เชี่ย! นี่ขู่กันด้วยเหรอเนี่ย…
หลิงม่อหน้าโกรธขึ้ง แต่ก็ยังคงได้แต่ยืนนิ่งชั่วครู่หนึ่ง
ถึงแม้ร่างดวงจิตของเขาแข็งแกร่ง แต่การโจมตีของหัวหน้าทีมนิพพานก็ไม่ได้อ่อนแอ ส่วนระดับความคล่องแคล่ว สองฝ่ายถือว่าทัดเทียมสูสี นั่นทำให้หลิงม่อต้องทำความเข้าใจกับวิธีการของราชินีแมงมุมใหม่อีกครั้ง กระทั่งเพื่อยืดเวลาในการต่อสู้ของเสี่ยวเฮยออกไปให้ได้นานที่สุด หลิงม่อถึงขั้นสวม “โล่เพลิงโลกันต์” กลับไปบนร่างของมัน ขณะเดียวกันก็ให้มันถอยห่างจากหัวหน้าทีมนิพพานมากที่สุด จากนั้นอาศัยเส้นสายแห่งพลังจิตดำเนินการโจมตี
“ไปตายซะ! ไปตายซะ! ย้ากกก…” หลังจากพยายามโจมตีมานานแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ อยู่ๆ หัวหน้าทีมนิพพานก็เริ่มตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแดงก่ำไปด้วยเลือด บนผิวหนังก็เริ่มปรากฏรอยสีแดงเป็นปื้น ทำให้หลิงม่อที่เดิมกำลังคิดหากลยุทธ์ใหม่พลันสะท้านไปทั้งตัว
เป็นไปไม่ได้…
ผลาญพลังไปมากมายขนาดนั้นแล้ว อย่าบอกนะว่ายังจะระเบิดพลังอีกครั้ง?
ทว่าไม่นาน หลิงม่อก็เข้าใจจุดประสงค์ของศัตรู เห็นชัดว่าหัวหน้าทีมนิพพานตัดสินใจเทหมดหน้าตักเพื่อเดิมพันเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว แต่นั่นก็ถือเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุดสำหรับเขาแล้วจริงๆ เพราะหากยังยื้อสงครามผลาญพลังกับหลิงม่อต่อไป เขาก็จะยิ่งเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ และเห็นชัดว่าบทสรุปที่ต้องเป็นฝ่ายแพ้ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเห็น
เดิมหลิงม่อนึกว่าหลิวหยางจะขัดขวางการกระทำนี้ของหัวหน้าทีมนิพพาน…เพราะอย่างไรจุดประสงค์ของหลิวหยางคือต้องการให้เจ้าหมอนี่ผลาญพลังของเขาให้ได้มากที่สุดไม่ใช่หรือ? แต่สิ่งที่ทำให้เขาผิดคาดก็คือ หลิวหยางไม่เพียงไม่ออกมาห้าม ตรงกันข้าม กลับควบคุมร่างกายของหัวหน้าทีมนิพพานเพื่อช่วยอีกหนึ่งแรง…
พรวดๆๆ!
หยาดเลือดมากมายพุ่งกระฉูดออกมาจากทุกจุดทั่วร่างของหัวหน้าทีมนิพพาน ไม่นาน ท่ามกลางหยาดเลือดที่พร่างพรายกลางอากาศ พลันปรากฏเงาสีแดงดำมากมายหลายเส้น…สิ่งของที่ลำตัวเรียวยาวเหมือนแมลงมีพิษเหล่านี้เลื้อยรัดรอบตัวหัวหน้าทีมนิพพาน ส่งผลให้เขามีสภาพน่าสยดสยองสุดขีด บนศีรษะซึ่งเป็นเพียงส่วนเดียวที่ยังดูปกติ ก็มีภาพสยองขวัญเกิดขึ้นด้วย ตาขวาของเขา…มี “แมลงพิษ” มากมายมุดออกมา และกำลังไต่ยั้วเยี้ยขึ้นไปบนหัวเขา
ดวงตาอีกข้างของเขาที่ยังปกติดีกลับเต็มไปด้วยสีแดงของเลือดที่คั่ง จดจ้องมายังหลิงม่ออย่างอาฆาตมาดร้าย เห็นชัดว่าเวลานี้เขาสูญเสียการควบคุมอารมณ์ไปแล้ว น้ำเสียงยามพูดสะท้อนความคลุ้มคลั่ง “ทั้งหมดเป็นเพราะแก…เป็นความผิดของแก! ถ้ายอมตายดีๆ ตั้งแต่แรกเรื่องก็จบแล้ว แต่แกกลับทำให้ฉันต้องอยู่ในสภาพอย่างนี้…ฉันจะฆ่าแก! ฉันจะกำจัดพลังจิตทั้งหมดของแกซะ…ไม่สิ เหลือสติสัมปชัญญะไว้ให้แกซักหน่อยดีกว่า จากนั้นก็ปล่อยให้แกมองดูตัวเองถูกทรมานจนตายไปอย่างช้าๆ ใช่สิ ฉันใกล้จะกลายเป็นสัตว์ประหลาดแล้วนี่ พอถึงตอนนั้นฉันจะกินแกเป็นคนแรกเลย ฮ่าๆๆๆ…ใช่แล้ว ยังมีผู้หญิงพวกนั้นอีก! แกรู้อะไรไหม? ตอนนี้ฉันสามารถรับรู้กลิ่นของพวกเธอได้แล้วล่ะ ช่างหอมอะไรอย่างนี้…”
“ตายซะเถอะ!”
