ตอนที่ 1475

Monster Paradise

หลังประสบกับการโจมตีรอบแรกจากโครงกระดูกดิน พวกเฉินเตาก็เริ่มปรับตัวได้

 

เฉินเตากับหวงอู่จื่อคือคนที่โดดเด่นสุดในโลกกรวด พวกเขาผ่านการต่อสู้มานับไมถ้วน ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ดังนั้น หลังกลายเป็นคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม ความมั่นใจพวกเขาจึงฟื้นกลับมา

 

สำหรบเสี่ยวโม่ แม้จะไม่มีประสบการณ์มากเท่าทั้งสอง ระดับพลังของเขาก็ยังเป็นเทพเสมือนขั้น 3 และเขาก็ใช้พลังกฏเทพได้ ความสามารถโดยรวมเขาด้อยกว่าเฉินเตาเล็กน้อยเท่านั้น มันยากจะหาคนที่แข่งกับเขาได้ในหมู่เทพเสมือนขั้นต้น เมื่อเห็นว่าหวงอู่จื่อดูไร้ความกลัวแม้จะเป็นเทพเสมือนขั้น 1 เสี่ยวโม่ก็รีบปรับตัวตาม

 

พวกเขาเดินทางกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งสามยังกลายเป็นคุ้นเคยกับกระบวนการล่ามากขึ้น

 

หลินฮวงคอยตามหลังพวกเขาตลอด เขาไม่ลงมืออะไร แทบจะไม่พูดด้วยซ้ำ เขาแค่สรุปข้อผิดพลาดพวกเขาและจุดพัฒนาสำหรับทุกการปะทะ

 

เฉินเตากับอีกสองพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทบทวนข้อผิดพลาดของตัวเองซ้ำๆ

 

หลังพวกเขาเดินทางไปได้ไกลหลายพันกิโลเมตรและกำลังจะถึงชายแดนของพื้นที่เทพเสมือนขั้นต้น หลินฮวงก็เหลือบมองพวกเฉินเตาเงียบๆ มุมปากของเขายกโค้งขึ้นเล็กน้อย

 

เขาสัมผัสได้ว่ามีกลุ่มนักล่าหุบเหวอยู่ไม่ไกล ทั้งหมดเป็นเทพเสมือนขั้นกลางตั้งแต่ขั้น 4-6

 

แต่ทว่า เขาไม่วางแผนบอกพวกเฉินเตา

 

ตอนนี้ ทั้งสามผ่านการต่อสู้มานับสิบแล้ว และความมั่นใจก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลินฮวงรู้สึกว่าตอนนี้ มันเป็นเวลาให้พวกเขาเจอของแข็งบ้าง

 

ขณะที่หลินฮวงกับอีกสามเดินทางต่อ ในไม่ช้ากลุ่มนักล่าหุบเหวก็เริ่มสัมผัสได้ถึงพวกเขา แต่ทว่า เนื่องจากความแตกต่างในขอบเขตจิตเทวะ พวกเฉินเตาจึงไม่พบอะไรผิดปกติ

 

ด้วยจิตเทวะของเขา หลินฮวงสามารถเห็นคนเจ็ดคนจากอีกลุ่มที่แยกเป็นสองกลุ่มได้ กลุ่มหนึ่งทำการอ้อมจากด้านหลัง พวกเขาวางแผนโจมตีจากทั้งด้านหน้าและหลัง

 

เมื่อระยะห่างระหว่างสองกลุ่มลดลง พวกเฉินเตาก็พบความผิดปกติแทบจะพร้อมกัน แต่ตอนนี้ พวกเขาอยู่ห่างจากนักล่าหุบเหวด้านหน้าไม่ถึงสามพันเมตร

 

“มันคือนักล่าหุบเหว!”

