ดาบ ‘ทลายน้ำแข็ง’ ซึ่งเป็นดาบเวทมนตร์ชั้นกลางระดับสี่ ซึ่งมีพลังพิเศษจากน้ำแข็งและพิษ และช่วยยกระดับการทรงตัวของผู้ครอบครอง เจคอปใช้เงินเกือบหนึ่งหมื่นธาเลเพื่อซื้อมันมา ทว่าในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในชีวิตเขา เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะดึงดาบนั้นออกมาเลย
ลูเซียนหยิบดาบขึ้นมาจากพื้นแล้วส่ายศีรษะเบาๆ ดาบเปล่งแสงสีน้ำเงินอมเขียว ส่วนชุดเกราะนั้นมีชื่อว่า ‘วิญญาณปิศาจ’ แหวนมีชื่อว่า ‘ลงทัณฑ์’ ซึ่งสามารถร่ายเวท ‘สายฟ้า’ สามครั้งต่อวัน มีเหรียญทองและอัญมณีมูลค่าราวสี่สิบธาเล ลูเซียนเก็บดาบและสิ่งของเหล่านั้นใส่กระเป๋าเวทมนตร์
เจคอปใช้การซื้อขายสินค้าเถื่อนเพื่อรวบรวมอุปกรณ์ต่างๆ ตอนนี้ของทั้งหมดเป็นของลูเซียนแล้ว อย่างไรก็ตาม ลูเซียนยังไม่ได้คิดเรื่องใช้อุปกรณ์พวกนี้ เพราะพวกขุนนางบางคนในจักรวรรดิชาชรานอาจจำได้ ซึ่งหมายความว่าลูเซียนจะมีปัญหาแน่นอน เขาจึงจะขายพวกมันเสีย
ยกเว้นสร้อยคอยูนิคอร์น เพราะว่าถ้าซ่อนไว้ดีๆ ก็สังเกตเห็นยาก ลูเซียนจะขอให้ลีโอสวมสร้อยนี้เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันเวทมนตร์ที่ส่งผลต่อจิตใจ ซึ่งจะเป็นเรื่องดีสำหรับทั้งสองคน และเนื่องจากลูเซียนสวมสร้อย ‘มงกุฏสุริยัน’ อยู่แล้ว เขาจึงไม่สามารถสวมสร้อยอีกเส้นด้วยได้
การยึดอุปกรณ์เวทมนตร์มาได้ทำให้ลูเซียนรู้สึกครึ้มใจ เขาเก็บลูกแก้วลงกระเป๋า เวทมนตร์โหราศาสตร์หลายเวทจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ช่วย เนื่องจากโชคชะตาเป็นสิ่งลึกลับ ตัวอย่างเช่น ดวงดาวมาสเกลีน และเวทมนตร์โหราศาสตร์ไม่ใช่สาขาเดียวที่เป็นแบบนี้ เวทมนตร์สาขาอื่นๆ ก็มีสถานการณ์พิเศษแบบนี้เช่นเดียวกัน ดังนั้น การสร้างแบบจำลองเวทมนตร์ให้สมบูรณ์ในจิตของคนคนหนึ่งไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ใช้อุปกรณ์สำหรับร่ายเวทมนตร์เลย
เกิดคลื่นเวทมนตร์วาบขึ้นมา ลูเซียนหายวับแล้วออกจากคฤหาสน์แห่งนั้นไปโดยไม่มีใครเห็น
….
ห้องใต้ดินของบ้านหน้าตาธรรมดาๆ หลังหนึ่ง เป็นที่หลบซ่อนแห่งหนึ่งของลีโอ
“ท่านปีเตอร์ขอรับ พอเจคอปตาย ในเมืองก็ปั่นป่วนกันใหญ่ พวกผู้ปกครองเริ่มต่อสู้แย่งที่ดิน สมบัติ และทรัพย์สินของเจคอปแล้ว แล้วเรื่องนี้ก็ได้นำเข้าที่ประชุมของ ‘การประชุมลอร์ดแห่งเมือง’ นักเวทโบราณบางส่วนที่อยู่ใกล้ๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว พวกเขาหวังว่าจะได้ร่วมการประชุมของอีสต์เฮเวนเพื่อแบ่งทรัพย์สิน” ถึงแม้จะไม่มีคนอื่นอยู่ใกล้ๆ แต่ลีโอก็รอบคอบ เขาเรียกชื่อปลอมของลูเซียน
ลูเซียนแปลกใจเล็กน้อย “เจคอปรวยขนาดนั้นเลยรึ? ข้าแทบไม่เจอของมีค่าบนตัวเขาเลยนะ”