หัวหน้าทีมนิพพานพุ่งตัวเข้ามาทันที
“ขวางไว้!”
ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับเสี่ยวเฮยที่ยืนขวางอยู่เบื้องหน้า หัวหน้าทีมนิพพานกลับหัวเราะเสียงแหบพร่าอย่างบ้าคลั่ง จากนั้น “แมลงพิษ” หลายตัวก็ม้วนพุ่งออกมาจากร่างเขาเข้าไปโรมรันพันตีกับเสี่ยวเฮย เดิมที “แมลงพิษ” เหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่เกิดจากร่างกายเขา หลังผ่านกระบวนการปรับโครงสร้างจนมีพละกำลังอันแข็งแกร่ง บวกกับพลังจิตที่หัวหน้าทีมนิพพานระเบิดออกมา จึงส่งผลให้พลังทำลายล้างโดยรวมของพวกมันพุ่งพรวดขึ้นในพริบตา
ฉวยโอกาสในเสี้ยววินาทีที่ “แมลงพิษ” เข้าเลื้อยรัดเส้นสายแห่งพลังจิต หัวหน้าทีมนิพพานพุ่งตัวเข้าไปจนถึงตรงหน้าเสี่ยวเฮย แล้วพลันเหวี่ยงหมัดตรงไปที่หน้าอกของร่างดวงจิตร่างนี้เต็มแรง
เปลวไฟที่เป็นตัวแทนและอยู่ในตำแหน่งของหัวใจพลันกระเพื่อมไหว ในขณะที่หัวหน้าทีมนิพพานยังคงจู่โจมอย่างไม่หยุดยั้ง “ตายซะๆๆ!”
สีแดงเลือดบนใบหน้าเขาเริ่มเข้มขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันปากก็กระอักเลือดออกมาไม่หยุด ทว่าเขาไม่แยแสเรื่องเหล่านั้นแม้แต่น้อย…ไม่ว่าต้องผลาญพลังอีกมากเท่าไหร่ ขอเพียงฆ่าหลิงม่อได้ก่อนที่พลังจะหมดก็คุ้มแล้ว!
“ฉันอยากรู้นัก…ว่าแกจะมีอุบายอะไรอีก…” หลิวหยางเองก็เดินมาถึงทางเดินที่ทั้งคู่ต่อสู้กันอยู่ พลางยืนมองอยู่ไกลๆ ด้านหลังหัวหน้าทีมนิพพาน
เวินเสี่ยวอวี่ตรึงกำลังพวกซย่าน่าไว้ได้ หลิงม่อเองก็ตระหนักเรื่องนี้ดี ถึงแม้หลิวหยางไม่ลงมือ แต่การมีอยู่ของเขาถือเป็นอันตรายใหญ่หลวงอย่างหนึ่ง ดังนั้นจนถึงเมื่อกี้ หลิงม่อจึงยังคงพยายามออมพลังของตัวเองไว้ให้ได้มากที่สุด แต่ตอนนี้…
“ลงมือสิ แกจะยืนมองอยู่ตรงนั้นเฉยๆ ก็คงไม่ได้…หลิงม่อ แกยังมีอุบายอะไรอยู่อีก? ถึงแม้ว่าฉันจะคอยสัมผัสรู้ตำแหน่งของแกอยู่เสมอ แต่กลับไม่เคยรู้ว่าแกแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่…”
บนใบหน้าที่ค่อนข้างแข็งทื่อไร้อารมณ์ของหลิวหยาง เวลานี้กลับฉายประกายตื่นเต้นขึ้นมาวูบหนึ่ง
“ลงมือสิ!”
