หลังจากเบลซกับเนียร์รู้ว่าซูซีเกิดเรื่องขึ้นในงานก็รีบตามมาที่โรงพยาบาล พอซูซีเห็นเบลซก็ร้องไห้พูดไปว่า:“พ่อ พ่อรีบปิดเรื่องนี้ให้ฉันด้วยนะ ในเน็ตมีแต่รูปถ่ายกับคลิปที่น่าอายของฉันในคืนนี้ทั้งนั้น!”
ซูซีพอคิดถึงก็แทบจะบ้า เธอคิดไม่ถึงว่าเธอคลิปที่เธอชนแก้วไวน์เหล่านั้นแล้วหกใส่จะลงในเน็ตได้เร็วขนาดนี้ ครั้งที่แล้วเธอถูกชาวเน็ตด่าว่าสาวใสซื่อที่ร้ายกาจ เธอจึงต้องเปลี่ยนไปทำเบื้องหลัง
คิดไม่ถึงว่าพอเธอตั้งใจทำงานดีๆหลังจากเรื่องเพิ่งจะเงียบไป ก็ดันเกิดเรื่องน่าอายใหญ่โตแบบนี้ขึ้นอีก
ถึงแม้เรื่องนี้ไม่ส่งผลต่อการงาน เพราะเธอรวยอยู่แล้ว แต่เธอก็อับอายขายขี้หน้าสุดๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพอคิดถึงสภาพอนาถในตอนนั้นของตัวเองที่ถูกหลินจือเห็นเข้าหมด เธอก็แทบละอายใจอย่างยิ่ง
เบลซพูดอย่างโมโห:“พอพ่อเห็นข่าวนี้ก็ให้คนถอดฮอตเสิร์ชออก แต่ถอดออกไม่ได้เลย”
“เดี๋ยวนี้คนพวกนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป หาเหาใส่หัว วันๆเอาแต่เข้าเน็ตยุ่งเรื่องราวชาวบ้านไม่ปล่อยไปแบบนี้!”
ยังไงเบลซก็อายุมากแล้ว เลยไม่เข้าใจคนในเน็ตเหล่านี้
เขาให้คนมาถอดฮอตเสิร์ชออก บล็อกบัญชีจำนวนมาก แต่ไม่นานก็มีคนขุดรูปและคลิปเหล่านั้นออกมาอีก โพสต์แบบเดิมอีกครั้ง
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่า เงินก็ไม่สามารถซื้อได้ทุกอย่าง
ที่เขาไม่รู้ก็คือ มีงานอย่างหนึ่งเรียกว่าการโจมตีคนอื่น พวกเขาจะรับเงินของคนที่จ้างมา แล้วโจมตีเป้าหมายโดยเฉพาะ เมื่อก่อนลูกสาวของเขาทำเรื่องแบบนี้เยอะมาก ก็แค่ตอนนี้เวรกรรมตามเธอทันแล้ว
ในงานมีแต่คนในวงการ ลับหลังแล้วมีคนที่รู้สึกขัดหูขัดตาซูซีอยู่ด้วย ชัดเจนว่ามีคนซื้อหน้าม้าให้พวกเขาโจมตีใส่ซูซี
ซูซีได้ยินเบลซพูดแบบนี้ ก็โกรธจนตาแดงก่ำอีกครั้ง
กลับเป็นเนียร์ ที่พอมองออก พูดปลอบซูซีไปว่า:“ขายหน้าไปแล้วก็ช่างเถอะ มันจะหนักหนาแค่ไหนกันเชียว?ใครบ้างที่ชีวิตนี้ไม่เคยขายขี้หน้า?”
