บทที่ 1522+1523

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1522 ตัดรากถอนโคน 2

เธอเดินไปยังทิศทางที่เขาอยู่สองสามก้าว ตี้ฝูอีเอ่ยขึ้นว่า “มาเถอะ พวกเราลงไปกัน!” แล้วเหินลงไปก่อน

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย

นี่เขาไม่คิดจะแสดงความรักกับเธอต่อหน้าคนอื่นเลยหรือไง?

อายงั้นหรือ? เขารู้จักด้วยหรือว่าความอายคือตัวอันใด?

หรือเขามีความเป็นไอดอลมากเกินไป เลยอยากปิดบังเรื่องแต่งงานเอาไว้?

แน่นอนว่าความคิดนี้เพียงวาบเข้ามาในสมองกู้ซีจิ่วแวบเดียวเท่านั้น เธอก็ทะยานตามลงไปเช่นกัน

ยังมีเรื่องอีกมากมายที่รอให้เธอไปจัดการอยู่ ยามนี้ไม่ใช่เวลามาแสดงความรักของคนสองคน

หลังจากเธอร่อนลงไป ย่อมถูกผู้คนเข้ามารุมล้อม พากันเอ่ยยินดีกับเธอ กู้ซีจิ่วรวมตัวกับคนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ กู่ฉานโม่จูงมือกู้ซีจิ่วยิ้มหน้าบาน “ซีจิ่ว ครั้งนี้เจ้าสร้างผลงานใหญ่แล้ว พวกเราต้องเลี้ยงฉลองแสดงความยินดีกับเจ้าแล้ว!”

กู่ฉานโม่ดีใจเกินไปแล้ว ราวกับคนที่มีหน้ามีตาที่สุด ณ ที่นี่ในวันนี้ก็คือเขา ดวงหน้าแดงเรื่อ

กู้ซีจิ่วพูดคุยกับสหายร่วมสำนักไม่กี่ประโยค มองไปรอบๆ โดยไม่ได้เจตนารอบหนึ่ง ผู้คนมากมายรายล้อมเธอจนแน่นขนัด ศีรษะมนุษย์ติดกันเป็นพรืด ขาดเพียงเงาร่างของตี้ฝูอีคนเดียวเท่านั้น เพียงแต่มองเห็นกู้เซี่ยเทียนด้วย

เขายืนห่างๆ อยู่ตรงนั้นเขย่งเท้ามองมาทางนี้ ถูไม้ถูมืออยู่บ่อยครั้ง ดูอึดอัดอยู่บ้าง แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยปีติยินดีที่ยากจะระงับไว้ได้ เขาอยากเบียดเข้ามาหาทันที แต่รอบกายเขาก็เนืองแน่นไปด้วยเพื่อนร่วมงานที่มาแสดงความยินดีกับเขา เขาทักทายปราศรัยอย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปพลาง มองมาทางกู้ซีจิ่วที่อยู่ด้านนี้อยู่เนืองๆ ไปพลาง

กู้ซีจิ่วมองหลัวจั่นอวี่ที่อยู่ข้างกาย ส่งกระแสเสียงหาเขา ‘จะตามข้ากลับไปดูจวนแม่ทัพหรือไม่?’

หลัวจั่นอวี่เหลือบมองกู้เซี่ยเทียนแวบหนึ่ง ตอบอย่างเฉยเมย ‘ไม่จำเป็น ข้ากับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน’

กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าอยู่ในใจ อันที่จริงหลัวจั่นอวี่ไม่ได้ไร้เยื่อใยเหมือนที่เขาแสดงออกมา ถ้าเขาไร้เยื่อใยจริงๆ ครั้งนี้ก็คงไม่มาหรอก!

แต่อย่างไรเสียบาดแผลที่หลัวจั่นอวี่ได้รับก็หนักหนาเกินไป ไม่อยากยอมรับบิดาคนนี้ไปชั่วขณะก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ กู้ซีจิ่วไม่คิดจะบังคับฝืนใจเขา

กู้ซีจิ่วยังคงวุ่นวายยิ่งนักติดต่อกันไปอีกสองสามวัน เธอถูกกู้เซี่ยเทียนที่ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรก็เชิญให้กลับจวนแม่ทัพทันที ย่อมต้องมีงานเลี้ยงฉลองเป็นธรรมดา

ระหว่างที่กินเลี้ยงกันอยู่ ในที่สุดกู้เซี่ยเทียนก็ถามถึงความสัมพันธ์ของเธอกับตี้ฝูอีแล้ว

เห็นได้ชัดว่าตี้ฝูอีกำลังปกปิดความสัมพันธ์ของเธอกับเขาอยู่ กู้ซีจิ่วไม่รู้ว่าเขาจะเล่นลวดลายอันใดอีก ดังนั้นยามที่กู้เซี่ยเทียนถามขึ้นมาเธอจึงไม่เอ่ยถึงเสีย บอกเพียงว่าตนกับเขาติดอยู่ในเขตหวงห้ามแห่งหนึ่งแปดปี เป็นสหายที่ดีต่อกัน…

