ภาค 4 กวาดล้างหมื่นลี้ บทที่ 308 กว่างเฉิงสู้รบกับสุริยันศักดิ์สิทธิ์!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

พลังอำนาจหวงกวงเลี่ยท่วมท้นเสียดฟ้า ปกคลุมทั้งเขากว่างเฉิง

เยี่ยนจ้าวเกออยู่บนยอดเขาพายุสะท้าน ไม่ได้ยกเว้นเช่นกัน

เขาเงยหน้าขึ้น สายตาสงบนิ่งมองตรงยังหวงกวงเลี่ยที่อยู่ภายในเมฆ ในเส้นสายตาสามารถเห็นรูปลักษณ์ท่าทางของอีกฝ่ายได้อย่างแจ่มชัด ทว่ากลับมีเพียงสีขาวโพลนทั่วในการสัมผัสรับรู้

ความรู้สึกชนิดนั้น ล้วนยังทำให้ผู้คนรู้สึกร้อนรนเสียยิ่งกว่ามองดวงอาทิตย์ตรงๆ เสียอีก

ในชั่วเสี้ยวขณะนั้น เยี่ยนจ้าวเกอบังเกิดความรู้สึกที่ตนเองไม่ดำรงอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว คล้ายกับถูกแสงโชติช่วงไร้ที่สิ้นสุดนั่นทำให้บริสุทธิ์ก็ไม่ปาน

หวงกวงเลี่ยที่อยู่กลางท้องฟ้า สัมผัสรับรู้อยู่แก่ใจ รู้สึกได้ว่าสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอกำลังจดจ้อง เส้นสายตาของเขาก็มองมาทางยอดเขาพายุสะท้านทันที

พลังที่เดิมทีปกคลุมเขากว่างเฉิงนั่น ชั่วพริบตารวมตัวไปทางเยี่ยนจ้าวเกอ ตามการจดจ่อของเส้นสายตาหวงกวงเลี่ย

พลังแสงอาทิตย์อันไร้ขอบเขตไร้ที่สิ้นสุด เกาะผนึกเป็นจุดเดียวในชั่วขณะนี้ ทะลุผ่านนภาอากาศ แผดเผามิติ แหวกออกเป็นโพรง!

บนยอดเขานภากาศ เยี่ยนตี๋ผุดลุกขึ้น สะบัดดาบสวรรค์มังกรทะยานในมือ แขนชุดคลุมนภากว้างใหญ่ดุจผืนฟ้า พลิ้วไหวออกมา

เจตจำนงดาบตัดฟ้าแยกแผ่นดินผงาดขึ้น สะบั้นแสงอาทิตย์

ผู้อาวุโสจางและผู้อาวุโสกงที่อยู่หลังกายเยี่ยนตี๋ สีหน้าล้วนไม่ผ่อนคลาย

หวงกวงเลี่ยในขณะนี้ ยังไม่นับว่าลงมืออย่างแท้จริง

บนยอดเขาพายุสะท้าน สีหน้าท่าทางเยี่ยนจ้าวเกอสงบนิ่ง มองหวงกวงเลี่ย พลางประสานมือคำนับ “ศิษย์กว่างเฉิงเยี่ยนจ้าวเกอขอคารวะ ต่อหน้าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ตะวันเยือน”

หวงกวงเลี่ยพินิจเยี่ยนจ้าวเกอศีรษะจรดเท้าแวบหนึ่ง หลังจากครู่ใหญ่ จึงกล่าวอย่างไม่ยี่หระว่า “ลำพังเพียงพลังฝึกปรือวรยุทธ์และพลังความสามารถ ภายหลังเจ้าจะสามารถเคียงบ่าบิดาเจ้าเยี่ยนตี๋ได้หรือไม่ ยังไม่เอ่ยถึงก่อน แต่ในระดับที่เท่ากัน ภายใต้อายุเท่ากัน เจ้าก่อการใหญ่ยิ่งกว่าที่บิดาเจ้าแล้ว”

“น่าเสียดาย ข้าตัดสินใจดับสิ้นกว่างเฉิง สังหารเยี่ยนตี๋แล้ว”

“และจะไม่เหลือเจ้าไว้เช่นกัน”

เขาเหยียดมือข้างหนึ่งไปด้านหน้า กลางฝ่ามือปล่อยแสงสว่างไสว ขาวโพลนไปทั่วบริเวณ

วิชาสืบทอดสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ อันดับแรกในเจ็ดวิชาสุริยัน

จรัสแสงโชติช่วง ใต้หล้ากระจ่างแจ้ง!