ลีโอตอบราวกับเป็นพ่อบ้านจริงๆ “เพราะว่ารายได้ส่วนใหญ่ของเจคอปต้องให้ลอร์ดของเมืองทั้งเก้าคน เขายังต้องซื้ออุปกรณ์มีค่ามากมายสำหรับพัฒนาพลังของ ‘พร’ ของเขา อย่างเช่น ‘หินแสงจันทร์’ และเลือดมนุษย์หมาป่า… รวมถึงการใช้ชีวิตแบบฟุ่มเฟือยอีก เขาอาจจะใช้ทรัพย์สินเพียงแค่หนึ่งในสิบเพื่อซื้ออุปกรณ์เวทมนตร์ อุปกรณ์เวทมนตร์ระดับสูงๆ นั้นยังมีค่ามากในอีสต์เฮเวน และส่วนใหญ่ อุปกรณ์เหล่านี้จะไปตกอยู่กับพวกลอร์ดของเมือง การหาอุปกรณ์เวทมนตร์ระดับสี่หรือห้าเป็นเรื่องยาก เพราะฉะนั้นลืมเรื่องหาอุปกรณ์ที่เหมาะๆ ได้เลย เจคอปจึงใช้เวลาหลายปีกว่าจะรวบรวมอุปกรณ์ได้ครบชุด”
ลูเซียนพยักหน้าเบาๆ นี่เป็นข้อดีอย่างหนึ่งที่ได้ทำงานกับสภาเวทมนตร์และองค์กรเจตจำนงแห่งธาตุ ตราบใดที่เขามีเงิน เขาก็มีอุปกรณ์เวทมนตร์ดีๆ ให้เลือกมากมาย ทุกๆ ครั้งที่ลูเซียนไปเขตแลกเปลี่ยนของสภาเวทมนตร์หรือโกดังมิติพิเศษขององค์กรเจตจำนงแห่งธาตุ เขาก็อยากได้ไปเสียทุกอย่างจนตัดสินใจยากเสมอๆ
“แล้วพวกลอร์ดเมืองทั้งเก้าคนล่ะ? พวกเขาพูดอะไรบ้างไหม?” ลูเซียนห่วงเรื่องนี้มากที่สุด
ลูเซียนซึ่งแต่งหน้าเป็นคนสูงอายุส่ายศีรษะ “ท่านปีเตอร์ขอรับ ยังไม่มีใครได้ข่าวอะไรจาก ‘การประชุมลอร์ดเมือง’ เลย แต่เจ้าของบาร์บอกข้าว่าคนของพวกลอร์ดเมืองไปที่นั่นแค่ครั้งเดียวเพื่อสืบเรื่อง แล้วก็ยังไม่มีหมายจับใดๆ ออกมาด้วย พวกผู้ปกครองหลายคนอ้างว่าเจคอปกับวอร์เร็นถูกสภาเวทมนตร์ฆ่า และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอีสต์เฮเวนเลย ตามกฎหมายท้องถิ่น มันเป็นเรื่องที่ปกติที่จะต่อสู้กันเพื่อแย่งสมบัติของเจคอป”
“อ้อ แต่ยังไงก็ตาม เราควรจะรออีกสักสองสามวันเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยก่อนที่เราจะออกเดินทางไปจักรวรรดิชาชราน” ลูเซียนพยักหน้า “เจ้าช่วยหาทางแอบขายอุปกรณ์เวทมนตร์พวกนี้แล้วเอาเงินไปซื้อดาบเวทมนตร์ระดับสี่หรือห้าได้ไหม?”
“ท่านปีเตอร์ ถ้ารีบขาย ราคาที่ได้จะหายไปอย่างน้อยที่สุดยี่สิบเปอร์เซ็นต์นะขอรับ แล้วดาบเวทมนตร์ระดับสี่หรือห้าก็หายากมากด้วย ข้าไม่รับปากว่าข้าจะหาเล่มดีๆ มาให้ท่านได้” ลีโอบอกตรงๆ
“ไม่เป็นไร” ลูเซียนยิ้มแล้วขยับแว่นตาเดียว “ข้านะเอามาใช้แค่ชั่วคราวน่ะ ตราบใดที่มันยังไม่ต้องการ ความแข็งแกร่ง ความว่องไว และความตั้งใจของผู้ใช้น่ะ”
เมื่อพวกเขาถึงจักรวรรดิชาชราน ลูเซียนอยากหลีกเลี่ยงการใช้เวทมนตร์ให้มากที่สุด ดังนั้น ดาบเวทมนตร์ที่ทรงพลังจึงสำคัญมาก ลูเซียนไม่สนเรื่องรูปลักษณ์ของดาบเท่าไร เพราะอย่างไรเสียเขาก็จะขายมันเมื่อเขากลับไปเมืองอัลลินในภายหลัง
“รับทราบขอรับ” ลีโอค้อมตัวเล็กน้อยแล้วออกจากห้องใต้ดินไป
….
