[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 581 : เปิดของขวัญ! (1)
เวลานี้โต๊ะขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านข้างประตูได้ถูกเคลื่อนย้ายเข้าไปวางไว้ด้านในใกล้บันได ชิดกับผนังทางด้านตะวันออก เก้าอี้สามตัวถูกนำมาวางเรียงกันไว้ด้านหลังโต๊ะเพื่อรอคอยคนที่เหมาะสม
ตรงข้ามกับโต๊ะขนาดใหญ่นั้น มีม้านั่งยาวขนาดสามเมตรวางซ้อนกันอยู่สามแถว และทุกตัวล้วนมีแขกคนสำคัญนั่งเรียงรายกันอยู่เต็มไปหมด
ท่านเสี่ยวหมอเทวดา หลินเจิ้งกัง หลี่ยี่เฟิง ถังเทียนห่าว และคนอื่นๆนั่งอยู่แถวหน้า ส่วนบรรดาอาวุโสที่เป็นเพื่อนสนิทของท่านหมอเสี่ยวนั้นนั่งอยู่แถวที่สอง ส่วนแถวสุดท้ายนั้นมีเพียงเสี่ยวเฉิงเยี่วย และเฉิงเทียนนั่งกันอยู่เพียงสองคน
หลงเทียนเจียวและคณะนั้นไม่ได้นั่งที่ม้ายาวทั้งสามตัว แต่ยังนับว่าโชคดีที่ถังเมิ่งได้ไปหาเก้าอี้มาให้พวกเขานั่งถัดไป
บรรดาแขกเหรื่อที่ได้นำของขวัญไปมอบให้แล้วนั้น บางคนก็ต้องการรอดูการเปิดของขวัญที่คาดว่าคงจะต้องตื่นตาตื่นใจอย่างแน่นอน บางคนก็ต้องการไปรับประทานอาหารฟรีที่โรงแรมซึ่งทางเจ้าภาพงานได้จัดเตรียมไว้ต้อนรับ..
ภายในคลีนิคขนาดสองร้อยตารางเมตรเวลนี้ มีผู้คนแออัดกันอยู่เป็นร้อย หากมองเข้าไปภายในคลินิกแวบแรก ก็จะเห็นแต่ศรีษะดำๆเต็มไปหมด ทุกคนต้องยืนไหล่เบียดกัน และแทบจะไม่มีพื้นที่ว่างเลย ส่วนคนที่อยู่ด้านหลังก็ต้องเขย่งเท้าเพื่อให้สามารถมองเห็นได้ เรียกได้ว่าทุกคนต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอเหตุการณ์สำคัญที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ไม่เพียงแค่ด้านในคลีนิคที่แน่นขนัด แต่ภายนอกคลีนิคเองก็ยังมีแขกเหรื่อที่ไม่สามารถเข้าไปด้านในได้อีกมากมาย และนอกจากแขกที่มางานแล้ว ก็ยังมีผู้คนที่เดินอยู่ตามท้องถนนพากันเข้ามามุงดูเหตุการณ์อยู่ด้านนอกด้วย ต่างคนต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา
ทางด้านเด็กหนุ่มเพลย์บอยทั้งห้าคนนั้น พวกเขาล้วนแล้วแต่คุ้นเคยกับพิธีการเช่นนี้มาตั้งแต่เด็ก จึงรู้ดีว่าช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่ตื่นเต้นที่สุด และสำคัญที่สุด ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นจนต้องข้ามถนน และพยายามเบียดเสียดผู้คนเข้ามาจนถึงกระจกหน้าคลีนิค และตั้งหน้าตั้งตารอดูว่าหลิงหยุนจะได้รับของขวัญอะไรบ้างในวันนี้..
หลิงหยุนและถังเมิ่งเองต่างก็รู้ว่าเด็กหนุ่มเพลย์บอยทั้งห้าคนนั้นยังไม่กลับไป แต่เพราะหลิงหยุนเห็นว่าพวกเขาเป็นเพียงเด็กวัยรุ่นที่เย่อหยิ่งจองหองเท่านั้น ไม่ได้เลวร้ายอะไร การสั่งสอนเพียงแค่นั้นก็คงทำให้ทั้งหมดไม่กล้าอวดดีอีก!
และในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ก็จำเป็นต้องมีผู้ที่ทำหน้าที่อ่านรายการของขวัญที่แขกนำมามอบให้ หลี่ยี่เฟิงหันไปมองรอบๆ และสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่นักข่าวสาวซูหลิงเฟย!