ยอดทักษะที่พานป๋อไท่เคยสำแดงในมือ บัดนี้อยู่ในมือของหวงกวงเลี่ยแล้ว หนำซ้ำยังเป็นอีกปรากฏการณ์อีกประเภทหนึ่ง

ขณะเผลอไผล ตรงหน้าผู้คนไม่เปล่งประกายแสงสีขาวอีกต่อไป กลับมืดสนิทไปทั่วเสียด้วยซ้ำไป

แสงสว่างจนถึงขีดสุด ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกที่ตนเองใกล้เคียงจะเสียการมองเห็นไป

ภายใต้ท่าฝ่ามือของหวงกวงเลี่ย เหมือนว่าบนโลกมีเพียงเขาที่เป็นสัจธรรม เป็นอำนาจครอบงำเพียงหนึ่งเดียว เป็นแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียว ทุกสรรพสิ่งที่เหลือล้วนกลับคืนสู่นิพพานอันมืดมิด

อาทิตย์อุทัยจากทิศตะวันออก ช่วงเวลาฟ้าอรุณ ดวงตะวันที่จริงแท้ได้ค่อยๆ ทะยานขึ้นที่เส้นขอบฟ้าอย่างเชื่องช้าแล้ว

ทว่าขณะนี้ ทั้งเขากว่างเฉิงกลับเหมือนว่าก้าวสู่ค่ำคืนมืดอีกครั้ง

เบื้องบนยอดเขานภากาศ มหาค่ายกลนภาที่คุ้มกันเขากว่างเฉิงเสมอมา แสงวาวโรจน์ของลวดลายค่ายกลก็มืดสลัวลงไปในชั่วขณะนี้เช่นกัน ราวกับแสงเทียนที่กำลังดับมอด

บนยอดเขา ลำแสงเล็กน้อยสว่างขึ้นบนชุดคลุมนภาของเยี่ยนตี๋ บ้างสีดำบ้างสีเหลือง ไร้ที่สิ้นสุด อีกทั้งทรงพลัง

กระนั้นภายใต้ท่าฝ่ามือหวงกวงเลี่ย ลำแสงเหล่านี้ทอแสงขึ้นมาเล็กน้อย ก็ดับมอดลงเล็กน้อยซ้ำอีก

แสงโชติช่วงน่าพรั่งพรึงถล่มกวาดโลกหล้า ราวกับจะกำจัดทั้งเขากว่างเฉิงไปจากผืนปฐพี

แววตาเยี่ยนตี๋สงบนิ่งไม่ไหววูบ ประจันหน้าหวงกวงเลี่ยผู้แกร่งกล้าอย่างไม่เกรงไม่กลัว

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกคำหนึ่ง ชูดาบสวรรค์มังกรทะยานที่แสงม่วงสลัวดับในมือขึ้นสูง

ลำแสงสีม่วงบนคมดาบ ทอประกายวับวาบขึ้นอีกครั้ง ตามที่เยี่ยนตี๋ชูดาบ!

ชุดคลุมนภาปลิวไหวไม่หยุด ปราณสะอาดหลากสายแผ่กระจายออกไป ยอดเขากว่างเฉิงทั้งแปดสั่นไหวพร้อมกัน

ยอดเขาอรรณพที่ไร้มหาค่ายกลแดนมารปกคลุม ก็บังเกิดเสียงดังก้องพร้อมยอดเขาอื่นทั้งแปดเช่นกัน ถูกปราณสะอาดของชุดคลุมนภาหลายสายพันเกี่ยว

เหนือยอดเขานภากาศ อักขระยันต์มหึมาที่ก่อตัวจากควบแน่นของมหาค่ายกลนภา เริ่มหดตัวลงอีกขั้น!

