ตอนที่ 371 ปากคนยิ่งกว่าปากกา

เมื่อเย่เหวยหลินออกมาจากพวกหยางโปและคนอื่นๆ ได้ไม่นาน พูดชักชวนซุนเหอจั๋วไม่กี่คำแล้วก็จึงออกมา ในมุมมองของเขา นี้มันคือการชิงดีชิงเด่นกันของเหล่าคุณชายแห่งเมืองหลวงไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก แต่ว่าในคืนนั้นตอนห้าทุ่มกว่า สายที่โทรเข้ามาหาเขามันทำให้เขาตกตะลึง

” ตราหยกสืบบัลลังก์อยู่ในมือของหยางโป เขาคือลูกนอกสมรสของชุยซื่อหยวน ! เพื่อให้ซุนคุนหลินได้มาซึ่งตราหยกสืบบัลลังก์ในมือของหยางโป จึงจัดห้องจัดเลี้ยงหงเหมินไว้เป็นพิเศษ พอดีที่ออกจากห้องจัดเลี้ยงหงเหมิน ฉันก็จะพยายามโน้มน้าวใจลัวย่าวหัว ประเด็นคือทำไมลัวย่าวหัวไม่ได้บอกอะไรเลย ? “

” ต่อมาชุยเจิ้งเยว่ ก็พาคนตระกูลชุยไปทำร้ายซุนเหอจั๋ว แล้วยังทุบสโมสรของซุนเหอจั๋วด้วยเหรอ ? เจ๋งมาก ! “

 

หลังจากเย่เหวยหลินได้รับข่าว ก็ไปเคาะประตูห้องนอนของพ่อและบอกพ่อเกี่ยวกับเรื่องนี้

พ่อเย่ก็ตกตะลึงนิดหน่อยจากนั้นก็ส่ายหัวและถอนหายใจ ” อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย มันไม่ใช่เรื่องของการชิงดีชิงเด่นอีกต่อไปแล้ว นี่มันคือการต่อสู้ระหว่างสองตระกูล ! “

” รีบไปนอนเถอะ อย่าไปคิดมากเรื่องของตระกูลซุนเลย ” ในใจของสุมาจ้าวคิดอะไร ผู้คนย่อมรู้ดี ” เกรงว่าจะมีคนไม่ยอมเขาแล้ว ! “

พูดจบ พ่อเย่ก็กลับไปนอนอย่างสงบ

เย่เหวยหลินตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าตนเองจะถึงกับมองคนที่สถานะน่าสนใจขนาดนี้ผิดไป แต่ว่าเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นที่อาจเกิดขึ้นต่อไปเขาก็รู้สึกตื่นเต้น !

 

วันต่อมา ข่าวลือเรื่องตราหยกสืบบัลลังก์ก็ปรากฏไปทั่วทุกหนทุกแห่งของเมืองหลวง

” เฮ้ นายได้ยินไหม เมื่อคืนคุณชายจั๋วถูกทำร้ายเหรอ ? “

” เสียงดังไปแล้ว ? ตัวตนของเขานั่นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปสามารถแตะต้องได้ ใช่ผู้ใหญ่ในตระกูลซุนหรือเปล่าที่ตีเขา ? หรือผู้ใหญ่ในตระกูลซุนจะมองออกถึงสันดานของลูกไม่เอาไหนได้แล้ว ? “

” พูดอะไรไร้สาระ ? ได้ยินมาว่าเขาโดนไม้เท้าตีที่แขนของเขาในครั้งเดียว ฟังแล้วมันเจ๋งมาก ! ทันใดนั้นเลือดของเขาก็พุ่งออกมาไหลไม่หยุด แทบจะตายโดยทันที ! “

” ดีเลยทีเดียว ! การกระทำที่น่าอับอายของตระกูลซุน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาฉันไม่รู้ว่ามีผู้หญิงกี่คนที่ถูกทำร้าย และยังทำร้ายผู้คนอีก ชายชราท่านนั้นคือใครกันช่างมีความชอบธรรมอย่างสุดซึ้งจริงๆ ? “

 

” ปู่ตระกูลชุย ! “

” ปู่ตระกูลชุยเหรอ ? ก็คือนายพลยุคเปิดประเทศซึ่งต่อมาก็ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศน่ะเหรอ ? “

