต่อสู้ระหว่างผู้อมตะไม่สามารถเร่งรีบ

 

 

เนื่องจากมีผู้อมตะที่หลากหลาย มีท่าไม้ตายอมตะที่แตกต่างและไม่สามารถคาดเดาอยู่มากมาย บางท่าลึกลับ บางท่าทรงพลัง บางท่าน่ากลัวและแปลกประหลาด

 

 

ฟางหยวนต่อสู้กับศัตรูห้าคนเพียงลำพังและยังเป็นฝ่ายได้เปรียบขณะที่ฝ่ายหลังไม่สามารถพลิกสถานการณ์ นี่ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว

 

 

‘บัดซบ! เขายังไม่ได้ใช้ท่านั้นจนถึงตอนนี้!’ อิงอู๋เซี่ยคิดขณะเช็ดเลือดสีเขียวที่ไหลออกมาจากจมูก

 

 

แต่เลือดยังไหลออกมาอีกครั้ง

 

 

‘บัดซบ!’

 

 

‘ข้าใช้ท่าไม้ตายซ้ำแล้วซ้ำอีก ตอนนี้ร่างผีดิบอมตะของข้ามาถึงขีดจำกัดแล้ว!’

 

 

‘กระทั่งข้ายังอยู่ในสภาพนี้ คนอื่นๆจะยิ่งเลวร้ายกว่าข้า!’

 

 

อิงอู๋เซี่ยกวาดตามองพันธมิตรของเขาและพบว่าทุกคนอยู่ในสภาพน่าอนาถยิ่งกว่าเขา

 

 

ฟางหยวนไม่ถูกกดดันโดยกำแพงภูมิภาค แต่กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยไม่ พวกเขาไม่เพียงต้องต่อต้านแรงกดดันจากกำแพงภูมิภาคแต่พวกเขายังต้องต่อสู้กับฟางหยวนในเวลาเดียวกัน ด้วยการใช้ท่าไม้ตายอมตะมากมาย ตอนนี้มิติช่องว่างของเขาได้รับความเสียหายอย่างมาก

 

 

‘กลุ่มของข้ามีทรัพยากรที่เหลืออยู่ของนิกายเงา เป็นเรื่องปกติที่ความแข็งแกร่งของพวกเราจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว’

 

 

‘แต่พลังการต่อสู้ของฟางหยวนก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน!’

 

 

ยิ่งอิงอู๋เซี่ยคิดมากเท่าใด เขาก็ยิ่งวิตกมากเท่านั้น ความเข้าใจที่มากขึ้นทำให้ความหวาดกลัวในใจของเขามากขึ้นไปด้วย

 

 

ถูกต้อง เขากลัว

 

 

อิงอู๋เซี่ยรู้สึกหวาดกลัว

 

 

เขาต้องยอมรับว่าฟางหยวนแข็งแกร่งและนั่นทำให้เขากลัวการเติบโตของฟางหยวน

 

 

“ไป่เซียง ไป!”

 

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่ไป่หนิงปิงกรีดร้องและปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะของนางออกมา

 

 

อิงอู๋เซี่ยเต็มไปด้วยความคาดหวังเมื่อมองไปที่ไป่หนิงปิง “ในที่สุดเจ้าก็ประสบความสำเร็จ!”

 

 

รูปลักษณ์ของไป่หนิงปิงเปลี่ยนแปลงไป

 

 

ในเสี้ยวพริบตานางกลายเป็นยักษ์สูงห้าเมตร

 

 

นางมีสามหัว หกแขน เท้าเปล่า ร่างกายของนางปกคลุมไปด้วยเกราะน้ำแข็ง ขณะนี้นางกำลังยืนอยู่บนก้อนน้ำแข็งที่ลอยอยู่กลางอากาศ

 

 

ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นไป่เซียง!

 

 

“ฟางหยวน มาสู้กับข้า!” ไป่หนิงปิงตะโกนและเริ่มโจมตีทันที

 

 

“บัญชีเก่าและใหม่ของเราจะถูกชำระในวันนี้!” ดวงตามังกรของฟางหยวนส่องประกายขึ้นขณะที่เขาพุ่งเข้าปะทะ

 

 

ด้วยพลังและความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว ทั้งสองต่างกระเด็นกลับหลัง

 

 

‘บาดเจ็บเล็กน้อย’ ฟางหยวนเห็นรอยกรีดเฉือนบางๆบนร่างกายของตน ปรากฏรอยดาบบนเกล็ดมังกรและยังมีเลือดไหลซึมออกมา

 

 

ในทางตรงข้ามไป่หนิงปิงได้รับความเสียหายมากกว่า

 

 

หน้าอกของนางกลายเป็นรู แขนสามข้างของนางถูกทำลาย และร่างกายเกือบครึ่งหนึ่งของนางสูญหายไป

 

 

แต่นางไม่มีเลือด มวลอากาศเย็นควบรวมและกู้คืนร่างกายของนางในเสี้ยวพริบตา

 

 

“สมกับเป็นท่าไม้ตายอมตะของไป่เซียง แม้ร่างกายจะถูกทำลาย แต่หากยังหลงเหลือบางส่วน มันก็สามารถฟื้นคืนกลับมาได้ในพริบตา เพราะหลังจากเปลี่ยนร่างเป็นไป่เซียง นางจะกลายเป็นรูปแบบชีวิตที่แตกต่างออกไป!” อิงอู๋เซี่ยรู้สึกตื่นเต้นมาก

 

 

ไป่หนิงปิงรู้สึกไม่ต่างจากอิงอู๋เซี่ย

 

 

แม้นางจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวน แต่ด้วยร่างไป่เซียง นางสามารถกู้คืนร่างกายได้ทุกครั้ง

 

 

เมื่อการต่อสู้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ กระทั่งฟางหยวนยังรู้สึกหมดแรง เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเลือดและเนื้อขณะที่ไป่หนิงปิงราวกับการคงอยู่ที่ไร้ชีวิต

 

 

ดังนั้นฟางหยวนจึงตัดสินใจยอมแพ้และหันไปโจมตีคนอื่นๆ

 

 

“ถึงเวลาแล้ว!” อิงอู๋เซี่ยตะโกนและปลดปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาจากร่างกาย

 

 

เขามองฟางหยวนและกล่าว…

 

 

นำวิญญาณสู่ความฝัน!