“ไปตายซะ!”
ท่ามกลางเสียงพึมพำของหลิวหยางและเสียงคำรามของหัวหน้าทีมนิพพาน ในที่สุดร่างดวงจิตเสี่ยวเฮยก็สลายหายไป ส่วนร่างจริงของหลิงม่อก็ปรากฏต่อหน้าหัวหน้าทีมนิพพานโดยไร้เกราะกำบังใดๆ เป็นครั้งแรก ทั้งสองอยู่ห่างกัน…ไม่ถึงสองเมตรเท่านั้น!
“ฮ่าๆๆๆ…” หัวหน้าทีมนิพพานหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับสาวเท้าวิ่งพุ่งเข้าไปทันที
ขณะเดียวกัน “แมลงพิษ” ที่อยู่ตามผิวกายเขาก็แกว่งไกวชูคออย่างต่อเนื่องไปด้วย
จากที่เขาเห็น หลิงม่อจะต้องป้องกันตัวอีกครั้งแน่ๆ…
ทว่าผ่านไปชั่วพริบตา หัวหน้าทีมนิพพานก็ต้องอึ้งงัน
หมอนี่…ไม่ป้องกันงั้นเหรอ?
อย่าว่าแต่ป้องกันเลย หลิงม่อไม่แม้แต่จะหันมาโต้กลับด้วยซ้ำ
สิ่งที่หลิงม่อทำ มีเพียงถอยหลังไปหนึ่งก้าวเท่านั้น
ก้าวนั้นของเขาเห็นชัดว่าเคลื่อนถอยด้วยพลังจิต มีระยะทางประมาณสองสามเมตร แต่ว่า…
“แกยอมแพ้แล้วงั้นเหรอ? ฮ่าๆๆ…ถ้าอย่างนั้นก็วิ่งหนีไปเลยสิ ดูซิว่าฉันจะไล่ตามแกทันหรือเปล่า!” หัวหน้าทีมนิพพานเย้ยหยัน
หลิงม่อกลับยังคงเงียบไม่พูดอะไร…มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่ได้ยินเสียงพูดในสมองของตัวเองอย่างชัดเจน…
“อีก…ศูนย์จุดหนึ่งวินาที…”
“ไม่หนีเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ทำตัวดีๆ หน่อยล่ะ! ไม่แน่ว่าฉันจะอาจจะไม่ปล่อยให้แกตายอย่างทรมานนักก็ได้!” หัวหน้าทีมนิพพานสาวเท้าอีกครั้ง
“ตอนนี้แหละ!”
ม่านตาของหลิงม่อหดตัวทันใด
ขาซ้ายของหัวหน้าทีมนิพพานเหยียบลงบนตำแหน่งที่เขาเพิ่งยืนเมื่อกี้แล้ว…
“แย่แล้ว!” หลิวหยางเองก็พลันตระหนักได้ในเวลานี้
คนเดียวที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวก็คือหัวหน้าทีมนิพพาน…ความจริงเขาเป็นเหมือนเครื่องถ่ายเทพลังจิตอันบ้าคลั่งเท่านั้น เพราะร่างกายของเขาไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเอง…ดังนั้นถึงแม้ว่าฝีเท้าจะสะดุด เขาก็ยังคงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แล้วบอกว่า “ฉันรู้อยู่แล้วว่าฉันต้องฆ่าแกได้แน่ๆ ฉันรู้อยู่แล้วว่าการตัดสินใจของฉันไม่ผิด ฮ่าๆๆๆ…”
“คำนวณพลาดซะแล้ว…” สายตาของหลิวหยางประกายเย็นเยียบ
และในขณะที่หัวหน้าทีมนิพพานพูดอยู่นั้น สัมผัสเยือกเย็นหนึ่งก็พลันแผ่ซ่านลงมาจากเหนือศีรษะของเขา
เวลานี้ ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ถึงสิ่งผิดปกติ…
“เกิดอะไรขึ้น?”
หัวหน้าทีมนิพพานเงยหน้าขึ้นอย่างงงงัน ทว่าภาพตรงหน้าเขากลับเป็นสีแดงฉูดฉาดบาดตา…
“ขอแนะนำให้รู้จัก เจ้าตัวนี้ชื่อมาสเตอร์บอล”
……………………………………..