ดาบสวรรค์มังกรทะยานในมือเยี่ยนตี๋ บังเกิดแสงม่วงสายหนึ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า เชื่อมประสานกับศูนย์กลางมหาค่ายกลที่ย่อขนาดกลายเป็นอักขระยันต์

ท่ามกลางเสียงมังกรคำราม แสงม่วงขยายใหญ่ไม่หยุดยั้ง จนสุดท้ายประหนึ่งเสาค้ำฟ้า

ปราณสะอาดแต่ละสายที่ส่งทอดออกมาจากชุดคลุมนภา เลี้ยวพันอยู่บนลำแสงสีม่วง ผสานเข้ากับมหาค่ายกลนภา

เยี่ยนตี๋เปล่งเสียงระบายความอัดอั้น ฟันดาบหนึ่งลงไปด้านหน้า!

ราวกับเสาค้ำฟ้าพังทลาย ผืนฟ้าเอนคว่ำ ท้องฟ้าอันไร้ขอบเขตแปรสภาพเป็นดาบยาวสีม่วงพร้อมกัน

บนคมดาบที่ยาวลับตาไม่เห็นขอบ ฝังประดับด้วยลวดลายอักขระหนึ่ง คือลายที่ควบแน่นมาจากมหาค่ายกลนภานั่นเอง

ขณะที่ปราณสะอาดแต่ละสายเพ่นพ่านอุตลุด ลำแสงบ้างสีดำบ้างสีเหลือง ขยับขยายอยู่บนคมดาบเช่นกัน

พลังอันยิ่งใหญ่มหาศาลของมหาค่ายกลนภาและชุดคลุมนภา ขณะนี้ถูกเก็บและเสริมหนุนอยู่บนกายเยี่ยนตี๋ทั้งหมด ช่วยเขาสำแดงดาบสุดแกร่งเล่มนี้ออกมา!

ระหว่างแสงม่วงเปล่งประกายวาบ ในที่สุดก็ไม่ให้แสงขาวยึดครองอยู่เบื้องหน้าอีกต่อไป

ความมืดมนถอยร่น แสงสว่างกลับคืนกว่างเฉิงอีกครา

แสงดาบสีม่วงอันโหดเหี้ยมและไพศาล ทลายแสงขาวไร้ที่สิ้นสุดนั่นดังกึกก้องกัมปนาท

บรรดายอดฝีมือสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ แลเห็นภาพฉากนี้บนใบหน้าล้วนเผยสีหน้าชื่นชมออกมาเช่นกัน ทว่าก็ไม่ได้เป็นกังวลแต่อย่างใด

“ในบรรดามหาปรมาจารย์ เจ้าเรียกได้ว่าไร้พ่ายจริงๆ ” หวงกวงเลี่ยผงกศีรษะ “แต่ว่าก็เป็นเพียงแค่ในบรรดามหาปรมาจารย์เท่านั้น”

“เจ้าในตอนนี้ยังอ่อนหัด”

หวงกวงเลี่ยกล่าวจบก็เหยียดฝ่ามือออกไปด้านหน้า กางนิ้วทั้งห้าออก เก็บนิ้วชี้และนิ้วโป้งเข้ามา เหลือเพียงสามนิ้ว จากนั้นก็ชี้ออกไปทางเขากว่างเฉิงและเยี่ยนตี๋ที่อยู่ไกลลิบ

ปลายนิ้วทั้งสาม นิ้วกลาง นิ้วนาง และนิ้วก้อยของเขาล้วนส่องแสงสีทองขึ้นมาทั้งสิ้น

ถึงแม้จะเป็นเพียงแสงสีทองอ่อนๆ ทว่ากลับเหมือนว่าแฝงไปด้วยพลังทำลายล้างอันไร้ขีดสุด

เทียบกับแสงสว่างเจิดจรัสเมื่อครู่ ใต้หล้าสว่างจ้า ยังเป็นพลังที่แก่กล้ายิ่งใหญ่เสียยิ่งกว่า!

ด้วยแสงทองสามจุด แกร่งถึงที่สุดสว่างอย่างถึงที่สุด แกร่งกล้าไม่อาจทำลาย

แสงดาบของเยี่ยนตี๋ ผันผวนขึ้นมาในชั่วพริบตา!

พานป๋อไท่ยิ้มเยียบเย็นพลางเอ่ย “เจ้ามีดาบนภาไร้จำกัด สำนักข้าก็มีวิชาหมัดถึงตะวัน ไตรรพีเบิกฤกษ์!”

