“เหล่าสหาย เขตอาคมนี้จะส่งตัวไปในทางลับ ข้าขอล่วงหน้าไปก่อน” ชนต่างเผ่าแซ่หยวนฉีกยิ้ม ยกมือขึ้นอาคมสายหนึ่งโจมตีไปยังเขตอาคมส่งตัว

 

 

เขตอาคมเปล่งแสงสีขาว ร่างชนต่างเผ่ารางเลือน หายวับไปจากกลางเขตอาคมอย่างไร้เงา

 

 

เหลือไว้เพียงหุ่นเชิดเทวรูปที่ยังยืนนิ่งงันอยู่ที่เดิม

 

 

“พี่หยวนช่างมีความคิดที่ยอดเยี่ยมจริงๆ คาดไม่ถึงว่าจะนำเขตอาคมส่งตัวไปไว้ในตัวหุ่นเชิด” คนผิวสีเขียวฉีกยิ้ม สาวเท้าตามไป ในเวลาเดียวกันมือหนึ่งก็ยกขึ้นกระตุ้นเขตอาคม คนถูกส่งตัวออกไป

 

 

“พี่หาน เชิญท่านก่อนเถิด” แต่หลังจากที่ชนต่างเผ่าในลำแสงสีแดงกวาดสายตามาบนเรือนร่างของหานลี่แล้ว ก็เอ่ยอย่างถ่อมตน

 

 

หานลี่ได้ยินแล้วพลันรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็พยักหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ ร่างกายพลิ้วไหวตรงไปเบื้องหน้า

 

 

ส่งตัวไปอย่างรวดเร็ว! หานลี่ไม่ทันได้รู้สึกไม่สบายตัวอะไรด้วยซ้ำ คนก็มาปรากฏตัวอยู่ในถ้ำขมุกขมัว

 

 

สอดส่ายสายตาไปซ้ายทีขวาที ถ้ำมีพื้นที่ไม่ใหญ่นัก ขนาดสิบจั้งเศษเท่านั้น แต่เพดานถ้ำกลับมีผลึกศิลาเปล่งแสงแขวนอยู่ สะท้อนทุกอย่างในนั้นอย่างชัดเจน

 

 

ส่วนตรงกำแพงถ้ำด้านข้างมีทางเดินสี่เหลี่ยมสูงสองสามจั้งอยู่

 

 

ชนต่างเผ่าหัวโตและชาวผิวสีเขียวยืนอยู่ด้านข้าง ชายหัวโตมองจานอาคมในมือด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แววตาเปล่งประกายกำลังขบคิดอะไรสักอย่าง

 

 

หานลี่พลิ้วกายเดินออกมาจากเขตอาคมส่งตัวใต้ฝ่าเท้า ชั่วครู่ใจกลางเขตอาคมก็มีลำแสงสีขาวสว่างวาบ ชนต่างเผ่าลำแสงสีแดงปรากฏกาย

 

 

เมื่อเห็นทุกคนมาครบแล้ว ชายหัวโตพลันเงยหน้าฉีกยิ้มกับทุกคน คิดจะเอ่ยปากพูดอะไร ฉับพลันนั้นเสียงอึกทึกพลันดังขึ้นทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ถ้ำทั้งถ้ำสั่นคลอนเบาๆ

 

 

ชั่วขณะนั้นทุกคนในถ้ำพลันหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

 

 

“อย่าเสียเวลาเลย พวกเรารีบออกจากที่นี่กันเถิด เกรงว่าเครื่องป้องกันของเมืองนี้คงจะประคับประคองได้อีกไม่นานแล้ว” ชาวผิวสีเขียวเอ่ยอย่างร้อนใจ

 

 

“อืม นี่ก็เป็นเวลาพอสมควรแล้ว ข้าจะเปิดเขตอาคมตรงประตูเมืองทั้งสี่ออก ให้คนอื่นหนีไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

 

 

ชาวหัวโตพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม โยนจานอาคมในมือขึ้นไปกลางอากาศ สองมือร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว

 

 

