ตอนที่ 1556 แดนที่ถูกล้อม

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

หานลี่กวาดสายตาไปอย่างร้อนรน ผลคือตะลึงงัน

 

 

เบื้องหน้าคือจัตุรัสขนาดสองสามพันจั้ง ล้วนสร้างขึ้นจากศิลาสีขาวชนิดหนึ่ง และด้านในล้วนเต็มไปด้วยฝูงชนที่ไม่รู้ว่ามีอยู่กี่คนก็สุดจะรู้ได้

 

 

คนเหล่านี้ล้วนสวมเกราะรูปทรงต่างๆ ดูคล้ายคลึงกับมนุษย์ แต่ในรายละเอียดยิบย่อยนั้นกลับแตกต่างกันเป็นอย่างมาก

 

 

บ้างก็มีหูยาวๆ สองข้าง ราวกับหูกระต่าย บ้างก็มีขนสีดำปุกปุย ราวกับลิงชิมแปนซีตัวสูง และยังมีลำแสงสีทองระยิบระยับปกคลุมเรือนกายอยู่ ราวกับทั่วสรรพางค์กายคือเกราะสีทอง มองไม่เห็นเครื่องหน้าเลยสักกระผีก แม้กระทั่งชาวตระกูลวาที่ร่างมนุษย์ท่อนบนร่างอสรพิษท่อนล่างก็ยังปะปนอยู่ในนั้น

 

 

แต่ที่เยอะที่สุดก็ยังคงเป็นชนต่างเผ่าผิวสีเขียวอ่อน ใบหน้าซีดขาว พวกเขาทุกคนล้วนสวมเกราะสงครามสีเขียว มือถือขวานยาวเปล่งแสงสีแดงระยิบระยับ

 

 

ชนต่างเผ่าเหล่านี้มีทั้งบุรุษและสตรี แต่ทุกคนล้วนกำลังสุมหัวกัน ใบหน้ามีความร้อนใจอย่างสุดขีด

 

 

ทว่าคลื่นลมปราณบนร่างกายของคนเหล่านี้มีทั้งมากและน้อย พลังยุทธ์ทั้งสูงและต่ำ แต่ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในระดับสร้างปราณและระดับจิตวิญญาณสีทอง ระดับก่อกำเนิดและระดับเทพแปลงนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่มี แต่ก็มีเพียงหร็อมแหร็ม รวมตัวกันอยู่อย่างสันโดษ กลายเป็นกลุ่มใหญ่

 

 

พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนยืนอยู่หน้าสุด กำลังซุบซิบอะไรด้วยเสียงแผ่วเบา

 

 

หานลี่กวาดจิตสัมผัสไปอย่างรวดเร็ว กลับพบชนต่างเผ่าระดับหลอมสุญตาสามคนในบรรดาชนชั้นสูงเหล่านั้น แล้วพลันตะลึงงัน

 

 

จากสิ่งที่ชิงเสี่ยวกล่าว อีกด้านของเขตอาคมส่งตัวนี้ น่าจะเป็นเมืองขนาดเล็กที่มีผู้ดูแลกลุ่มเล็กๆ ผลัดเปลี่ยนกันบริหารสองสามกลุ่ม

 

 

ตามทฤษฎีแล้วผู้ที่นั่งบัญชาการซึ่งมีพลังยุทธ์สูงสุดก็จะอยู่แค่ระดับเทพแปลงคนสองคนเท่านั้น ปกติแล้วจะมีผู้บำเพ็ญเพียรมาปรากฏตัวแค่สี่ห้าพันคน

 

 

แต่ตอนนี้ในจัตุรัสเบื้องหน้าไม่เพียงมีผู้บำเพ็ญเพียรมารวมตัวกันนับพันหมื่นคน คาดไม่ถึงว่าจะมีผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกับเขามากขนาดนี้

 

 

นี่จะไม่ทำให้หานลี่ประหลาดใจได้อย่างไร

 

 