“ก่อนหน้านี้เทาเท่ก็ถูกแฉด้วยคลิปถูกตบไม่ใช่เหรอ?เขาสูงส่งมากขนาดนั้น?ถูกตบไปก็ยังไม่สะทกสะท้าน น่าอายสุดๆ เขายังไม่แคร์เลย แล้วทำไมแกต้องมาคิดมากกับเรื่องนี้ด้วยล่ะ”
เนียร์พูดจบ ซูซีก็ร้องไห้อีกครั้ง
เนียร์ไม่พูดถึงเรื่องที่เทาเท่ถูกตบก็คงดี พอพูดถึงแล้วกลับยิ่งทำให้ในใจเธอแย่มากขึ้น
เทาเท่ถูกตบ กับที่เธอขายขี้หน้าในวันนี้ต่างกันเลย
เทาเท่ในตอนนั้น ชัดเจนว่าเขารู้สึกได้ลึกซึ้ง ส่วนเธอในตอนนี้ที่โดนไป มันขายหน้าจริงๆ
เนียร์เห็นสภาพเธอแบบนี้ ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี
ลีวายที่อยู่ข้างๆพูดว่า:“คุณอา คุณน้า หมอบอกว่าประธานซูซีไม่เป็นอะไรมากค่ะ พวกคุณรับประธานซูซีกลับบ้านไปดีกว่า อยู่ที่โรงพยาบาลต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ ผู้คนขวักไขว่ ไม่ดีต่อประธานซูซี”
เนียร์พยักหน้า:“โอเค”
ซูซีก็คิดว่าที่โรงพยาบาลจะโดนคนไปพูดมั่วซั่วได้เยอะ จึงแยกกับพ่อแม่เธอ แน่นอนว่าตอนออกไปก็คลุมตัวเองอย่างมิดชิด คนจะได้จำไม่ได้
พอคิดดูแล้วก็พบว่าตัวซูซีนั้นสวยงามโดดเด่นมาตั้งหลายปี เป็นครั้งแรกที่ต้องทำเรื่องลับลมคมในแบบนี้
“ฉันจะให้ยัยแพศยานั่นอยู่ในวงการบันเทิงต่อไปไม่ได้อีกเลย!”หลังจากขึ้นรถซูซีก็พูดแบบนี้กับเบลซ
แพศยาที่ซูซีพูดถึงนั้น ครั้งนี้ไม่ใช่หลินจือ แต่เป็นดาราสาวที่สวมชุดราตรีสีฟ้าคนนั้น
ถ้าไม่ใช่ดาราสาวคนนั้นสาดไวน์ใส่เธอทั้งตัว เธอก็คงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์คับขันแบบนี้หรอก
“ดาราเล็กๆธรรมดาๆแบบนี้ รับมือง่ายๆ”เรื่องนี้สำหรับเบลซแล้วเป็นเรื่องง่ายๆ
เดิมทีเบลซคิดว่าหลินจือก็เป็นคนที่รับมือด้วยง่าย คิดไม่ถึงว่าจะไปเล่นโดนคนที่ยากจะจัดการจนถูกเล่นงานกลับได้ และเพราะจอร์แดนเขาจึงต้องประนีประนอมให้ลูกสาวของตัวเองขอโทษหลินจือ
เรื่องนี้เบลซโกรธอยู่ตลอด
คิดถึงตรงนี้ เบลซก็ขับรถไปพูดไปด้วยว่า:“ช่วงนี้จอร์แดนอยู่ที่เมืองเจสเวิร์ด จะต้องติดต่อสัมผัสกับหลินจือแน่ ให้คนไปถ่ายรูปมา สร้างข่าวฉาวให้พวกเขา”
แบบนี้ หลินจือกับจอร์แดนก็คงเสียหายไปทั่ววงการ ช่วยระบายความโกรธแทนลูกสาว และยังช่วยเธอกำจัดอุปสรรคในหน้าที่การงานอีก ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
เนียร์พยักหน้าพูดว่า:“โอเค”
ซูซีที่แทบจะบ้าไปทั้งคืน ก็ถูกบรรเทาลงไปได้เยอะจากการกระทำของพ่อแม่
จนเธอพิงไปที่เบาะนั่งและยิ้มอย่างพอใจ ถึงตอนนั้นข่าวอื้อฉาวของหลินจือกับจอร์แดนตาแก่คนนี้ถูกเปิดเผย ดูซิว่าจะทำให้ชาวเน็ตด่าเขาสองคนเจียนตายเลยไหม
คนหนึ่งเป็นผู้หญิงที่หน้าด้านปีนขึ้นเตียงผู้ชายเป็นอย่างเดียว อีกคนก็แค่ตาแก่ที่ไม่ได้เรื่องได้ราวตะกละอยากได้เด็กสาวสวยๆ
จอร์แดนที่มีภาพลักษณ์ของผู้ชายแสนดีทำงานหนักมาหลายปีนี้ก็จะถูกทำลายลง กลัวว่าต่อไปคงต้องถอนตัวออกไปจากวงการนี้เสียแล้ว