“หลิงเฟย.. ดูท่าลุงหลี่คงต้องรบกวนเธอสักครั้งแล้ว!” หลี่ยี่เฟิงลุกขึ้นยืนพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้กับซูหลิงเฟย
หลี่ยี่เฟิงรู้ว่าช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ มีเพียงซูหลิงเฟยเท่านั้นที่เหมาะสม และจะสามารถทำหน้าที่นี่ได้ดีที่สุด!
ซูหลิงเฟยหันไปมองรอบตัวด้วยสีหน้าลังเลเล็กน้อย แต่แล้วก็พยักหน้า และฉุดเหลียงเฟิงอี้ให้เดินตามเธอไปด้วย เหลียงเฟิงอี้ขัดขืน แต่ซูหลิงเฟยหันไปจ้องเธอตาเขม็งพร้อมกับออกแรงฉุดจนเหลียงเฟิงอี้ต้องยอมลุกขึ้น และเดินไปยืนหลังโต๊ะใหญ่พร้อมกัน
“นี่เธอลากฉันมาด้วยทำไม?!” เหลียงเฟิงอี้กัดริมฝีปาก และตำหนิซูหลิงเฟยเสียงเบา
“แขกตั้งมากมายนำของขวัญมามอบให้ ฉันคนเดียวจะรับมือได้ยังไง? นี่ฉันอุตส่าห์เปิดโอกาสให้เพื่อนได้หน้าไปด้วย ยังไม่รู้จักขอบคุณอีก..!” ซูหลิงเฟยกระซิบยิ้มๆ
ท่านเสียวหมอเทวดายิ้มและพยักหน้าให้กับสาวสวยทั้งสองคน จากนั้นจึงหันไปมองจงจิ้งเฉินพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“จิ้งเฉิน.. คุณก็ลุกขึ้นไปช่วยอีกคนสิ..!”
จงจิ้งเฉินถูกท่านหมอเสี่ยวเรียกตัวเช่นนี้ จึงยากที่จะทำไม่รู้ไม่ชี้ได้ เขาจึงได้แต่ตอบรับด้วยท่าทางเคารพนบนอบ และเดินไปนั่งอยู่ข้างหญิงสาวทั้งสองคน
“ครับ..”
ตอนนี้หลิงหยุนรายล้อมไปด้วยสาวงามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหนิงหลิงยู่ และเสี่ยวเม่ยหนิงที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะเพื่อรอรับของขวัญ ส่วนหลิงหยุนเองก็ต้องยืนรับของขวัญอยู่ข้างเหลียงเฟิงอี้ด้วยเช่นกัน
หลิงหยุนยืนอยู่ข้างเหลียงเฟิงอี้ที่วันนี้สวมเสื้อเชิ้ตที่มีเนื้อผ้าบางเบา และคอผ่าลึก เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองหน้าอกขาวนวลซึ่งชูชันอยู่ภายใต้เสื้อตัวหลวมโคร่งนั้น
แต่ผู้หญิงนั้นดูเหมือนจะเป็นเพศที่ประสาทสัมผัสทั้งหกมีประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมอย่างน่าเหลือเชื่อ ระหว่างที่หลิงหยุนแอบมองอยู่นั้น เหลียงเฟิงอี้ก็ทำเสียงคำรามอยู่ในลำคอ และรีบยกมือขึ้นจัดคอเสื้อให้เรียบร้อย
“ยังเห็นอยู่เลย..” หลิงหยุนจงใจพูดให้เหลียงเฟิงอี้ได้ยิน
ใบหน้าของเหลียงเฟิงอี้ร้อนผ่าวขึ้นทันที เธอนึกอยากจะจัดการกับหลิงหยุน แต่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ เธอจึงไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากหันหน้าหนีและไม่สนใจหลิงหยุนอีก