หรือว่าไม่ได้ติดต่อกันสองสามพันปี ‘เมืองแสงมรกต’ เล็กๆ แห่งนี้ก็มีความเปลี่ยนแปลงอะไรแล้ว

 

 

แล้วยิ่งไปกว่านั้นจิตสัมผัสของเขายังสัมผัสได้ว่าทั้งจัตุรัสแห่งนี้มีคลื่นเขตอาคมอยู่รางๆ และทุกคนก็ยืนอยู่บนพื้นไม่เห็นผู้ใดเหาะเหินเดินอากาศ เห็นได้ชัดว่าที่นี่มีเขตอาคมห้ามเหาะเหินอยู่

 

 

หานลี่แววตาเปล่งประกายสองสามครา สูดลมหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง ทันใดนั้นก็เดินเข้าไปในฝูงชนอย่างเนิบช้า

 

 

ในยามที่หานลี่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น ตรงจุดที่ชนต่างเผ่าระดับหลอมสุญตารวมตัวกัน ผู้ที่หัวโตเป็นพิเศษและยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนคนแคระก็ร้องอุทานออกมาเบาๆ มือหนึ่งล้วงเข้าไปในอกเสื้อควักจานไม้ออกมา

 

 

ด้านบนมีดวงไฟหลากสีสันและมีอักขระไม่คุ้นเคยลอยพลิ้วไปมาอยู่

 

 

“อันใด พี่หยวนพบอะไรหรือ” ชนต่างเผ่าผิวสีเขียวอ่อนอีกคนหนึ่งเอ่ยปากถาม

 

 

“อยู่ๆ ที่นี่ก็มีสหายร่วมวิถีระดับสามเพิ่มมาคนหนึ่ง หากข้าจำไม่ผิดละก็เขตอาคมส่งตัวในเมืองที่ใช้ได้ถูกเผ่าหนอนมีเขาตัดไปแล้ว เหตุใดถึงมีคนส่งตัวมาที่นี่อีก!” ชนต่างเผ่าหัวโตผู้นั้นมีสีหน้าประหลาดใจ

 

 

“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ หรือว่ายามนั้นเผ่าหนอนมีเขาเกิดสะเพร่าปล่อยให้เขตอาคมส่งตัวนี้หลุดรอดไป ถ้าหากเป็นเช่นนั้นละก็รีบตามหาคนผู้นี้แล้วซักถามให้ละเอียดเถิด” ชนต่างเผ่าผิวสีเขียวอ่อนหน้าเปลี่ยนสีพลางเอ่ยด้วยความยินดี

 

 

“นั่นเป็นไปไม่ได้เขตอาคมส่งตัวทั้งหมดข้าได้ตรวจสอบด้วยตัวเองมาแล้วครั้งหนึ่ง ทั้งหมดไร้ประสิทธิภาพหมดแล้วแน่นอน” ชนต่างเผ่าหัวโตจ้องเขม็งไปยังจานไม้ในมือแล้วสั่นศีรษะเป็นพัลวัน

 

 

“ไม่ต้องพูดพร่ำไร้สาระรีบตามหาคนผู้นี้ แค่ถามพวกเราก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ พี่หยวนจากลำแสงวิญญาณในมือของเจ้าน่าจะหาตำแหน่งคนผู้นั้นได้เจอได้อย่างง่ายดายสินะ” ชนต่างเผ่าที่มีลำแสงสีแดงเพลิงห่อหุ้มกายอีกคนหนึ่งได้ยินบทสนทนาของทั้งสองก็อดไม่ไหวเอ่ยปากขึ้น

 

 

“หึๆ คนผู้นี้เพิ่งปรากฏตัว ยังอยู่ในจัตุรัสข้าใช้เขตอาคมล็อตตำแหน่งเอาไว้แล้ว อยู่ตรงนั้น” ชนต่างเผ่าหัวโตแววตาเปล่งประกาย ชั่วครู่ก็มองไปยังตำแหน่งของหานลี่

 

 

แน่นอนว่าคนอื่นๆ ย่อมเหลือบไปมองแวบหนึ่ง

 

 