พอซูซีถึงบ้าน ก็มีฮอตเสิร์ชอันหนึ่งขึ้นมา ซูซีเห็นหัวข้อฮอตเสิร์ชนั้นแล้ว ก็โกรธจนกัดฟันแน่น หวังว่าฮอตเสิร์ชของตัวเองไม่ถูกกดลงไป
หัวข้อของฮอตเสิร์ชคือ:นักเขียนบทหนังสือเล่มใหม่ของจอร์แดน
พอกดไปก็เป็นจอร์แดนประกาศความร่วมมือของหนังสือเล่มใหม่กับฟอเรนาเอนเตอร์เทนเมนต์ต่อสาธารณชนในงานเลี้ยงคืนนี้ และแนะนำนักเขียนบทที่จะแก้บทของหนังสือเล่มใหม่
บนเวยป๋อยังแนบภาพถ่ายหมู่ของหลินจือกับจอร์แดนและเทาเท่ใบหนึ่ง ในภาพหลินจือยืนอยู่ตรงกลาง ส่วนจอร์แดนกับเทาเท่อยู่ด้านข้างเธอ ทั้งสามยิ้มบางๆไปที่เลนส์ตรงข้าม
อารมณ์ของหลินจือก็สดชื่น รอยยิ้มนั้นดูใจกว้างและมั่นใจ ยืนอยู่กับคนใหญ่โตอย่างเทาเท่และจอร์แดน แต่ดันไม่มีความรู้สึกกดดันจากพวกเขาเลยสักนิด
ในช่องแสดงความเห็นคนกลุ่มหนึ่งต่างอวดครวญรูปลักษณ์และสไตล์ของนักเขียนบทยังสาวคนนี้ และประหลาดใจกับประวัติย่ออันโดดเด่นของเธอ
ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่พูดถึงที่เธอเป็นลูกศิษย์ของครูส ก็เพียงพอที่จะให้ทุกคนมั่นใจในความสามารถของเธอแล้ว
และยิ่งไม่ต้องพูดถึงชื่อละครที่เธอเคยร่วมเขียนบทอยู่หลายเรื่องที่ระบุในประวัติ ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องที่มีเรตติ้งสูงและคำวิจารณ์แง่บวก
จากคลื่นความฮอตนี้ ฟอเรนากรุ๊ปกับเบลดิ้งจึงร่วมมือกันประชาสัมพันธ์ละครใหม่ที่กำลังจะเริ่มถ่ายทำ”The Legend of Concubine Rong “นักเขียนบทก็คือฟิลคูลสาวสวยคนนี้
ขณะเดียวกันก็ประกาศทีมผู้ผลิตของ”The Legend of Concubine Rong “:ผู้กำกับเจเทาวน์ นักแสดงนำหญิงนานิ นักแสดงนำชายนิปปอน นางรองดาหลา
ข่าวนี้ประกาศออกไป”The Legend of Concubine Rong “ก็พุ่งสู่อันดับหนึ่งของฮอตเสิร์ชอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าอีกครั้ง
ต้องรู้ว่า เจเทาวน์เป็นนักแสดงแล้วไปเป็นผู้กำกับทุกคนเข้าใจได้ นานิดาราสาวที่ดังมากขึ้นมาเป็นนักแสดงนำก็เข้าใจได้ แต่นิปปอนเป็นนักแสดงชายยอดเยี่ยมที่ไม่ชอบเป็นที่สนใจสุดๆและยังจุกจิกกับบทด้วย พอมาเป็นนักแสดงนำชายได้ ทำให้ผู้คนต่างตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ตกตะลึงจนมีคนพูดว่า ในเมื่อจ้างนิปปอนมาได้ งั้นก็หมายความว่าบทจะต้องดีมาก ดูเหมือนว่าสาวเขียนบทคนนี้จะมีความสามารถจริงๆ
หลังจากสนใจผู้ผลิตมีชื่อเสียงเหล่านั้นแล้ว ก็มีคนสนใจดาหลาที่เล่นเป็นนางรอง
นี่คือนักแสดงที่ไม่มีชื่อเสียงเลย ทำไมถึงมาเป็นนางรองได้?
ดังนั้นชาวเน็ตส่วนมากจึงค้นหาเกี่ยวกับดาหลา ไม่ค้นหาก็ไม่ให้ความสำคัญอะไร พอค้นก็ถึงกับตกใจ
นักแสดงสาวที่ไม่มีชื่อเสียงอะไรนี้ชื่อว่าดาหลา ถึงแสดงละครไปสิบกว่าเรื่องแล้ว แน่นอนว่า ก็ยังเป็นตัวละครที่ไม่น่าสนใจ ไม่งั้นก็คงโด่งดังไปแล้ว
แต่ว่า ทุกบทบาทของเธอ ถึงแม้ไม่อยู่ในสายตาเลย แต่ดูออกว่าเธอใช้ใจแสดงสุดๆ