ซูหลิงเฟยลุกขึ้นพูดสองสามคำเท่านั้น เสียงพูดคุยกันที่อยู่ภายใน และภายนอกคลีนิคต่างก็เงียบกริบลงทันที และพิธีรับมอบของขวัญก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
นาทีนั้นคงไม่มีใครกล้าที่จะเสนอตัวลุกขึ้นเป็นผู้มอบของขวัญให้กับหลิงหยุนก่อน หลังจากที่หันไปมองหน้ากัน และเกี่ยงกันอยู่นาน ทุกคนก็ลงความเห็นขอให้ท่านหมอเสี่ยวเป็นผู้ขึ้นมอบของขวัญให้กับหลิงหยุนเป็นคนแรก
ท่านหมอเสี่ยวนั้นมีทั้งฐานะ คุณวุฒิ และวัยวุฒิ จึงเหมาะสมที่จะเป็นผู้ขึ้นมอบของขวัญคนแรก และใครก็ไม่อาจปฏิเสธได้
“ฉันแก่ที่สุดสินะ.. เอาล่ะฉันจะทำหน้าที่เปิดพิธีให้เอง..” ท่านหมอเสี่ยวพูดพร้อมกับโบกมือรับรู้
จางเม่ยหยวนยิ้มพร้อมกับลุกขึ้นส่งรายการของขวัญในมือให้กับท่านหมอเสี่ยว และท่านหมอเสี่ยวก็ส่งต่อให้ซูหลิงเฟยอีกทอดหนึ่ง
ของขวัญของท่านหมอเสี่ยวนั้น ถังเมิ่งและคนอื่นๆได้นำมาวางไว้ด้านในคลีนิคนานแล้ว และตอนนี้ของขวัญสองสามชิ้นก็ได้ถูกนำขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะพอเป็นพิธีเท่านั้น
บนโต๊ะมีกล่องลวดลายงดงามอลังการอยู่สองสามกล่อง ทั้งที่เป็นกล่องหยก กล่องไม้ และกล่องโลหะ อีกทั้งยังมีซองเอกสารอีกหนึ่งซองซึ่งถังเมิ่งถือไว้กับมือ
ซูหลิงเฟยรับรายการของขวัญมา พร้อมกับอ่านด้วยสีหน้าที่ตกใจ เธอถึงกับพึมพำออกมาเบาๆ!
“โอ้โห.. ของล้ำค่าทั้งนั้นเลย!”
ซูหลิงเฟยตั้งสติ และเริ่มอ่านออกมาเสียงดัง
“อาวุโสเสี่ยวได้มอบยาจีน เข็มทำจากทองบริสุทธิ์จำนวนสามร้อยหกสิบห้าเล่ม..”
“บัวหิมะเทียนซานจำนวนสิบแปดดอก สมุนไพรชีหยางฉ่าว สมุนไพรปี้หยานฉ่าว สมุนไพรต้วนฉางฉ่าว..”
“เช็คเงินสดอีกจำนวนสองร้อยล้านหยวน..”
“บริษัทในเครืองทั้งหมดที่อยู่ทางด้านใต้ของแม่น้ำแยงซี..”
ระหว่างที่ซูหลิงเฟยอ่านรายการของขวัญนั้น ภายในห้องถึงกับเงียบกริบ และทุกคนต่างก็อยู่ในอาการตกใจสุดขีด!
เหล่าสหายอาวุโสของท่านหมอเสี่ยวต่างก็ตกใจสุดขีดเช่นกัน ทุกคนต่างหันไปมองหน้ากันเลิ่กลั่ก และหนึ่งในนั้นถึงกับอดรนทนไม่ได้ เขายกมือขึ้นตบบ่าท่านหมอเสี่ยวพร้อมกับกระซิบว่า
“เฒ่าเสี่ยว.. นี่ท่านยกทรัพย์สินของตระกูลให้กับหลิงหยุนหมดเลยหรือยังไง?!”
ที่สหายอาวุโสของท่านหมอเสี่ยวพูดเช่นนั้นออกมา ไม่ใช่เพราะเรื่องเช็คเงินสดจำนวนสองร้อยล้านหยวน แต่เป็นเรื่องบริษัททั้งหกบริษัทที่มีมูลค่ากว่าพันล้าน และสมุนไพรล้ำค่าเหล่านั้นต่างหาก
อาวุโสอีกท่านหนึ่งก็ร้องออกมาว่า “ครั้งก่อนข้าขอซื้อบัวหิมะเทียนซานจากท่านถึงสามสิบล้าน ท่านยังไม่ยอมขายเลย แต่ตอนนี้กลับนำออกมามอบให้กับหลิงหยุนแทน!”
“นี่ข้าเองก็เพิ่งรู้ว่าบ้านของท่านมีบัวหิมะเทียนซานถึงสิบแปดดอก..”