” ใช่ ! “

” ปู่ตระกูลชุยช่างมีความเที่ยงตรง ยุติธรรมจริงๆ “

นี่เป็นเพียงการพิจารณาและการคาดเดาของคนทั่วไป พวกเขาส่วนใหญ่ได้ยินจากเพื่อนและญาติ คุยกันไปต่างๆนานาและไม่มีมูลความจริง ดังนั้นเรื่องนี้สามารถใส่สีตีไข่ได้ด้วยการคาดเดาเท่านั้น

เย่เหวยหลินเดินผ่านห้องโถงและเขาอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เมื่อเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวก็เห็นว่าเพื่อนๆ ของตนเองหลายคนที่ล้อมรอบเขา กำลังพูดคุยเรื่องอะไรอยู่อย่างเมามัน

 

เย่เหวยหลินเดินเข้ามา เพื่อนๆ เมื่อเห็นหน้า ทุกคนก็ยืนขึ้นและทักทาย เขารีบคำนับอย่างรวดเร็ว

” พี่น้องทุกคน นั่งลง นั่งลง ! “

เย่เหวยหลินนั่งลงและเมื่อเห็นว่าพวกเขาทุกคนเงียบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า ” เมื่อกี้กำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ ? ทำไมครึกครื้นกันเชียว ? “

” พวกเรากำลังพูดถึงซุนเหอจั๋ว ผู้ชายคนนั้นที่มักจะเย่อหยิ่งอวดดี ตอนนี้ได้รับบทเรียนแล้ว ” หลี่เสี่ยวหยางกล่าว

ทุกคนหัวเราะเพราะประโยคนี้ บรรยากาศในงานก็เริ่มคึกคักขึ้นมา

เย่เหวยหลินหัวเราะขึ้น ” ใช่ “

 

คนอื่นบอกว่าซุนเหอจั๋วถูกทุบด้วยไม้เท้า ไม่น่าจะเป็นไปได้ ปู่ชุยก็อายุมากแล้ว ท่านทำแบบนั้นไม่ได้แน่ ฉันได้ยินมาดีว่าเขากระดูกหักแต่ไม่ได้ร้ายแรงอะไร ” ชิวอยู่ฝานกล่าว

ทุกคนยิ้มและพยักหน้า เพราะน้องสาวของชิวอวี่ฝานทำงานอยู่ในโรงพยาบาลทหาร ก็ดูเหมือนว่าซุนเหอจั๋วจะไปที่นั่นในครั้งนี้ด้วย ไม่น่าแปลกใจที่ชิวอยู่ฝานจะรู้เรื่องนี้

” แต่ว่า ที่พวกนายกำลังพูดถึงตราหยก นั้นเป็นเรื่องจริงรึเปล่า ? ” อีกคนหนึ่งเอ่ยถาม

ทุกคนหันไปมองเย่เหวยหลิน หลี่เสี่ยวหยางยิ้มกว้างขึ้น พี่เย่พวกเราได้ยินมาว่า พี่อยู่ที่นั่นเมื่อคืน มันเกิดอะไรขึ้น ? บอกพวกเราหน่อย ! “

ฮิ ฮิ เย่เหวยหลิน หัวเราะ ” ฉันว่าแล้วทำไมพวกนายนัดฉันมากินข้าวในวันนี้ กลายเป็นว่าเพื่อรอฟังข่าวจากฉันงั้นเหรอ ? เพื่อแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ ผลออกมาเดี๋ยวก็รู้แล้ว ! “

 

” พี่เย่ พวกเราทุกคนกำลังรอพี่อยู่ ! ได้ยินมาว่าต่อจากนั้นปู่ชุยก็ให้ทุบมังกรสัมฤทธิ์ในประตูทางเขาสโมสร รู้ไหมซุนเหอจั๋วจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อจ้างซินแสฮวงจุ้ยจากฮ่องกงและไต้หวันแล้วยังต้องใช้ความคิดมากมาย ตั้งแต่มังกรสัมฤทธิ์ถูกสร้างขึ้นธุรกิจของสโมสรก็เฟื่องฟู ถ้าสิ่งนี้ถูกทุบมันจะไม่ทำให้ชีวิตของซุนเหอจั๋วยุ่งเหยิงเหรอ ? ” ชิวอวี่ฝานกล่าว