แม้ในจัตุรัสจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คน และยิ่งไปกว่านั้นหานลี่เองก็ใช้เคล็ดวิชาอำพรางพลังยุทธ์ แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางชนต่างเผ่าระดับต่ำก็ยังคงสะดุดตาอยู่ดี จึงถูกชนต่างเผ่าระดับหลอมสุญตาเหล่านี้หาพบได้ในทันที

 

 

ยามนี้หานลี่เพิ่งจะเข้ามาใกล้คนเหล่านั้นก็ได้ยินเข้าสองประโยค เมื่อถูกชนต่างเผ่าระดับหลอมสุญตาเหล่านั้นมองมา ก็มองกลับไปตามสัญชาตญาณโดยทันที จึงประสานสายตาเข้ากับคนเหล่านั้น

 

 

ขมวดคิ้วมุ่น เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่คนเหล่านี้ได้ตามหาตนพบได้อย่างรวดเร็ว ทว่าหลังจากครุ่นคิดเล็กน้อยก็เดินไปหาทั้งสามคนด้วยท่าทีทะนงองอาจ

 

 

หลังจากผ่านไปชั่วครู่เขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าชนต่างเผ่าระดับหลอมสุญตาสี่คน พลางพิจารณาอีกฝ่ายสองสามแวบ

 

 

“สหายเพิ่งมาถึงเมืองแสงมรกตสินะ! ไม่ทราบว่ามีนามเรียกขานอย่างไร?” มือของชนต่างเผ่าหัวโตมีลำแสงสว่างวาบ จานไม้หายวับไป จากนั้นพลันเอ่ยถามอย่างราบเรียบ

 

 

“ข้าน้อยแซ่หาน เพิ่งมาถึงเมืองแห่งนี้จริงๆ ที่นี่เกิดอันใดขึ้นหรือว่ากำลังจะเปิดสงครามอะไรกัน?” หานลี่กวาดสายตาไปซ้ายทีขวาทีแล้วกลับย้อนถามด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

 

 

“ที่แท้ก็สหายหานนี่เอง ดูแล้วสหายคงส่งตัวมาจากสถานที่อันไกลแสนไกลสินะ มิเช่นนั้นจะไม่รู้ว่าเผ่าหนอนมีเขาเริ่มยึดเผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งสิบสามของพวกเราได้อย่างไร?” ชายหัวโตจ้องเขม็งไปยังหานลี่หลังจากผ่านไปชั่วครู่ถึงได้เผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมาขณะเอ่ย

 

 

“เผ่าหนอนมีเขา!” หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสีไปยกใหญ่

 

 

เผ่านี้จัดอยู่ในสิบเผ่าขนาดใหญ่ของทั้งแดนวิญญาณ

 

 

“พี่หานเรื่องอื่นเจ้าค่อยอธิบายภายหลังได้ แต่เจ้าส่งตัวมายังเมืองแสงมรกตได้อย่างไร ตามหลักการแล้วเขตอาคมส่งตัวมายังเมืองตามช่องทางอื่นๆ ถูกเผ่าหนอนมีเขาตัดขาดไปตั้งนานแล้ว” ชนต่างเผ่าผิวสีเขียวที่อยู่ด้านข้างอดไม่ไหวเอ่ยถามขึ้น

 

 

“ข้าน้อยส่งตัวมาจากนอกมหาสมุทร” หานลี่ไม่ได้ปิดบังอะไรพลางตอบกลับอย่างแช่มช้า

 

 

“นอกมหาสมุทร? เมืองแสงมรกตเล็กๆ แห่งนี้มีเขตอาคมส่งตัวด้วยหรือ?” เมื่อได้ยินคำนี้ชนต่างเผ่าที่มีลำแสงสีแดงปกคลุมพลันรู้สึกประหลาดใจ

 

 

“เขตอาคมส่งตัวไปนอกมหาสมุทรมีอยู่สองแห่งจริงๆ ทว่าพวกมันเสียไปตั้งหลายปีแล้ว สหายมาจากนอกมหาสมุทรใด” ชนต่างเผ่าหัวโตเผยสีหน้าตกใจออกมาเช่นกัน

 

 

“หมู่เกาะปะการังเพลิง!”