หวงกวงเลี่ยขับเคลื่อนวิชาวรยุทธ์สุดยอดของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ กระบวนท่าสังหารไตรรพีเบิกฤกษ์ในวิชาหมัดถึงตะวัน พลังอันแข็งแกร่งมากด้วยกำลังไร้ที่เปรียบ โจมตีไปทางเขากว่างเฉิงและเยี่ยนตี๋

แสงทองสามจุด พาดผ่านฟ้าดิน!

เยี่ยนตี๋ระบายความอัดอั้นลากยาว ดาบมหึมาเบิกฟ้า ฟันออกไปตามแนวขวาง สะบั้นแสงทองทั้งสามจุด

ท่ามกลางเสียงดังอื้ออึง แสงดาบสีม่วงฟาดไปมาไม่หยุด

ระหว่างที่แสงดาบฟาดฟันกับแสงม่วง แสงทองที่สามจุดหลอมรวมกัน ค่อยๆ เปลี่ยนกลับเป็นจุดเดียว พลังสูงขึ้นอีกขั้นหนึ่ง!

สีหน้าท่าทางเยี่ยนตี๋สุขุมเยือกเย็น ถือดาบแนวขวางด้านหน้าอก ในที่สุดก็ใช้ท่าป้องกัน

แสงดาบสีม่วงดุจดั่งม่านฟ้า แบ่งฟ้าดินออกเป็นสองโลก ฝั่งหนึ่งเป็นเขากว่างเฉิง ฝั่งหนึ่งเป็นแสงทองอันน่าหวาดประหวั่นนั่น

แสงม่วงและแสงทองต่างฟาดฟันไม่ยอมลดละ

มีชุดคลุมนภากับมหาค่ายกลนภาเสริมกาย เยี่ยนตี๋เปรียบเสมือนเสาเอกค้ำฟ้า ตระหง่านอยู่บนโลก ไม่ให้หวงกวงเลี่ยข้ามเขตเข้ามาสักก้าว!

โลกแปดพิภพในปัจจุบัน หวงกวงเลี่ยแทบจะเรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่ง

เยี่ยนตี๋อาศัยขั้นมหาปรมาจารย์ หยิบยืมชุดคลุมนภาและมหาค่ายกลนภา ขัดขวางเขาไว้ได้สำเร็จ

และปกป้องสำนักเขากว่างเฉิง ไม่ให้ลูกหลงจากการปะทะของสองผู้แกร่งกล้า กระทบคนอื่นๆ ของเขากว่างเฉิง

หากไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของศิษย์ร่วมสำนักคนอื่นๆ เยี่ยนตี๋ยังมีพลังโจมตีกลับ ไม่ถึงขั้นต้องใช้ท่าปกป้อง

เยี่ยนตี๋ที่บุกโจมตี จึงจะเป็นเยี่ยนตี๋ที่แกร่งที่สุด

กระนั้นไม่มีผู้ใดลืม ว่าหวงกวงเลี่ยในขณะนี้กำลังใช้มือเปล่า

อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ มาตรสุริยันวัดสวรรค์ ยังไม่ได้ออกโรง

บนยอดเขาพายุสะท้าน เยี่ยนจ้าวเกอและอาหู่มองดูภาพฉากนี้ ฝ่ายหลังกลืนน้ำลายเอื๊อก “หลังจากหวงกวงเลี่ยประสบผลสำเร็จรุดหน้าขึ้นอีกขั้น ช่างน่ากลัวจริงๆ มิน่าเล่าไม่ว่าอย่างไรท่านอดีตเจ้าสำนักก็ต้องการจะทะลวงขั้นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ให้ได้”

กลางท้องฟ้า หวงกวงเลี่ยเหลียวกลับเอ่ยต่อผู่จ้าวจวิน พานป๋อไท่และคนอื่นๆ ว่า “เยี่ยนตี๋คือผู้มากความสามารถที่หาได้ยาก การต่อสู้ครั้งสุดท้ายในชีวิตเขา ข้าจะให้โอกาสมันได้สำแดงฝีมือ”

“ส่วนเขากว่างเฉิง ส่งต่อให้พวกเจ้าแล้วกัน”

ผู่จ้าวจวินและคนอื่นๆ ผงกศีรษะพร้อมเพรียง จากนั้นบนท้องฟ้าพลันมีตะวันดวงหนึ่งทะยานขึ้น ทุบลงไปทางเขากว่างเฉิงอย่างรวดเร็วอีกหน!

………………..