ภาคที่ 4 บทที่ 28 คนเดียวกัน

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

อย่าว่าแต่เยี่ยนจิ่วเฉาไม่นึกว่าจะได้พบกับสุ่ยเยว่ชิงที่นี่ สุ่ยเยว่ชิงเองก็ไม่นึกว่าจะได้พบกับเยี่ยนจิ่วเฉาในที่ที่ตนหนีมา

บุรุษผู้นี้ต้มตุ๋นตนเสียจนน่าอเนจอนาถ!

แต่เดิม ความแข็งแกร่งและกองกำลังนิกายศักดิ์สิทธิ์ บวกกับอาวุธวิเศษในกระเป๋าเฉียนคุนของเขา อย่าว่าแต่ทำลายล้างกองกำลังทั้งหมดของวังมาร แต่เขายังมั่นใจมากว่าสามารถสร้างความเสียหายให้พวกเขาได้อย่างร้ายแรง

แต่ใครจะคิดว่าบุรุษผู้นี้จะวิ่งเข้าไปในค่ายทหารเผ่ามาร รุนแรงจนเขาปวดหัว จึงรีบตามเข้าไป ความตั้งใจเดิมของเขาคือไม่อาจปล่อยให้อีกฝ่ายตายเพื่อสามัญชน แต่ยิ่งไปกว่านั้นเพราะเขารู้สึกว่าระดับพลังของบุรุษผู้นี้ไม่ต่ำเลย หากต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับอีกฝ่าย ตนจะสามารถใช้พลังที่มีได้อย่างเต็มที่

แต่สุดท้าย…บุรุษผู้นี้ก็หนีไป!!!

รู้หรือไม่ว่าตนถูกยอดฝีมือเผ่ามารเหล่านั้นรุมตีเละเทะเพียงใด? เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะหยิบอาวุธวิเศษออกมาก็ถูกฝูงชนรุมล้อมกดเอาไว้

เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกับเขา บรรดาศิษย์ของนิกายศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ตื่นตระหนก เมื่อกลุ่มมังกรขาดผู้นำ หัวใจกองทัพแตกซ่าน ความโกลาหลวุ่นวายก็บังเกิด สุดท้ายพวกเขาก็ทำได้เพียงหนีออกมา ส่วนต่างคนต่างหนีไปที่ใด…เขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน!!!

สุ่ยเยว่ชิงเกลียดเยี่ยนจิ่วเฉาเข้าไส้!

หลอกเขาถึงสองครั้ง แผนการทั้งหมดล้มเหลว แล้วเขายังกล้ามีหน้ามาปรากฏตัวต่อหน้าตนอีกหรือ?

หมัดของสุ่ยเยว่ชิงกำแน่น “เจ้า เป็นพวกใดกันแน่? ศิษย์จากสำนักใด?”

เยี่ยนจิ่วเฉาปวดฟัน แต่ศักดิ์ศรีไม่อาจพ่าย เขาเลิกคิ้วเอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง “ข้ามาจากนิกายเซียน ปรมาจารย์เซียนจิ่วเฉา”

สุ่ยเยว่ชิง “…?!”

นิกายอะไร? ปรมาจารย์อะไร?

ขณะที่สุ่ยเยว่ชิงถูกเยี่ยนจิ่วเฉาทำให้สับสนอยู่นั้น ชายชราก็สงสัยในใจ ใบหน้าบุรุษหนุ่มผู้นี้ดูคุ้นตายิ่งนัก แต่ยิ่งกว่าใบหน้าที่ดูคุ้นตา…ก็ท่าทางไร้ยางอายของอีกฝ่ายนี่ละ ราวกับเคยรู้จักมาก่อน และยังทำให้เขากัดฟันด้วยความเคียดแค้นอีกเล็กน้อย

สุ่ยเยว่ชิงชักดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์ออกมา!

เขาสงสัยว่าบุรุษหนุ่มตรงหน้าที่ทำลายเรื่องสำคัญของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นพวกค้ามนุษย์ที่น่าเกรงขามพิลึก! หรือหากกล่าวจริงจังกว่านั้น คือสายสืบที่เผ่ามารส่งมา!