อาคมหลากสีสันเป็นสายๆ กะพริบวาบจมหายเข้าไปในจานอาคม

 

 

หลังจากผ่านไปชั่วครู่อาคมก็เปล่งเสียงคำรามต่ำๆ ออกมา ผิวของมันลำแสงไหลโคจรอยู่ สุดท้ายเสียง ปัง พลันดังขึ้นแล้วแตกสลายออก

 

 

ฉากนี้ทำให้คนที่เหลืออีกสามคนตกตะลึงไปพร้อมกัน

 

 

ยุทธภัณฑ์ควบคุมระเบิดตัวเอง นี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ง่ายดายแค่การปิดเขตอาคมสินะ

 

 

“ข้าระเบิดเขตอาคมใต้เมืองแสงมรกตแล้ว หลังจากนี้หนึ่งชั่วยาม เมืองทั้งเมืองจะกลายเป็นเถ้าธุลี” ชายหัวโตดูเหมือนจะมองความตกใจของทั้งสามออก ปากจึงร้องหึๆ ออกมาขณะเอ่ย

 

 

“ระเบิดเขตอาคม!” เมื่อได้ยินหานลี่พลันใจหายวาบ

 

 

คนผู้นี้ช่างจิตใจโหดเ**้ยมเสียจริง!

 

 

แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะไปรวมตัวกันที่ประตูเมืองทั้งสี่ แต่ในเมืองจะต้องมีคนธรรมดาและผู้บำเพ็ญเพียรที่แอบอยู่ในเมืองไม่ออกไปอยู่ไม่น้อย

 

 

เช่นนั้นนับว่าเมืองแสงมรกตแห่งนี้ก็กลายเป็นหลุมฝังศพแล้ว

 

 

ชนต่างเผ่าอีกสองคนได้ยิน ก็มองสบตากันแวบหนึ่งด้วยความประหลาดใจ

 

 

แต่ทั้งสามล้วนไม่ทันได้เอ่ยอะไร เพราะว่าขณะที่ชายหัวโตพูด ลำแสงหลีกหนีพลันปรากฏขึ้น กลายเป็นลำแสงสีเหลืองสายหนึ่งพุ่งไปยังทางเดินสายนั้น

 

 

หานลี่และพวกจึงต้องกลายเป็นลำแสงหลีกหนีแล้วติดตามไป

 

 

เวลานี้กลางอากาศบนพื้นดิน ตรงประตูเมืองต่างๆ ของเมืองแสงมรกต เดิมทีมีม่านลำแสงปกคลุมทั้งเมืองเอาไว้ จู่ๆ ตรงประตูเมืองก็มีรูเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดร้อยจั้งเศษปรากฏขึ้น

 

 

ชนต่างเผ่าจำนวนนับไม่ถ้วนที่มารวมตัวกันอยู่ตรงประตูเมือง กลายเป็นลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกไป ราวกับดาวตกอย่างไรอย่างนั้น ทยอยกันหนีเตลิดไปทั่วทุกสารทิศ

 

 

พริบตานั้นลำแสงหลีกหนีเหล่านั้นก็ร่อนลงบนพื้น จมหายเข้าไปในดินอย่างไร้ร่องรอย บ้างก็กลิ้งหลุนๆ อยู่บนพื้นหญ้า อำพรางกายหายไปอย่างไร้เงาเช่นกัน

 

 

นี่คือเคล็ดวิชาหลีกหนีของชนต่างเผ่าที่เชี่ยวชาญด้านดินและต้นไม้

 

 

แต่คนส่วนใหญ่ยังคงขับเคลื่อนยุทธภัณฑ์เหาะเหินต่างๆ ใต้ร่าง บินต่ำๆ ออกไป

 

 

แทบจะทุกคนดูเหมือนนัดกันไว้ล่วงหน้าแล้ว คนส่วนใหญ่ล้วนเปิดแนบเอาชีวิตรอดกันเป็นรูปพัด ไม่มีผู้ใดรวมตัวกัน

 

 