 

ทันทที่เฉินเตาพูดจบ มอนสเตอร์หุบเหวสามตัวตรงหน้าก็โผล่ออกมา ปรากฏตรงหน้าหลินฮวงและอีกสาม ขวางทางพวกเขาไว้

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพวกมัน พวกเฉินเตาก็หน้าดำ

 

นี่เพราะศัตรูของพวกเขามีสองเทพเสมือนขั้น 5 และเทพเสมือนขั้น 6

 

“นี่เราโชคดีพอมาเจอกลุ่มมนุษย์เด็กเลยงั้นหรือ”หัวหน้าศัตรู เทพเสมือนขั้น 6 มีลำตัวคล้ายมนุษย์ หัวล้าน กล้ามเป็นมัด เว้นแต่ว่ามันมีดวงตาคล้ายลูกแก้ว 8 ลูกบนหน้า ซึ่งทำให้มันดูน่ากลัวมาก อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างที่ใหญ่สุดระหว่างตัวมันกับมนุษย์คือมันไม่มีขาด้านล่าง แต่กลับเป็นหนวดสีแดงนับสิบ

 

“เทพเสมือนขั้น 3 สามคนกับเทพเสมือนขั้น1 ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงเข้าสนามรบโบราณมังกรหุบเหว”มอนสเตอร์ตัวหนึ่งยืนขึ้นด้วยสองขา ถ้ามองรูปร่าง คนอาจคิดว่ามันคือมนุษย์ชายตัวสูง แต่ทว่า ตัวมันปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำ-ฟ้าหนา และแม้กระทั่งดวงตาสองดวงบนหัวมันก็ยังเป็นตาปลา

 

“ข้าหวังว่าคนอย่างพวกมันจะมาที่นี่บ่อยขั้น เราจะได้มีของอร่อยกิน มนุษย์รสชาติอร่อยกว่ามอนสเตอร์ในสนามรบนี้มาก”มอนสเตอร์ที่พูดมีร่างกายบิดเบี้ยว หัวมันมีขนาดถึงครึ่งหนึ่งของร่างกายมัน มันมีตัวคล้ายนกซึ่งปกคลุมด้วยขน ยกเว้นหัวมัน

 

เฉินเตาเหลือบมองหลินฮวง เห็นว่าเขาไม่คิดลงมือ และรู้ว่าเขาทำได้แค่พึ่งพาพวกพ้องอีกสองคนเท่านั้น

 

เขาเริ่มคิดมาตรการโต้ตอบในหัว

 

ศัตรูมีสองเทพเสมือนขั้น 5 และเทพเสมือนขั้น 6 ส่วนกลุ่มพวกเขา หวงอู่จื่อเป็นแค่เทพเสมือนขั้น 1 ซึ่งหมายความว่าเขาทำได้แค่พึ่งพาตัวเขากับเสี่ยวโม่

 

แม้เขากับเสี่ยวโม่จะใช้พลังกฏเทพได้ ทุกครั้งที่พวกเขาใช้พลังเทพเสมือนเพื่อกระตุ้นพลังกฏเทพ มันก็ยังทำให้ร่างกายพวกเขาต้องรับภาระและผลาญพลังเทวะจำนวนมาก

 

ปัญหาที่น่ากดดันสุดคือแม้จะด้วยพลังกฏเทพ มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสามารถออกอาละวาดในหมู่เทพเสมือนได้ มันคือความจริงที่พลังกฏเทพสามารถฆ่าเทพเสมือนขั้น 9 ได้ แต่เสี่ยวโม่กับเฉินเตาเป็นแค่เทพเสมือนขั้น 3 ถ้าพวกเขาโดนศัตรูโจมตี มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะตายทันที

 

 

‘ขึ้นอยู่กับว่าพลังเทวะข้าแข็งแกร่งแค่ไหน ข้าสามารถเปิดใช้พลังกฏเทพได้มากสุดสามครั้ง ถ้าเสี่ยวโม่สามารถใช้พลังกฏเทพได้สอง เราก็มีสามโอกาสเพื่อโจมตีและสองเพื่อป้องกัน เราไม่สามารถเสียโอกาสได้สักครั้ง!’

 

กลยุทธ์ที่แตกต่างแวบผ่านอย่างรวดเร็วในหัวเ ฉินเตา  เขาลงเอยด้วยการเลือกตัวเลือกที่ดีสุดและสื่อสารมันกับเสี่ยวโม่ผ่านเสียง

 

แต่ทว่า ขณะที่ตัดสินใจแบบนี้ เขาไม่รู้ว่ามีผู้ซุ่มโจมตีสี่คนด้านหลัง

 

หลังการถ่ายทอดเสียงจบ การต่อสู้ก็เริ่มขึ้น

 

เฉินเตาเปิดฉากโจมตีด้านหน้า พุ่งใส่เทพเสมือนขั้น 6

 

มอนสเตอร์หนวดหัวเราะอย่างน่ากลัว”เขาเป็นของข้า พวกเจ้าอย่าขยับ”

 