กู้เซี่ยเทียนก็ไม่ถามต่อไปแล้ว เพียงถามถึงสถานการณ์ในเขตหวงห้ามช่วงแปดปีมานี้ของเธอ อย่างเช่นได้รับความทุกข์ยากหรือไม่เป็นต้น

ตาค่ายแห่งนั้นเป็นความลับของทวีปนี้ กู้ซีจิ่วย่อมไม่อาจบอกเล่าได้ กล่าวไปเพียงว่าได้รู้จักสหายบางส่วนที่นั่น…

เห็นได้ชัดว่ากู้เซี่ยเทียนสนใจในตัวของหลัวจั่นอวี่ยิ่งนัก ถามถึงประวัติความเป็นมาของเขาอยู่หลายประโยค

กู้ซีจิ่วย่อมไม่ตอบไปตามความจริง เพียงเผยเรื่องหนึ่งให้เขาทราบรางๆ ก็คือระยะเวลาโดยประมาณที่หลัวจั่นอวี่ติดอยู่ในเขตหวงห้าม…

ด้วยเหตุนี้ กู้เซี่ยเทียนเหม่อลอยอยู่ทั้งวัน ต่อมาจึงเอ่ยขึ้นมาตรงๆ ว่าเขาจะจัดงานเลี้ยงใหญ่ ให้กู้ซีจิ่วเชิญสหายร่วมสำนักรวมถึงเหล่าสหายมาชุมนุมกันด้วย

กู้ซีจิ่วทราบว่าจุดประสงค์ของเขาคือหลัวจั่นอวี่ แต่ก็ไม่ได้เปิดโปง กล่าวเพียงว่าจะลองดู

ผลคือกู้ซีจิ่วเชิญสหายร่วมสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์รวมถึงเหล่าสหายที่ถูกขังไว้ในเขตหวงห้ามมาได้ ถึงขั้นที่แม้แต่กู่ฉานโม่ก็มาด้วยเช่นกัน มีเพียงหลัวจั่นอวี่เท่านั้นที่ไม่มา…

กู้เซี่ยเทียนผิดหวังอย่างยิ่ง สุดท้ายจึงมาพูดคุยเปิดอกกับกู้ซีจิ่วตรงๆ “ซีจิ่ว เจ้าว่าคุณชายหลัวจะใช่เทียนนั่วพี่ชายของเจ้าที่หายสาบสูญไปคนนั้นหรือไม่? พ่อรู้สึกว่าเหมือนจะใช่เขา…”

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “ใช่หรือ? แต่เขาแซ่หลัวไม่ได้แซ่กู้นะ”

————————————————————————————-

บทที่ 1523 ตัดรากถอนโคน 3

แววตาของกู้เซี่ยเทียนขมขื่น “ปีนั้นเขาคงจะเกลียดข้าแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช้แซ่กู้อีก เปลี่ยนไปใช้แซ่ของมารดาเขาแทน แต่ไม่ว่าเขาจะแซ่ใด ก็ยังคงเป็นพี่ชายขอเจ้า ลูกชายของข้า…”

กู้ซีจิ่วมองดูเขา “เรื่องของท่านกับพี่เทียนนั่วข้าไม่ทราบชัดเจนนัก เหตุใดเขาถึงเกลียดท่านเล่า?”

กู้เซี่ยเทียนนวดหว่างคิ้ว “ปีนั้นพ่อถูกภูตผีดลใจ จงใจทำไม่ดีต่อเขาด้วยโกรธเคืองแม่ของเจ้า…ทำร้ายจิตใจเขา เด็กคนนี้อ่อนไหวมากจริงๆ…หลังจากเขาหายตัวไป พ่อสำนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง หลายปีมานี้พะวงถึงเขาอยู่ตลอด อยากตามหาเขากลับมา…”

กู้เซี่ยเทียนนั่งอยู่ตรงนั้น เขาเฒ่าชราขึ้นกว่าแปดปีก่อนมาก ยามนี้จมดิ่งอยู่ในห้วงความคิด คล้ายว่าพูดอยู่กับตัวเอง และคล้ายว่าพูดให้กู้ซีจิ่วฟัง “ยามเยาว์วัยเขาเฉลียวฉลาดนัก พ่อภาคภูมิใจในตัวเขา สอนเขาขี่ม้ายิงธนู พาเขาออกไปเที่ยวเล่น ช่วงก่อนเขาจะแปดขวบ เขาก็สนิทสนมแน่นแฟ้นกับพ่อยิ่งนัก ความสัมพันธ์ของพวกเราพ่อลูกชิดเชื้ออย่างยิ่ง ยามที่พ่อต้องออกศึก เขาจะกอดขาของพ่อไว้ไม่ยอมให้ไป…จะโทษก็ต้องโทษที่พ่อหลงผิดดั่งภูตผีสิงใจ ไม่เพียงแต่ทำผิดต่อแม่ของเขา ยังทำผิดต่อเขาด้วย อันที่จริงหลายปีมานี้พ่อฝันถึงเขาอยู่เสมอ ฝันถึงยามที่เขายังเล็ก ดึงชายชุดของพ่อไว้แล้วบอกว่าจะเป็นชายชาตรี…”