เมื่อเห็นบรรดาสหายอาวุโสของตนเองดูจะเป็นเดือดเป็นร้อน ท่านหมอเสี่ยวก็ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ราวกับว่าตนเป็นผู้ที่ได้รับสมบัติล้ำค่าเหล่านั้นเสียเอง
“ฉันเองก็แก่มากแล้ว.. เก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร ตอนนี้ก็ทำได้แค่หมกตัวอยู่ในบ้านวาดรูปไปวันๆ”
ท่านหมอเสี่ยวพูดจบ ก็ไม่สนใจบรรดาสหายอาวุโสที่กำลังบ่นพึมพำอยู่ด้านหลังอีก มีหรือที่อาวุโสทั้งหลายจะไม่รู้มูลค่าของสมุนไพรพวกนั้น พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าสมุนไพรเหล่านั้นล้วนเป็นสมุนไพรหายาก ต่อให้มีเงินก็ยากที่จะหาซื้อมาครอบครองได้
แต่แขกคนอื่นๆ กลับไม่สนใจสมุนไพรล้ำค่า พวกเขาต่างก็ตกตะลึงกับเข็มที่ทำจากทองบริสุทธิ์จำนวน 365 เล่ม เช็คเงินสดสองร้อยล้านหยวน และบริษัทอีกหกบริษัทนั่นต่างหาก
“โอ้แม่เจ้า.. หกบริษัทนั่นมูลค่าไม่ต่ำกว่าพันล้าน”
“โอ้โห.. นี่เขากลายเป็นเศรษฐีพันล้านไปในพริบตาเลย..”
“แบบนี้คงไม่ต้องเปิดคลีนิคแล้วล่ะ..”
“นี่มันเกินคำว่าหล่อ รวยไปแล้ว..” หลี่จินเหลียนถึงกับตาโต สีหน้าของเธอตื่นเต้นสุดขีด!
ทุกคนที่อยู่ในงานต่างก็พากันตกตะลึง และวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา นอกจากตื่นเต้นแล้ว หลายคนก็อดที่จะอิจฉาไม่ได้
แม้แต่หลิงหยุนเองก็ตกใจสุดขีดเช่นกัน เขาคิดไม่ถึงว่าท่านหมอเสี่ยวจะใจกว้างกับเขาถึงเพียงนี้ เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่เรื่องที่น่าตกใจก็คือสมุนไพรล้ำค่าเหล่านั้นต่างหาก!
“ท่านปู่.. ผม.. ผมไม่กล้ารับ?!”
หลิงหยุนตื่นเต้นจนลืมที่จะใช้กระแสจิตคุยกับท่านหมอเสี่ยว แต่ความจริงเวลาเช่นนี้ก็เป็นเวลาที่หลิงหยุนควรต้องพูดออกมาเพื่อให้หน้ากับท่านหมอเสี่ยวอยู่แล้ว
ท่านหมอเสี่ยวโบกมือพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน “สมุนไพรมากมายที่อยู่ในสวน ฉันเองก็ไม่จำเป็นต้องใช้มันแล้ว และขอยกให้กับเธอ อยากจะได้เมื่อไหร่ก็ไปเอาได้เลย!”
หลิงหยุนถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ความสุขของเขาช่างมาเร็วเสียเหลือเกิน! หากรู้ว่าความร่ำรวยจะได้มาง่ายดายและรวดเร็วเช่นนี้ หลิงหยุนยังจะเปิดคลินิกไปเพื่ออะไรกัน!
แต่ดูเหมือนถังเมิ่งจะมีความสุข และตื่นเต้นมากกว่าใครๆ ตอนนี้เขาไม่ต้องกังวลเรื่องเงินที่ไปกู้ธนาคารมาอีกแล้ว อีกทั้งตอนนี้ยังมีบริษัทมากกว่าหกบริษัทในมือ และกลุ่มบริษัทเทียนตี้ที่เขาใฝ่ฝันก็ใกล้จะเป็นความจริงแล้วเช่นกัน
จางเม่ยหยวนเองก็ได้หน้าอย่างมากเช่นกัน เธอรีบลุกขึ้นพูดกับหลิงหยุนทันที “หลิงหยุน.. ตอนนี้เธอก็แค่เซ็นต์เอกสารในแผ่นสุดท้าย หลังจากนั้นสัญญาฉบับนี้ก็จะมีผล และบริษัททั้งหกบริษัทก็จะเป็นของเธอทันที”
“เซ็นต์เลย! เซ็นต์เลย!”
ผู้คนต่างก็พากันร้องเชียร์หลิงหยุนให้รีบเซ็นต์เอกสาร โดยที่มีพวกเขายืนเป็นพยาน..
“นี่พี่หยุน.. พี่มัวยืนนิ่งอยู่ทำไม? รีบเซ็นต์สิ!”
เสี่ยวเม่ยหนิงร้องบอกอย่างตื่นเต้น และรีบลุกไปช่วยหยิบเอกสารมาให้หลิงหยุนเซ็นต์
ท่านเสี่ยวหมอเทวดาได้แต่หัวเราะอย่างมีความสุข..
หลิงหยุนสูดลมหายใจลึก เขารับปากกามาจากมือเหลียงเฟิงอี้ และค่อยๆโน้มตัวลงเซ็นต์เอกสาร!
ทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้น เสียงปรบมือก็ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งคลินิก!