 

 

ความคิดของหานลี่แวบผ่านไปมาอย่างรวดเร็วแต่ก็ตอบกลับไปอย่างหมดเปลือก

 

 

“ที่แท้ก็ที่นั่นเอง! หากข้าจำไม่ผิดละก็เขตอาคมนั้นเสียหายไปตั้งหลายพันปีและตัดขาดความสัมพันธ์กับเมืองแสงมรกตไปตั้งนานแล้ว สหายอธิบายได้หรือไม่” ชายหัวโตเอ่ยพึมพำเผยสีหน้าฉงนสงสัยได้อย่างไม่อาจปิดบังได้

 

 

“ความจริงแล้วนั้นง่ายมาก…” หานลี่อธิบายเรื่องที่เขตอาคมส่งตัวถูกทำลายในปีนั้นอย่างละเอียดด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ระหว่างนั้นก็ไม่ได้เอ่ยถึงประวัติความเป็นมาของตนเองเลยสักนิด จึงทำให้คนเหล่านั้นคิดว่า หานลี่เป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่มาจากมหาสมุทรผืนนั้น

 

 

“สุดท้ายแม้ว่าข้าน้อยจะบังเอิญชิงผลึกท้องฟ้าเมฆากลับมาได้ แต่ตอนที่ซ่อมแซมเขตอาคมกลับเกิดอุบัติเหตุขึ้น ไม่ใช่แค่บันทึกเขตอาคมส่งตัวที่มีปัญหาผลึกท้องฟ้าเมฆาที่อยู่ในท้องของอสูรมหาสมุทรก็เกิดกลายพันธุ์ เมื่อทดสอบเขตอาคมนี้จึงส่งตัวได้ครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้นและทุกครั้งที่ส่งตัวจะต้องรออีกเจ็ดวันถึงจะสามารถส่งตัวได้อีกครั้งได้ มิเช่นนั้นจะพังในทันที” หานลี่เอ่ยอย่างกลัดกลุ้ม

 

 

ตอนนี้แม้ว่าเขาจะอยากอาศัยเขตอาคมจากไปในทันทีก็เป็นไปไม่ค่อยได้

 

 

เมื่อได้ฟังคำพูดก่อนหน้าชนต่างเผ่าทั้งสามพลันเผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจออกมา เมื่อได้ยินสองประโยคสุดท้ายกลับหน้าเปลี่ยนสี

 

 

“เช่นนั้นเขตอาคมส่งตัวที่สหายใช้ก็ใช้การไม่ได้อีกแล้วหรือ” ชนต่างเผ่าผิวสีเขียวรู้สึกสิ้นหวัง

 

 

“เช่นนั้นแหละ!” หานลี่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

 

 

“ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อคำพูดของสหายหานแต่แค่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่มาก พวกเราต้องไปตรวจสอบด้วยตัวเอง พี่หานไม่มีข้อคิดเห็นอะไรสินะ” หลังจากที่ชนต่างเผ่าทั้งสามมองสบตากันแวบหนึ่ง ชนต่างเผ่าหัวโตก็หัวเราะแห้งๆ พลางเอ่ยออกมา

 

 

“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา

 

 

“พี่หง เจ้าอยู่พบคนอื่นที่นี่ก่อนพวกเราจะไปตรวจสอบเขตอาคมส่งตัวนั้นสักหน่อย” หลังจากที่ชนต่างเผ่าหัวโตหันหน้ากลับไปก็เอ่ยกับชนต่างเผ่าที่อยู่ในลำแสงสีแดงด้วยความเคร่งขรึม

 

 

“ตกลง ทั้งสองรีบไปรีบกลับล่ะ!” ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงลังเลเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าตอบรับ

 

 

ดังนั้นทั้งสองคนจึงตามหานลี่ไปยังเขตแดนของจัตุรัส

 

 

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ทั้งสามคนก็กลับมายังห้องโถงส่งตัวที่หานลี่เดินออกมา