ยามนี้ ‘หมู่เกาะ’สีเงินของชนชั้นสูงเผ่าหนอนมีเขากลางอากาศเหนือเมืองย่อมพบเรื่องที่ชาวเมืองหนีไปแล้ว ทันใดนั้นเกาะยักษ์พลันเปล่งแสงสีเงินระยิบระยับ ด้านบนมีอินทรีสองหัวขนาดยักษ์บินออกมาหลายตัว

 

 

อินทรียักษ์เหล่านั้น ไม่เพียงมีสองหัว ร่างกายใหญ่ยักษ์ขนาดสามสี่จั้ง บนร่างยังมีเกราะสงครามหยาบๆ สวมอยู่ กรงเล็บยักษ์ทั้งสองสวมปลอกนิ้วทำจากทองเอาไว้ แหลมคมเป็นอย่างยิ่ง เปล่งประกายเย็นเยียบชวนให้ตะลึงงัน

 

 

อินทรียักษ์เหล่านี้มีประมาณพันกว่าตัว บินออกมาจากเกาะยักษ์ สยายปีกทั้งสองออกแล้วตรงไปยังชนต่างเผ่าในเมืองแสงมรกตที่กำลังวิ่งกันอุตลุดด้านล่าง ทุกตัวล้วนมีความเร็วที่น่าตะลึงงัน ไม่ด้อยไปกว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับจิตวิญญาณสีทอง

 

 

เมื่ออินทรียักษ์เหล่านั้นบินไปจนหมด บนเกาะยักษ์ก็ยังคงมีลำแสงสว่างวาบ มีอีกกลุ่มหนึ่งบินออกมา

 

 

แต่ครั้งนี้สิ่งที่บินออกมา กลับเป็นเรือไม้สีดำขนาดแค่สิบจั้ง

 

 

เรือไม้เหล่านั้นมีความยาวสิบจั้ง สลักอักขระสีดำมะเมื่อมเอาไว้ ด้านบนมีนักรบสวมชุดเกราะสีครามสีเงินนั่งอยู่ตั้งแต่สามไปจนถึงห้าคน

 

 

‘เรือไม้’ สีดำเหล่านี้ บินออกมาร้อยกว่าลำภายในอึดใจเดียว ความเร็วด้อยกว่าอินทรียักษ์เหล่านั้นเล็กน้อย แต่เมื่อกะพริบวาบ ก็อยู่ห่างออกไปแปดเก้าจั้ง ความเร็วยังคงเหนือกว่าลำแสงหลีกหนีของชนต่างเผ่าส่วนใหญ่ที่อยู่ด้านล่าง

 

 

หลังจากเผ่าหนอนมีเขาปล่อยกองทัพไล่ล่าออกมาสองกลุ่ม เกาะยักษ์ก็เงียบสงบลง แต่หลังจากนั้นไม่นาน เสียงคำรามก็ดังออกมาจากเกาะ เงาร่างยักษ์เจ็ดแปดสายบินออกจากเกาะ

 

 

 เจ้าพวกนี้ทุกตัวล้วนมีขนาดยี่สิบสามสิบจั้ง แผ่นหลังมีปีกห้าสีคู่หนึ่ง

 

 

ภายใต้การพินิจมองอย่างละเอียด คาดไม่ถึงว่าจะเป็นอสูรรูปร่างคล้ายมังกรวารีติดปีกที่โหดเ**้ยม!

 

 

นอกจากปีกที่งดงามเป็นพิเศษคู่หนึ่งแล้ว มังกรวารีติดปีกก็มีเรือนกายสีทองระยิบระยับ ไม่แตกต่างกับมังกรวารีธรรมดาเลยสักกระผีก

 

 

เมื่อพวกมันบินออกมาจากเกาะ ร่างกายอันใหญ่โตแค่พลิ้วไหว ร่างของมันก็หายวับไปจากกลางอากาศ

 

 

ครู่ต่อมามังกรวารีสีทองติดปีกพลันมาปรากฏตัวห่างออกไปสามสิบสี่สิบจั้ง ความเร็วของมันทำให้ผู้คนตกตะลึงปากอ้าตาค้าง