ทันทีที่มันพูดจบ หนวดสีแดงนับไม่ถ้วนใต้เอวของมันก็เปลี่ยนเป็นเงากระจัดกระจายทั่วท้องฟ้า

 

ทันใดนั้น ทั่วทั้งพื้นที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นคลื่นหนวดที่กลืนกินเฉินเตา

 

ตอนเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น สีหน้าของหวงอู่จื่อก็เปลี่ยนไป แต่ทว่า เขาสังเกตเห็นสีหน้าเงียบสงบของเสี่ยวโม่ และอารมณ์ของเขาก็สงบลง

 

ทะเลหนวดสีแดงในความว่างเปล่าคงอยู่ได้ชั่วขณะก่อนลำแสงสีทองจะพุ่งออกมา วินาทีถัดมา หนวดที่ปกคลุมท้องฟ้าก็โดนทำลายจนหมดสิ้น

 

มอนสเตอร์หนวดไม่ใช่คนเดียวที่ประหลาดใจ มอนสเตอร์หุบเหวอีกสองก็ยังตกตะลึงด้วย

 

ตอนนี้ เสี่ยวโม่พลันหายตัวไป

 

แทบจะพร้อมกัน เงามืดค่อยๆห่อหุ้มรอบตัวมอนสเตอร์ปากใหญ่

 

“ช่วยข้าด้วย”เมื่อมอนสเตอร์ปากใหญ่กรีดร้อง ร่างกว่าครึ่งมันก็โดนเงาดำกลืนกินไปแล้ว

 

มอนสเตอร์เกล็ดปลาอีกด้านกำลังจะยื่นมือออกไปช่วยเหลือมอนสเตอร์ปากใหญ่ แต่ทว่า เมื่อมันสัมผัสตัวมอนสเตอร์ปากใหญ่ เงาดำก็เริ่มคลืบคลานมาหามันด้วย มันรีบกระชากแขนมันโดยไม่ลังเล กระโดดถอยห่างจนกระทั่งออกไปไกลพอสมควร

 

หลังจากนั้น มันก็เฝ้าดูมอนสเตอร์ปากใหญ่โดนเงาดำกลืนกินอย่างสมบูรณ์ พลังชีวิตของมันค่อยๆแห้งเหือด

 

อีกด้าน มอนสเตอร์หนวดปล่อยเสียงร้องน่าหดหู่

 

มอนสเตอร์เกล็ดปลาหันหัวไปทางนั้น เห็นหนวดทั้งหมดบนฟ้าโดนลบล้างจนหมด แม้แต่ตัวของมอนสเตอร์หนวดก็ยังโดนตรึงด้วยแสงสีทองเจิดจ้า

 

ขณะที่เสียงโหยหวนแผ่วเบาลง พลังชีวิตของมอนสเตอร์หนวดก็สลายหายไป ศพของมันล้มลงกับพื้น

 

เมื่อมันเห็นว่ามอนสเตอร์หนวดกับมอนสเตอร์ปากใหญ่ตายทีละตัว มอนสเตอร์เกล็ดปลาก็เริ่มหนี แต่ก็เห็นลำแสงสีทองพุ่งเข้าหามันจากจุดที่มอนสเตอร์หนวดล้มลงเสียก่อน

 

ลำแสงสีทองมาถึงความเร็วสูงสุด ทะลุผ่านตัวมอนสเตอร์เกล็ดปลาไปในทันใด

 

ก่อนแสงสีทองจะสลายหายไปหมด เงาร่างมนุษย์ก็ค่อยๆเผยตัวออกมา

 

มันคือเฉินเตา!

 

เขาถือดาบไว้ในมือหนึ่ง แต่หน้าอกของเขากระเพื่อมอย่างรุนแรง มือขวาที่ถือดาบของเขาสั่นเล็กน้อย

 

เขาใช้พลังกฏเทพเพื่อโจมตีติดต่อกันสองครั้ง ซึ่งทำให้ร่างกายของเขาต้องรับภาระหนัก มันยังทำให้พลังเทวะของเขาแทบหมดลง

 

เมื่อสัมผัสได้ว่าพลังชีวิตของมอนสเตอร์ทั้งสามสลายหายไปแล้ว เฉินเตากับเสี่ยวโม่ก็ถอนหายใจโล่งอก แต่เสียงของหลินฮวงกลับดังขึ้นเสียก่อน

 

“การต่อสู้ยังไม่จบ”