 

 

เขตอาคมส่งตัวอันนี้อยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ

 

 

“มีร่องรอยห้วงเวลาอยู่เพิ่งมีคนใช้เขตอาคมส่งตัวที่นี่จริงๆ” ชนต่างเผ่าผิวสีเขียวกวาดจิตสัมผัสไปทั่วทั้งห้องโถงแล้วเอ่ยขึ้นทันที

 

 

ชนต่างเผ่าหัวโตกลับเดินเข้าไปในเขตอาคมส่งตัวในทันที หลังจากเดินวนสองสามรอบ มือหนึ่งพลันร่ายอาคม ลำแสงสีเขียวสายหนึ่งโจมตีไปที่เขตอาคมส่งตัว

 

 

ชั่วขณะนั้นเขตอาคมส่งตัวที่เงียบกริบก็เปล่งเสียงหึ่งๆ ขึ้นทันที ลำแสงสีขาวอ่อนปรากฏขึ้น

 

 

เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ชนต่างเผ่าผิวสีเขียวพลันเบิกตาทั้งสองข้างเผยสีหน้าตื่นตะลึงออกมา

 

 

แต่ครู่ต่อมาเขตอาคมส่งตัวกลับหยุดเปล่งเสียง ลำแสงวิญญาณสลายหายไปกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

 

 

“ไม่ได้เขตอาคมอีกด้านไม่มั่นคงท่าทางถูกปิดไปแล้ว” ชนต่างเผ่าหัวโตมีสีหน้าเคร่งขรึมและเอ่ยอย่างเนิบช้า

 

 

เมื่อได้ยินคำนี้ชนต่างเผ่าผิวสีเขียวพลันมีสีหน้าเคร่งเครียด

 

 

“สหายทั้งสองสถานการณ์ของเมืองแห่งนี้วิกฤติขนาดนั้นเชียวหรือ? เรื่องของเผ่าหนอนมีเขาอธิบายให้ข้าน้อยฟังได้หรือไม่” หานลี่กลับเอ่ยถามขึ้นในยามนั้นด้วยความเยือกเย็น

 

 

“มีอะไรให้ต้องพูดถึงกัน สหายเองก็เห็นว่าเมืองแสงมรกตเล็กๆ ของพวกเรามีเพียงผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนมากมารวมกันแค่นั้นเอง พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ที่หนีมาจากละแวกนี้ เดิมทีก็อยากอาศัยเขตอาคมส่งตัวของเมืองเราหนีไปแต่กลับคิดไม่ถึงว่าเผ่าหนอนมีเขาจะลงมืออย่างรวดเร็วเช่นนี้ เขตอาคมที่เชื่อมโยงกับเมืองอื่นๆ ของเผ่าเราทั้งหมดล้วนสูญประสิทธิภาพไปพร้อมกัน เดาว่าไม่เมืองเหล่านั้นถูกโจมตีก็เป็นเพราะคนของเผ่าหนอนมีเขาส่งคนมาตัดขาดการเชื่อมโยงกับเมืองนี้ แต่ในเมื่อสหายเพิ่งมาถึง ดูแล้วกว่าครึ่งคงเป็นเพราะเหตุผลแรก ส่วนทัพหน้าของเผ่าหนอนมีเขานั้นมาถึงเมืองแล้ว กำลังรอแม่ทัพอยู่ ส่วนพวกเราก็กำลังรวบรวมกำลังพลทิ้งเมืองนี้จากไป แต่สิ่งสำคัญก็คือกองทัพหน้าของเผ่าหนอนมีเขาพวกนั้น จะหนีไปได้หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่พูดยาก อย่างน้อยที่สุดผู้ที่อยู่ในระดับสูงอย่างพวกเรา พวกเขาก็ไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ แน่” ชนต่างเผ่าหัวโตอธิบายพร้อมกับหัวเราะอย่างขมขื่น

 

 

หานลี่ได้ฟังคำเหล่านี้ สีหน้าพลันดูไม่ได้