 

 

หลังจากทหารไล่ล่าสามระลอกบินออกมาจากเกาะยักษ์ตามลำดับแล้ว ชนต่างเผ่าที่หลบหนีอยู่ไกลๆ ก็เกิดความร้อนรน ทยอยกันพยายามหนีไปให้ไกลอย่างสุดชีวิต

 

 

แต่แม้นว่าชนต่างเผ่าเหล่านี้จะมีอยู่มากมายหลายคน แต่พลังยุทธ์ก็แตกต่างกันไป ผู้ที่มีพลังยุทธ์สูงหน่อยนั้นหนีออกไปเกินยี่สิบสามสิบลี้ตั้งนานแล้ว เหลือไว้เพียงจุดดำๆ ผู้ที่มีพลังยุทธ์ย่ำแย่ที่สุดบินออกจากเมืองแสงมรกตไปได้แค่สิบลี้เศษเท่านั้น

 

 

และยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านี้ยังมีจำนวนมากที่สุด แทบจะในครู่ต่อมาก็ถูกอินทรียักษ์สองหัวไล่ตามทัน

 

 

อินทรียักษ์เหล่านี้โฉบลงไปทีละตัวๆ พาพายุกระหน่ำลงมาด้วย กรงเล็บที่แหลมคมสวมปลอกนิ้วคู่นั้นของพวกมัน ทะลวงผ่านลำแสงวิญญาณและยุทธภัณฑ์ป้องกันตัวของชนต่างเผ่าระดับต่ำเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย ตะปบไปยังหัวและไหล่ทั้งสองอย่างแรง แล้วออกแรงฉีกไม่ก็โยนขึ้นไปกลางอากาศ

 

 

ชั่วพริบตาร่างของชนต่างเผ่าเหล่านี้ก็ถูกฉีกออกเป็นสองส่วน โลหิตสดๆ สาดกระเซ็น บ้างก็ถูกโยนขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ถูกอินทรียักษ์สองสามตัวที่รอคอยอยู่แล้วกรูกันเข้ามาจิกกิน ชั่วพริบตาร่างกายก็มีรูโลหิตมากกว่าสามสี่รู ชีวิตปลิดปลิวไปตั้งแต่บัดนั้นเช่นกัน

 

 

แน่นอนว่าชนต่างเผ่าบางพวกก็ไม่ยอมนิ่งเฉยรอความตาย คนจำนวนไม่น้อยรวมตัวกัน บ้างก็ปล่อยยุทธภัณฑ์ออกมาบ้างก็สำแดงเคล็ดวิชา ชั่วขณะนั้นการโจมตีหลากสีสันจึงทยอยกันโจมตีไปยังอินทรียักษ์ที่โฉบลงมาด้านล่าง

 

 

ทว่าการโจมตีของคนเหล่านี้มันมีอานุภาพต่ำต้อยเกินไป เกราะสงครามสีขาวบนร่างของอินทรียักษ์เหล่านั้นมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งมาก

 

 

นอกจากแค่สิบกว่าตัวที่ถูกโจมตีจนร่วงลงมาโดยไม่ทันตั้งตัวแล้ว การโจมตีที่เหลือที่โจมตีไปบนร่างของอินทรียักษ์ ล้วนถูกเกราะสงครามเปล่งแสงสีขาวเป็นชั้นๆ ออกมาต้านทานไว้

 

 

และอินทรียักษ์เหล่านี้กลับถูกการโจมตีเหล่านี้ทำให้โกรธเกรี้ยว ปากเปล่งเสียงร้องแหลมๆ ออกมา ทยอยกันโฉบลงมาอีกครั้ง เริ่มการโจมตีที่ดุดันยิ่งกว่าเดิม

 

 

ชั่วพริบตาพลันมีเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาดังขึ้น บนพื้นดินมีซากศพที่มีโลหิตไหลนองสองสามร้อยศพ

 

 

ยามนี้เรือไม้สีดำด้านหลังพลันบินออกมาจากกลางอากาศ

 