กู้ซีจิ่วตบไหล่เขาเบาๆ เอ่ยยิ้มๆ “ผ่านไปแล้วก็ผ่านไปเถิด แม่ทัพกู้พะวงถึงเขาเช่นนี้ น่าจะเป็นเพราะยามนี้ไร้ทายาทสืบสกุลเท่านั้น ยามนี้ข้างกายแม่ทัพกู้ยังมีอนุโฉมงามอยู่ สามารถให้กำเนิดบุตรได้อีกหลายคน ไม่แน่ว่าแม่ทัพกู้อาจจะให้กำเนิดน้องชายน้องสาวอีกสองสามคนออกมาก็ได้ เมื่อมีลูกเยอะแล้วก็จะลืมเลือนคนที่เคยรักที่สุดไปเอง”

กู้เซี่ยเทียนไม่พูดอะไร

ข้างกายเขายังเหลืออนุอยู่อีกสองนางจริงๆ แต่ยามนี้เขาให้พวกนางเป็นเพียงมารดาของบุตรสาวทั้งสองเท่านั้น ซื้อเรือนให้แล้วเลี้ยงดูไว้ด้านนอก ไม่ได้ไปหาพวกนางที่นั่นมาหลายปีแล้ว

แน่นอนว่าไม่ได้แต่งอนุคนอื่นเข้ามาเพิ่มด้วย แล้วเขาจะให้กำเนิดบุตรธิดาอีกได้อย่างไร?

เหตุผลที่เขาเช่นนี้ประการแรกคือเขาเฉยชาในด้านนี้ไปเสียแล้ว ประที่สองคือคล้ายเป็นการชดใช้กรรม ประการที่สามก็คือกำลังลงโทษตัวเองอยู่

หากว่าปีนั้นมิใช่เขาควบคุมท่อนล่างของตนไว้ไม่ได้ จะเกิดเรื่องมากมายถึงเพียงนี้ขึ้นได้อย่างไร? พลัดพรากจากลูกเมีย…

เขายิ้มขื่น “ซีจิ่ว พ่อรู้ความผิดแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องโรยเกลือลงบนแผลของพ่ออีกครั้งหรอก ชั่วชีวิตนี้พ่อจะไม่แต่งภรรยาอีกแล้ว และจะไม่พัวพันกับสตรีอื่นอีกแล้ว เพียงหวังว่าอีกร้อยปีให้หลังจะได้พบหน้าแม่ของเจ้าอีกครั้งบนสะพานข้ามภพ ขอขมาต่อนาง ขอให้นางยอมอภัย…”

แววตากู้ซีจิ่ววูบไหวเล็กน้อย ส่ายศีรษะ สำหรับความคิดที่ว่าชาตินี้ไร้วาสนา ชาติหน้าค่อยสานต่อประเภทนี้เธอเข้าไม่ถึงจริงๆ

ชาติหน้านั้นเลือนรางไม่แน่นอนเกินไป สิ่งที่เธอยึดมั่นมีเพียงชาตินี้เท่านั้น

ชาตินี้ชมชอบคนผู้หนึ่งไปแล้ว เช่นนั้นก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อต่อสู้ไปด้วยกัน เมื่อเผชิญความยากลำบากก็หาทางพิชิตมันเสีย ชาติหน้าไม่แน่ว่าพอดื่มน้ำแกงยายเมิ่งไปแล้วผู้ใดก็อาจจำผู้ใดไม่ได้แล้ว! ใครจะยังจดจำห่วงในชาตินี้ได้เล่า?

เธอถึงไม่อยากเหลือห่วงไว้ในชาตินี้ไง!

เพียงแต่เรื่องของกู้เซี่ยเทียนกับหลัวซิงหลานกู้ซีจิ่วไม่คิดจะสอดมือเข้าไปยุ่ง

หลัวซิงหลานก็แต่งงานใหม่ไปแล้ว ถึงแม้สามีคนที่สองของนางจะสิ้นชีพ แต่ก็ไม่ได้แปลว่านางจะยินดีกลับมาอยู่ข้างกายสามีคนแรก ยิ่งไปกว่านั้นคือข้างกายนางยังมีบุตรคนอื่นๆ อยู่ด้วย นางคงไม่ต้องการใหกู้เซี่ยเทียนทราบเลยว่านางยังมีชีวิตอยู่ เรื่องที่นางอยากทำที่สุดคงจะเป็นการลืมเลือนความสัมพันธ์ระหว่างนางกับกู้เซี่ยเทียนไปเสีย

ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงไม่คิดทำตัวเป็นทูตเชื่อมสัมพันธไมตรีในเรื่องนี้ ทำใทั้งสองหวนกลับมาคืนดีกัน

หากว่าพวกเขามีวาสนา ย่อมต้องได้พบกันอีกครั้งในสักวันหนึ่ง หากว่าไร้วาสนา ต่างคนต่างอยู่เช่นนี้ก็ดีที่สุดแล้ว

ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงไม่ได้พูดเรื่องที่หลัวซิงหลานยังมีชีวิตอยู่ออกมา

————————————————————————————-