เย่เหวยหลินมองไปที่พวกเขาแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย ” เรื่องนี้เกรงว่าจะไม่ง่ายขนาดนั้นแค่มันเป็นการเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ “

” พี่เย่ พี่ก็บอกๆมาเถอะ ! ” หลี่เสี่ยวหยางกล่าว

” เอาล่ะ ขอฉันพูดอะไรสักอย่าง ตราหยกสืบบัลลังก์คืออะไร ? มันคือสมบัติล้ำค่าของประเทศ หยางโปและอื่นๆ นำมันมาจากต่างประเทศ แล้วตระกูลซุนจะสามารถมีส่วนร่วมได้ยังไง ? “

 

เย่เหวยหลินหันกลับมามองผู้คน ” เอาละ อย่าพูดถึงเรื่องนี้มากเกินไปเลย เรามากินดื่มกันดีกว่า อย่าไปพูดถึงเรื่องของรัฐเลย ! “

ได้ยินแบบนั้นทุกคนก็ทำได้เพียงยอมแพ้เท่านั้น

เหตุการณ์ยังคงสั่งสมไปอีกขั้น ผู้สื่อข่าวหลายคนที่อยู่นอกประตูโรงพยาบาลที่หยางโปรักษาตัวอยู่ พวกเขาถือกล้องและไมค์หันหน้าไปทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรอบโรงพยาบาล ” พวกเราต้องการสัมภาษณ์คุณหยางโป ! เรามีสิทธิ์ที่จะทำข่าวอย่างมีอิสระ ! “

” โรงพยาบาลของเรามีหน้าที่รักษาความปลอดภัยในชีวิตของผู้ป่วย ! ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกล่าว

ผู้สื่อข่าวนี้ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก แม้แต่ผู้สื่อข่าวบางคนที่แกล้งทำเป็นผู้ป่วยแล้วมาที่ประตูห้องของ

หยางโปด้วยกล้องจิ๋วก็ทำอะไรไม่ได้ !

 

ผู้คุ้มกันด้านนอกประตูหยุดนักข่าวไว้ หยางโปครุ่นคิดและโทรเรียกชุยอี้ผิง ” นายช่วยฉันประกาศเรื่องนี้ หาคนส่งตราหยกสืบบัลลังก์ไปงานแถลงข่าวและฉันจะไม่ออกกล้อง “

” นายต้องการเปิดเผย ” ตราหยกสืบบัลลังก์ต่อสาธารณชนเหรอ ? ” ชุยอี้ผิงรู้สึกประหลาดใจ

หยางโปพยักหน้า ” ใช่ ฉันต้องเปิดเผยให้สาธารณชนได้รู้ “

ชุยอี้ผิงวางสายโทรศัพท์และเงยหน้าขึ้นมองชายชราฝั่งตรงข้ามและมองตราหยกสืบบัลลังก์บนโต๊ะอีกครั้ง

” เขาต้องการให้ตราหยกสืบบัลลังก์เป็นที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ! “

ปู่ชุยพยักหน้าและพูดว่า ” ทำตามที่เขาบอก ! “

 

ชุยอี้ผิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ” ทำอย่างนี้ จะไม่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นที่รู้กันทั่วไปเหรอ ? “

” พวกมันตระกูลซุนกล้าที่จะออกมา แล้วทำไมตระกูลชุยของเราจะไม่กล้าออกมาละ ? ” ปู่ชุยกล่าว

ชุยอี้ผิงเงียบไปเล็กน้อย ” ทำแบบนี้ก็จะยิ่งสร้างแรงกดดัน เกรงว่าเป็นการสร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อตระกูลซุนใช่ไหม ? “

” แกไม่ต้องไปสนใจเรื่องเหล่านี้ พวกเราตอนนี้ไม่ได้จมเรือใหญ่ของตระกูลซุน ใครๆ ก็สามารถทำได้ สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือขุดก้นเรือของพวกมัน ปล่อยให้เรือของพวกมันรั่วไหลทีละเล็กทีละน้อย แบบหยดน้ำลงบนหินก็พอ ! ” ชายชรากล่าว