สองสามวันต่อมา ช่วงหัวค่ำ ลีโอก็กลับมาพร้อมดาบเล่มงามฝังทับทิมเล่มหนึ่ง
“ท่านปีเตอร์ขอรับ นี่เป็นดาบเวทมนตร์ของท่าน อยู่ในระดับสี่ ราคาสองหมื่นสามพันธาเล เงินที่ได้จากการขายดาบทลายน้ำแข็ง ชุดเกราะวิญญาณปิศาจ แหวน ทองคำ แล้วก็อัญมณี เหลืออยู่หนึ่งร้อยหกสิบธาเลขอรับ” ลีโอส่งดาบให้ลูเซียนพร้อมหลักฐานที่ว่าเขาไม่ได้กุราคาขึ้นมาและฉกฉวยผลประโยชน์จากการขายของเหล่านี้”
ลูเซียนดึงดาบออกมาแล้วเคาะมันเบาๆ ดาบเย็น ถึงแม้ตัวดาบส่วนใหญ่จะดูเรียบๆ แต่ด้ามดาบนั้นออกแบบอย่างละเอียดและมีลวดลายที่ซับซ้อน
ตามที่เขาเคยเรียนรู้วิธีมาจากนาตาชา ลูเซียนก็ถ่ายพลังของเขาใส่ในดาบได้อย่างง่ายดาย และเขาก็ได้รับข้อความจากผู้สร้างดาบซึ่งเป็นคนแคระ ดังนี้
“ดาบน้ำแข็ง อยู่ในระดับสี่ สร้างขึ้นโดยใช้วัสดุพิเศษที่เรียกว่า ‘หยกน้ำแข็ง’ ซึ่งพบที่นอร์ธแลนด์อันห่างไกล ดาบเล่มนี้จักทำให้ศัตรูเคลื่อนไหวได้ช้าลงด้วยการแช่แข็งเมื่อมันกระทบตัวเป้าหมาย”
“ไม่ว่าใครก็ชอบการต่อสู้กับศัตรูที่ช้าลง ช้าลง! — อาแดราน ช่างตีทองแดง”
ลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของดาบเล่มนี้ ก็คือ มันสามารถทำให้คนเคลื่อนไหวช้าลงได้ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เจคอปเลือกใช้ดาบ ‘ทลายน้ำแข็ง’
ลูเซียนกวัดแกว่งดาบและรู้สึกได้พลังที่อยู่ในนั้น ซึ่งมีมากเท่ากับอัศวินระดับสี่ จากนั้นเขาเก็บดาบกลับเข้าฝัก แล้วห้อยมันไว้ข้างเอว ส่วนดาบ ‘อะเลิร์ต’ นั้นอยู่ที่เอวอีกข้างหนึ่ง
ลูเซียนไม่ได้มองดูหลักฐานแต่กลับทำลายมันทันที “ข้าเชื่อใจเจ้า ลีโอ และในฐานะนักเวท ข้าได้ประเมินมูลค่าของมันคร่าวๆ แล้ว ว่าแต่ข้างนอกมีอะไรไหม?”
ลีโอตื่นเต้นเล็กน้อยที่ลูเซียนเชื่อใจเขา “ท่านปีเตอร์ขอรับ ข้าได้ยืนยันกับวาเลนไทน์แล้วก็เจ้าของบาร์ทารันแล้ว ลอร์ดของเมืองทั้งเก้าคนได้ยินยอมความจริงที่ว่าพวกผู้ปกครองสามารถครอบครองสมบัติและที่ดินของเจคอป และพวกเขาได้ประกาศการข้อตกลงสุดท้ายหลังจากติดต่อกับสภาเวทมนตร์ สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเนื่องมาจากความขัดแย้งส่วนตัวของเจคอปและวอร์เร็นกับสภาเวทมนตร์ ดังนั้นพวกลอร์ดของเมืองกับอีสต์เฮเวนจะไม่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ มันจบแล้วขอรับ”
ลูเซียนรู้สึกว่าพวกลอร์ดของเมืองทั้งเก้าคนมีเส้นสายกับสภาเวทมนตร์ไม่มากก็น้อย จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่อีสต์เฮเวนจะวางตัวเป็นกลางท่ามกลางกลุ่มอำนาจนี้
ลูเซียนลุกขึ้นยืน “ลีโอ คืนนี้ไม่มีดวงจันทร์ เราออกเดินทางกันเถอะ”
….
ท่ามกลางความมืดมิด ป้อมปราการอัคคีดูเหมือนมังกรขนาดยักษ์ที่อารักขาทางเข้าที่เข้าง่ายที่สุดของแนวภูเขา พื้นที่ส่วนอื่นนั้นเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดน่ากลัว ป่าลึก และผาหิมะ
ลูเซียนซึ่งพาลีโอไปกับเขาด้วย ขณะนี้กำลังเหาะอยู่บนท้องฟ้ายามราตรี ราวกับว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของความมืดนั้น
จากข้อมูลที่พวกเขามี ลูเซียนไม่ใช้วงเวทเนื่องจากมีการรักษาการณ์บนท้องฟ้าและการลาดตระเวนประจำวันของเรือบิน ลูเซียนผ่านป้อมไปได้อย่างง่ายดาย พวกเขาไม่ได้ร่อนลงพื้นจนกระทั่งมาถึงเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งของจักรวรรดิชาชราน
เมื่อปราศจากเวทมนตร์พิเศษหรืออาคมเทพ จึงไม่มีทางที่ใครจะปิดกั้นท้องฟ้าที่ไร้จุดสิ้นสุดได้ทั้งหมด!
………………………..