เยี่ยนจิ่วเฉาสัมผัสได้ถึงจิตดาบบนดาบเล่มนั้น เสียงดาบราวกับมังกรคำรามดังแวบเข้ามาในหู วิชาอายุวัฒนะในร่างกายของเขาก็เริ่มไหลเวียนด้วยความเร็ว ปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อพบศัตรูที่แข็งแกร่งเท่านั้น

หรือก็หมายความว่า อาวุธของอีกฝ่าย…มีพลังทำลายล้างรุนแรงยิ่งนัก!

ชายชราถอยกลับไปอย่างมีไหวพริบ

ดาบเล่มนั้นเป็นกระบี่ของอาจารย์ปู่ มีเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของอาจารย์ปู่หลงเหลือ สิ่งที่เดิมทีควรใช้ทำลายวังมาร ไม่คาดคิดว่าสุ่ยเยว่ชิงจะถูกบดขยี้อย่างน่าอนาถในวังมาร จนไม่มีโอกาสชักออกมา

เขาใช้ดาบเล่มนี้กับบุรุษหนุ่มตรงหน้า แสดงให้เห็นว่ามีความเกลียดชังต่ออีกฝ่ายมากเพียงใด

คนผู้นี้ไปขุดหลุมฝังศพบรรพบุรุษของสุ่ยเยว่ชิง? หรือว่าเป็นเหล่าหวังเพื่อนบ้านของสุ่ยเยว่ชิง?

ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังจะสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย โจวจิ่นก็เดินออกมาจากห้อง

“มีเรื่องอะไรกันหรือ?” โจวจิ่นถาม

เมื่อโจวจิ่นเห็นสุ่ยเยว่ชิงที่ประตู สุ่ยเยว่ชิงก็เห็นโจวจิ่นเช่นกัน

ทั้งสองต่างผงะ

โจวจิ่นหันหลังกลับเข้าบ้าน แต่สุ่ยเยว่ชิงรีบเก็บดาบเข้าฝักแล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่งเอ่ยว่า “ไม่รู้ว่าท่านผู้สูงส่งอยู่ที่นี่ เยว่ชิงเสียมารยาทแล้ว!”

ท่าทีของเขาเปลี่ยนเร็วจนเยี่ยนจิ่วเฉาตั้งตัวไม่ทัน

เยี่ยนจิ่วเฉามองสุ่ยเยว่ชิง แล้วก็หันมองโจวจิ่น “เขาเรียกเจ้าว่า…ท่านผู้สูงส่ง?”

โจวจิ่นกำหมัดเอ่ยอย่างเย็นชา “ข้าบอกกี่ครั้งแล้ว ข้าไม่ใช่ท่านผู้สูงส่งของพวกเจ้า! พวกเจ้าจำผิดคนแล้ว!”

สุ่ยเยว่ชิงกล่าวเสียงขรึม “เยว่ชิงไม่มีทางจำผิด และแม้ว่าเยว่ชิงจำผิด ท่านอาจารย์ก็ไม่มีทางผิด!”

“อาจารย์ของเจ้าคือผู้ใด?” เยี่ยนจิ่วเฉาถามอย่างเรียบเฉย

เดิมทีสุ่ยเยว่ชิงไม่อยากสนใจคนที่เรียกว่าปรมาจารย์เซียนจิ่วเฉาผู้นี้ แต่ท่านผู้สูงส่งยืนอยู่กับอีกฝ่ายในระยะที่ใกล้มาก ช่วงเวลาที่อยู่ในนิกายศักดิ์สิทธิ์ ท่านผู้สูงส่งไม่เคยให้ผู้ใดเข้าใกล้เกินสามก้าว

สุ่ยเยว่ชิงเหลือบมองโจวจิ่นและตอบว่า “อาจารย์ของข้าคือผู้บำเพ็ญพรตอวี้ชิง”

จิ้งอู๋โจ้วที่ขโมยเนื้อในครัวกินถึงกับสำลัก

ฉิบหาย!

เขาเพิ่งแต่งเรื่องว่าตนเป็นศิษย์ของผู้บำเพ็ญพรตอวี้ชิง ศิษย์ตัวจริงก็ปรากฏตัวถึงที่?