 

เห็นเพียงนักรบชุดเกราะที่ยืนอยู่ด้านบน ต่างกำลังตวัดอาวุธต่างๆ ไปมา เมื่อลำแสงสีเงินร่วงลงมาจากท้องฟ้า คนปกติเมื่อโดนโจมตี ก็ทยอยกันร่างกายระเบิดออก ไม่อาจต้านทานได้เลย

 

 

แต่โชคดีที่นักรบชุดเกราะเหล่านั้นไม่ได้สนใจผู้ที่มีพลังยุทธ์ต่ำต้อยเหล่านั้น เรือไม้สีดำกะพริบวาบอย่างต่อเนื่อง พุ่งแฉลบผ่านอากาศต่ำๆ ไปไล่ตามชนต่างเผ่าที่มีพลังยุทธ์ค่อนข้างสูงด้านหน้า

 

 

ส่วนมังกรวารีประหลาดสองสามตัวที่บินออกมาท้ายสุด ก็พุ่งเข้าไปไล่ล่าชนต่างเผ่าที่มีพลังยุทธ์สูงที่สุดเบื้องหน้าโดยไม่แม้แต่จะหยุดพัก

 

 

จากความเร็วของพวกเขา การไล่ตามชนต่างเผ่าระดับสูงเหล่านั้นล้วนเป็นเรื่องที่ใช้เวลาเพียงชั่วครู่

 

 

ยามนี้ใจกลางของเมืองแสงมรกตฉากสงครามการไล่สังหารและสังหารกลับพลันกระจายไปทั่ว!

 

 

แทบจะในเวลาเดียวกัน ห่างจากเมืองแสงมรกตไปสิบลี้เศษ บนหุบเขานิรนามแห่งหนึ่ง กำแพงหินที่ดูธรรมดาพลันเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ เสียงระเบิดอึกทึกพลันดังขึ้น

 

 

หลังจากที่ระเบิดออก รูยักษ์สีดำสนิทพลันปรากฏขึ้นบนกำแพงหิน

 

 

จากนั้นเสียง “สวบๆ” พลันดังออกมาจากถ้ำ สายรุ้งสองสามสายพุ่งออกมาจากด้านใน จากนั้นพลันหมุนโคจร ลำแสงหม่นแสงลง เผยร่างชนต่างเผ่าสี่คนออกมา

 

 

นั่นก็คือหานลี่และพวก!

 

 

แม้ว่าเป็นเพราะที่นี่ค่อนข้างเปล่าเปลี่ยวรกร้าง และยิ่งไปกว่านั้นเป็นเพราะไม่ได้อยู่ตรงประตูเมืองสักบาน ดังนั้นจึงไม่มีทหารไล่ล่าของเผ่าหนอนมีเขาใดๆ มาปรากฏกาย แต่ชายหัวโตและพวกก็ยังคงมีสีหน้าระแวดระวัง รีบร้อนกวาดจิตสัมผัสไปในบริเวณรอบแล้วดึงกลับมาในทันที

 

 

“คนของเผ่าหนอนมีเขาไม่ได้อยู่แถวนี้ รีบไปกันเถิด จากนี้พวกเราต้องแยกกันเดินทางคนละทาง หากรวมตัวกัน เกรงว่าจะหลบซ่อนจากหูตาของเผ่าหนอนมีเขาได้ยาก” ชายผิวสีเขียวมีสีหน้ายินดี แล้วชิงเอ่ยขึ้น

 

 

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ทว่าก่อนที่เหล่าสหายจะไป ข้าน้อยมีเรื่องไหว้วานสักหน่อย เหล่าสหายอย่าปฏิเสธล่ะ!” ชายหัวโตพยักหน้า กวาดสายตาไปที่คนที่เหลือทั้งสามคน ลังเลเล็กน้อย แล้วพลันเอ่ยขึ้น

 

 

“ช่วย ช่วยอะไร?” ชนต่างเผาในลำแสงสีแดงได้ยิน พลันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

 

 

หานลี่และชายผิวสีเขียวเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา