DC บทที่ 227: โน้มน้าวหลี่เซียวโม่ให้ร่วมฝึกคู่

 

ซูหยางตื่นแต่เช้าและออกจากบ้านทันทีที่ล้างหน้าเสร็จ

 

หลังจากออกบ้าน เขาก็ตรงไปยังเขตศิษย์ในเพื่อมองหาหลี่เซียวโม่ ศิษย์ในเพียงคนเดียวที่เขาคุ้นเคย

 

เมื่อเข้าไปในเขตศิษย์ใน ซูหยางก็นำเอาป้ายหยกประจำตัวออกและมองหาที่พักของหลี่เซียวโม่จากในนั้น ในเมื่อป้ายจะบรรจุข้อมูลของสถานที่พักของศิษย์นอกและศิษย์ในทุกคน อย่างไรก็ตามวิธีการเช่นนี้จะสามารถใช้ได้แต่ศิษย์ในขึ้นไปเท่านั้น

 

เจตนาของวิธีการนี้ก็เพื่อที่จะยอมให้เหล่าศิษย์ค้นหาศิษย์คนอื่นเพื่อที่จะร่วมฝึกคู่ด้วยถึงแม้ว่าพวกเขาและเธอจะไม่เคยพบอีกฝ่ายมาก่อน นี่จะทำให้ศิษย์ที่ปรารถนาที่จะหาคู่ฝึกคนใหม่มีโอกาสที่จะทำเช่นนั้น ยิ่งไปกว่านั้นมันทำให้เกิดความสะดวกสบาย

 

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าซูหยางไร้คู่ไม่ว่าจะเหตผลใดก็ตามและต้องการจะหาคนใหม่แต่ก็ยากลำบากที่จะทำเช่นนั้น เขาสามารถใช้ป้ายหยกเพื่อค้นหาผู้คนและพยายามโน้มน้าวพวกเธอมาเป็นคู่ฝึกของเขาได้

 

ตามความเป็นจริงศิษย์ในหลายคนใช้วิธีการนี้เพื่อค้นหาคู่ฝึกคนใหม่เมื่อพวกเขาและเธอเบื่อกับคนปัจจุบัน ถ้าพวกเขาและเธอล้มเหลวเป้าหมายแรก พวกเขาและเธอก็สามารถไปยังเป้าหมายต่อไปได้อย่างง่ายดาย

 

และถึงแม้ว่าจะมีบางคนไม่ปลื้มกับระบบนี้ เพราะว่ามันสร้างความรำคาญให้ในบางครั้งด้วยผู้คนล้วนตามหาพวกเขาหรือเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิษย์ที่ได้รับความนิยมที่มีคู่ฝึกหลายคนอยู่แล้ว พวกเขาและเธอก็สามารถร้องของให้ปกปิดข้อมูลของตนเองจากคนอื่นได้ตลอดเวลา

 

หลังจากเดินไปยังเขตศิษย์ในได้สองสามนาที ซูหยางก็ไปถึงที่พักของหลี่เซียวโม่

 

ยามเมื่อไปถึง อย่างไรก็ตาม ซูหยางก็พบว่าเขาไม่ได้เป็นคนเดียวที่มาตามหาหลี่เซียวโม่ ตามจริงที่นั่นมีศิษย์ชายอยู่สองสามคนแล้วที่มาถึงก่อนหน้าเขาเพื่อที่จะพยายามเสี่ยงโชคกับหลี่เซียวโม่

 

ชายหนุ่มรูปงามสี่คนยืนอยู่ตรงหน้าที่พักของหลี่เซียวโม่ โดยมีหลี่เซียวโม่อยู่ตรงประตูพูดคุยกับพวกเขา

 

“ศิษย์น้องหญิงหลี่ เจ้าสามารถบอกเหตุผลกับข้าสักนิดได้หรือไม่ว่าทำไมเจ้าไม่ต้องการที่จะร่วมฝึกคู่กับข้า ข้าสัญญาเจ้าว่าข้าจักทำให้เจ้าได้รู้จักโลกใบใหม่แห่งความสุข”

 

หนึ่งในชายหนุ่มรูปงามกล่าวด้วยความผิดหวัง

 

ถ้าเขาไม่โน้มน้าวหลี่เซียวโม่ เช่นนั้นหนึ่งในสามคนที่เหลืออาจจะพาเธอไปจากเขา

 

อย่างไรก็ตามหลี่เซียวโม่จ้องมองไปยังชายหนุ่มด้วยสายตาเย็นชาและกระชากเสียงว่า “เจ้าต้องการที่จะรู้ว่าทำไมนะรึ ง่ายมาก ข้ามิต้องการร่วมฝึกวิชากับชายที่ไม่สามารถรักษาสัญญาได้”

 

หลังจากที่ได้เรียนรู้ถึงกลเม็ดเคล็ดวิชาระดับพระเจ้าของซูหยาง มาตรฐานของหลี่เซียวโม่ในความพึงใจก็เพิ่มสูงขึ้นไปอีกสองสามระดับ ดังนั้นการหาคู่ฝึกที่สามารถเติมเต็มความปรารถนาของเธอนั้นจึงกลายเป็นสิ่งที่ยากมากแม้กระทั่งชายเหล่านี้ทั้งหมดจะมาให้เธอเลือก

 

“เจ้าหมายความว่าอะไร ข้าจะเติมเต็มคำสัญญาของข้าได้อย่างไรในเมื่อเจ้ายังมิให้แม้กระทั่งโอกาสข้า” ชายหนุ่มกล่าวด้วยท่าทางอยากร้องไห้

 