จิ้งอู๋โจ้วอยากจะหนีไป!

แต่ก่อนที่เขาจะก้าวออกไป เยี่ยนจิ่วเฉาก็เอ่ยขึ้นว่า “นี่ เจ้าคนที่อยู่ในครัวน่ะ เพื่อนร่วมสำนักเจ้ามาแล้ว รีบออกมาต้อนรับสิ”

ต้อนรับน้องเจ้าสิ! ข้าเป็นแค่ศิษย์ไร้สำนักที่มาฉวยประโยชน์เท่านั้นแหละ!

“ยังมีศิษย์นิกายศักดิ์สิทธิ์คนอื่นอยู่ที่นี่อีกหรือ?” สุ่ยเยว่ชิงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เขาเดินเข้าไปในครัว แต่เมื่อเห็นจิ้งอู๋โจ้วที่กำลังเอาขี้เถ้ามาทาหน้า ก็ตระหนักได้ทันทีว่าตนถูกเยี่ยนจิ่วเฉาหลอกอีกแล้ว!

นี่มันศิษย์ไร้สำนัก! แม้แต่คนโง่ยังดูออก! เขาไม่เชื่อว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะดูไม่ออก และเหตุผลที่เยี่ยนจิ่วเฉาจงใจเอ่ยเช่นนั้น คงเพราะอยากเห็นเขาถูกหลอกกระมัง?

เหตุใดถึงมีบุรุษที่น่ารังเกียจเช่นนี้อยู่ในโลก?!

สุ่ยเยว่ชิงรู้สึกเหมือนกำลังจะระเบิด!

ชายชรารู้สึกว่าฉากที่คนถูกทำให้โกรธจนอกจะแตกเช่นนี้ดูคุ้นๆ…ราวกับเคยเกิดขึ้นกับใครบางคน…

ชายชราผู้นี้ก็เป็นคนนิกายศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาไม่ไช่สายของผู้บำเพ็ญพรตอวี้ชิง และไม่นับว่าคุ้นเคยกับสุ่ยเยว่ชิง ศิษย์เอกของผู้บำเพ็ญพรตอวี้ชิง ขณะที่เขาหนีออกจากวังมารได้พบกับสุ่ยเยว่ชิง หลังจากนั้นทั้งสองก็ร่วมทางมาด้วยกัน

ชายชราบอกว่าเขาถูกทำให้โกรธมาทั้งคืน

สุ่ยเยว่ชิงบอกว่า เขาเองก็เช่นกัน

ชายชราบอกว่าเป็นคนเดียวกันกับที่โกรธเขา

สุ่ยเยว่ชิงครุ่นคิด เขาก็เช่นกัน

ชายชราบอกว่าเขาถูกเด็กที่เกือบทำให้เขาโมโหตายพวกนั้นทำร้ายจนเป็นเช่นนี้

สุ่ยเยว่ชิงก็ครุ่นคิดอีกครั้ง และพบว่าสิ่งที่พวกเขาพบเจอมาช่างเหมือนกันจริงๆ!

สุ่ยเยว่ชิงถามว่า “คนที่เราเจอจะเป็นคนเดียวกันหรือไม่?”

ชายชราโบกมือ “ข้าเจอสามคน ทั้งยังเป็นเด็กแฝดสาม เจ้ามิได้บอกว่าพบบุรุษหนุ่มหรอกหรือ?”

สุ่ยเยว่ชิงดูเหมือนเข้าใจ “อ้อ เช่นนั้นก็ดูเหมือนไม่ใช่คนเดียวกัน”

ทั้งสองบากหน้าเข้าไปในบ้าน สายตาของพวกเขาไล่ตามโจวจิ่นไปเห็นไข่น้อยทั้งสามที่ยืนหันหน้าเข้ากำแพง

ทั้งสองมองไข่น้อยทั้งสาม จากนั้นก็มองปรมาจารย์เซียนจิ่วเฉาด้านหลัง ที่แทบจะแกะสลักออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกับไข่น้อยทั้งสาม สมองพลันระเบิดกระเจิง

จริงอยู่ว่าไม่ใช่คนเดียวกัน แต่เป็นครอบครัวเดียวกัน!!!

……………………