“ยอมแพ้เสียเถอะเด็กน้อย เจ้ามิเห็นหรือว่าเจ้าเพียงแค่รบกวนศิษย์น้องหญิงหลี่ ยังมีแถวอยู่ตรงนี้เจ้าก็รู้”

 

หนึ่งในชายหนุ่มที่รออยู่ให้อีกฝ่ายพูดจบพลันกล่าวขึ้นเสียงดัง จนทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มที่ถูกปฏิเสธแดงขึ้นด้วยความโกรธ

 

“ใช่แล้วศิษย์น้องหญิงหลี่ได้ปฏิเสธที่จะร่วมฝึกกับเจ้าไปแล้วสองครั้ง เจ้ามิมีค่ากับเธอ ไปให้พ้น”

 

แม้ว่าชายหนุ่มที่ถูกปฏิเสธต้องการทุบตีชายหนุ่มเหล่านั้นเพื่อระบายความโกรธ แต่เขาไม่ต้องการเสียหน้าไปมากกว่านี้ต่อหน้าหลี่เซียวโม่จึงกล่าวกับเธอว่า “ศิษย์น้องหญิงหลี่ ข้าจักกลับมาถามท่านใหม่พรุ่งนี้–”

 

“เจ้ามิต้องกลับมาในวันพรุ่งนี้ เพราะว่าคำตอบของข้าจักยังคงเหมือนเดิม ข้าจักไม่ฝึกร่วมกับเจ้า” หลี่เซียวโม่กล่าว หักอกชายหนุ่มผู้น่าสงสารอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตามเธอยังพูดไม่จบจึงกล่าวต่อว่า “ตามความเป็นจริง พวกเจ้าทุกคนก็ควรจะไปได้แล้วและมิต้องกลับมาอีกเพราะว่าข้าจักไม่ฝึกร่วมกับพวกเจ้าไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม”

 

“ว่ากระไร แต่…”

 

ชายหนุ่มที่เหลืออีกสามพากันตกตะลึงกับคำพูดของเธอ

 

“จ-เจ้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร สุดที่รักของข้า เจ้าจำข้ามิได้รึ เราเคยร่วมฝึกกันมาสองสามครั้งก่อนหน้า–”

 

“อย่าเรียกข้าเช่นนั้น ข้ามิเคยจำได้ว่าเคยฝึกร่วมกับคนที่น่าเกลียดดังเช่นเจ้า” หลี่เซียวโม่ถุยน้ำลายลงพื้น

 

“น-น-น-น่าเกลียดรึ”

 

ใบหน้าชายหนุ่มไม่ได้น่าเกลียด เขาเกือบจะระเบิดเสียงร่ำไห้ออกมา ในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนบอกเขาว่าน่าเกลียด

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ชายหนุ่มไม่รู้ก็คือว่ามาตรฐานหลี่เซียวโม่ของคำว่า “หล่อเหลา” ได้เปลี่ยนไปแล้วเช่นกันเนื่องเพราะว่าใบหน้าที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดของซูหยาง

 

“ล-แล้วข้าล่ะ ศิษย์น้องหญิง เจ้าสัญญากับข้าไว้ว่าเราจักร่วมฝึกฝนด้วยกันยามเมื่อคุยกันครั้งสุดท้าย” อีกคนพูดด้วยเสียงสั่นสะท้าน

 

“หืม ข้าเคยพูดอะไรอย่างนั้นด้วยรึ ข้ามิเห็นจะจำได้ ดังนั้นเจ้าก็ควรลืมมันไปซะ” หลี่เซียวโม่กล่าวด้วยเสียงไร้อารมณ์

 

“ม-ไม่มีทาง…เจ้าช่างโหดร้ายที่สุด ศิษย์น้องหญิง…”

 

“ศิษย์น้องหญิง…” ศิษย์คนสุดท้ายที่ไม่รู้สึกอยากต้องการโน้มน้าวหลี่เซียวโม่อีกต่อไปหลังจากที่เห็นเธอปฏิเสธสามคนก่อนอย่างโหดร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาล้วนเหนือกว่าเขาคนละระดับ ยิ่งไม่ต้องการให้หลี่เซียวโม่เยาะเย้ยเขาในทุกวิถีทาง

 

“ข้าจักไม่กล่าวซ้ำ พวกเจ้าทุกคนควรไปให้พ้นหน้าข้าเพราะว่าข้าจักไม่ร่วมฝึกกับพวกเจ้า” หลี่เซียวโม่กล่าวกับพวกเขา

 

ชายหนุ่มทั้งสี่ถอนใจ คิดสงสัยในใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เพราะว่าเธอไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน

 

สองสามวินาทีหลังจากนั้น ขณะที่หลี่เซียวโม่เตรียมตัวปิดประตู เสียงอื่นก็ดังขึ้นในพื้นที่นั้น

 

“แล้วข้าล่ะ เจ้าต้องการฝึกร่วมกับข้าหรือไม่” เสียงเรียบเฉยพูดกับเธอจากที่ไกล

 

ก่อนที่เธอจะทันได้ดูให้ดีไปยังใบหน้าเจ้าของเสียงเรียบเฉยนี้ หลี่เซียวโม่ก็ได้ตะโกนออกมา “ไม่ ข้ามิต้องการที่จะฝึกร่วมกับหมูเช่นเจ้า–”

 

“เช่นนั้นรึ ช่างน่าเวทนา กระทั่งข้ายังคาดหวังกับเรื่องนี้…” ซูหยางถอนหายใจด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง

 

“ซ-ซ-ซ-ซู ย-หย-หยาง…”

 

สุดท้ายเมื่อหลี่เซียวโม่เห็นใบหน้าเจ้าของเสียง เธอก็พลันเสียใจทันทีที่พูดออกไปอย่างเร่งรีบจนสำลักจากความตกตะลึง