อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 363 คำสาปโลหิตกำเริบ
ใบหูกู้ชูหน่วนกระดิก นางรับรู้ได้ถึงจิตสังหารของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ เพียงความเร็วนางไม่เปลี่ยน ยังคงรวมพลังทั้งหมดซัดไปที่หัวหน้ากองธงดอกท้อ

หัวหน้ากองธงร่วมมือกันโจมตี นางหนีบอยู่ตรงกลาง แทบไม่มีโอกาสชนะ เทียบกับเช่นนี้ยังมิสู้ลองดูสักตั้ง เก็บหัวหน้ากองธงดอกท้อก่อน แล้วค่อยต่อกรกับหัวหน้ากองธงกล้วยไม้

ขณะเดียวกัน นางเชื่อว่าอี้เฉินเฟยจะไม่ให้นางตายอนาถอยู่ในเงื้อมมือของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้

“พลั่ก…”

หัวหน้ากองธงดอกท้อไร้ที่หลบหลีก ถูกพลังฝ่ามือกู้ชูหน่วนทำให้บาดเจ็บ เรือนร่างดุจว่าวสายขาด ลอยย้อนกลับอย่างหมดกำลัง สุดท้ายกระแทกกับหินขนาดใหญ่รุนแรง เลือดเปื้อนก้อนหินใหญ่

ความเร็วกู้ชูหน่วนคงเดิม เท้าตรงตัวพุ่งถีบหัวหน้ากองธงดอกท้อลงสู้ทะเลโลหิตก้นผา

นางมีเพียงพลังระดับหนึ่งระยะกลาง แต่พลังที่ระเบิดออกมากลับทรงพลังยิ่งกว่าพลังระดับสอง

สงสารแต่หัวหน้ากองธงดอกท้อต้องตกตายกับกู้ชูหน่วนที่พลังห่างชั้นกับเขาขนาดนั้น

ในเวลาเดียวกัน ท่าพิฆาตของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ก็มาติดต่อกัน

อี้เฉินเฟยผายมือขวาขึ้น ขลุ่ยหยกเขียวเลาหนึ่งคล้ายมีวิญญาณ พุ่งไปทางหัวหน้ากองธงกล้วยไม้

เดิมทีเป็นเพียงขลุ่ยธรรมดาเลาหนึ่ง ทว่าตัวขลุ่ยกลับพกพาจิตสังหารที่อัดแน่น หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ตกใจ จิตสังหารรุนแรงขนาดนี้ หากถูกถึงตัว แม้เขามิตายก็ต้องพิกลพิการ

อี้เฉินเฟยเป็นคุณชายสามแห่งสำนักหรูเจีย เขาเลื่องชื่อในด้านวิชาการ คิดไม่ถึงว่าพลังยุทธ์จะสูงส่งเพียงนี้

หากเขาไม่บาดเจ็บ พลังยุทธ์มิต้องแกร่งกว่าเขาหรือ?

ครั้นหัวหน้ากองธงกล้วยไม้หลบขลุ่ยหยกเขียวแล้ว ดอกไม้ที่บานสะพรั่งรอบข้างก็พากันหลุดออกจากก้าน ลอยไปกลางอากาศ จากนั้นก็ร่วงหล่นเป็นกลีบๆ ฟุ้งขจรไปทั่ว

นี่เป็นภาพที่งดงามยิ่ง กลีบดอกลักษณะสีสันต่างๆ คล้ายภูตเทวดา เริงระบำกลางอากาศ ส่งกลิ่นอายหอมชื่น งดงามถึงที่สุด

ทว่าหัวหน้ากองธงกล้วยไม้กลับไม่ผ่อนคลายสักนิด

ยิ่งเป็นของที่สวยงาม พลังทำลายล้างก็ยิ่งมาก เขาไม่คิดว่าอี้เฉินเฟยทำสิ่งที่หวานซึ้งขนาดนี้เพื่อเชยชมเท่านั้น

เป็นอย่างที่คิด กลีบดอกที่งามถึงที่สุดเหล่านั้นเปลี่ยนท่วงท่าทันใด แต่ละกลีบกลายเป็นคมมีด พุ่งไปยังหัวหน้ากองธงกล้วยไม้อย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ

สีหน้าหัวหน้ากองธงกล้วยไม้เปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่มีสนใจสังหารกู้ชูหน่วน ทะยานลำตัวขึ้น หลบหลีกกลีบดอกปานคมมีด

“ซี้ด…”

เขาเพิ่มความเร็วถึงที่สุด แขนยังถูกกลีบดอกกรีดอยู่บ้าง เลือดสดไหลออกมา แม้แต่ดวงหน้าก็ถูกกรีดรอยหนึ่ง ค่าความงามที่เดิมก็ไม่ค่อยสูงอยู่แล้ว หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ที่สนใจเรื่องค่าความงามเป็นพิเศษจึงบันดาลโทสะ

“อี้เฉินเฟย เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้าหรือ?”

หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ละทิ้งกู้ชูหน่วน แล้วกลับไปโจมตีอี้เฉินเฟยแทน

อี้เฉินเฟยหัวเราะเย็นเสียงหนึ่ง ขลุ่ยหยกเขียวในมือหมุนเกลียวอย่างสง่างาม วางอยู่ริมฝีปาก เป่าท่วงทำนองผ่อนคลาย

เสียงท่วงทำนองขลุ่ย อ่อนหวานเสนาะหู บ้างสูงเสียด บ้างต่ำลึก ตามเสียงขลุ่ยของเขา กลีบดอกที่ร่ายรำกลางอากาศก็เปลี่ยนท่วงท่าลักษณ์ไม่หยุด

ครู่เดียวกลีบดอกรวมตัวกันเป็นกระบี่คม บ้างตวัด บ้างเสือก บ้างฟาดฟัน บุกโจมตีหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ทุกทิศทุกทาง

หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ใช้กระบวนท่าเร้นมังกรข้ามสมุทร ซัดกระบี่คมออกไปไม่หยุด

“ฟิ่วๆๆ…”

กระบี่ยาวบังเกิดความเปลี่ยนแปลง หนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่ จากสี่เป็นแปด ปรากฏห้าเหลี่ยมแปดทิศประหัตประหารหัวหน้ากองธงกล้วยไม้

กู้ชูหน่วนมองสมรภูมิกลางเวหา

พลังที่แท้จริงของอี้เฉินเฟยแข็งแกร่งกว่าที่นางคิด

แม้วรยุทธ์หัวหน้ากองธงกล้วยไม้สูงส่ง ก็ยังถูกอี้เฉินเฟยบุกจนมือไม้พัลวัน เกือบตายอยู่ใต้อายกระบี่ที่อัดแน่นด้วยจิตสังหารเหล่านั้นหลายครั้ง

กู้ชูหน่วนผายมือขวา กายดุจหงส์ฟ้าเบาหวิว อาวุธลับหนึ่งซัดไปทางหัวหน้ากองธงกล้วยไม้

ทุกครั้งที่อาวุธลับของนางซัดออกไป เหมือนมีเพียงหนึ่งเดียว แต่ครั้นอยู่กลางอากาศ มักแบ่งหนึ่งเป็นสอง หรือไม่ก็แบ่งหนึ่งเป็นสี่ กระทั่งหนึ่งเป็นสิบหก…

กู้ชูหน่วนกับอี้เฉินเฟยร่วมมือกันอย่างรู้ใจ แทบไร้ช่องโหว่ คล้ายร่วมมือกันมาแล้วกว่าร้อยพันครั้ง

หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ที่มือไม้พัลวันอยู่แล้ว ด้วยการเข้าร่วมของกู้ชูหน่วนจึงมีบาดแผลใหม่เพิ่มขึ้นอีกมาก

“ซี้ด…”

อาวุธลับของกู้ชูหน่วนช้ามาก ทว่าซัดออกไปกลางอากาศ ความเร็วกลับเพิ่มขึ้นพรวดพราด เพิ่มเป็นร้อยเท่าในพริบตา ทรวงอกหัวหน้ากองธงกล้วยไม้พัดถูกอาวุธลับ ฝังลึกในกายเขา

เขาอยากโต้กลับ แต่ถูกกดไว้แน่น ช่องให้โต้กลับสักนิดก็ไม่มี

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาต้องมอดม้วยเป็นแน่

หัวหน้ากองธงกล้วยไม้เกิดความสิ้นหวัง ภาวนาเพียงหัวหน้ากองธงโบตั๋นและคนอื่นๆ มาโดยเร็ว หาไม่แล้วชีวิตน้อยๆ ของเขาต้องจบที่นี่แล้ว

กู้ชูหน่วนกับอี้เฉินเฟยร้อนใจยิ่งกว่า

อาศัยเพียงพวกเขาคนใดคนหนึ่งจะจัดการหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ไม่ได้

พลังของกู้ชูหน่วนในยามนี้ไม่พอ

อี้เฉินเฟยก็บาดเจ็บป่วยหนัก นอกเสียจากพวกเขาจะร่วมมือกัน

แต่อาการบาดเจ็บของอี้เฉินเฟยสาหัสเกินไป อาจทนไม่ไหวทุกเมื่อ

หากเขาทนไม่ได้ เช่นนั้นการต่อสู้ครั้งนี้จะหันเหทันที

เสียงขลุ่ยเปลี่ยน ดุจกลองรบครึกโครม ฮึกเหิมเต็มเปี่ยม รูปแบบการโจมตีของกระบี่ที่ฟาดฟันกับหัวหน้ากองธงกล้วยไม้เร็วขึ้นอีกหลายส่วน

ครั้นเห็นจะสามารถตรึงชีวิตหัวหน้ากองธงกล้วยไม้กับที่นี่ได้แล้ว กู้ชูหน่วนก็ดีใจเล็กน้อย

ขณะกำลังใช้กระบวนท่าสุดท้าย กลับคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ อี้เฉินเฟยจะกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง กายเอนเอียง แทบล้มลงกับพื้น

หน้าเขาขาวเผือด ชุดขาวราวหิมะถูกเลือดสดของเขากระเด็นใส่ กลายเป็นดอกบัวหิมะเบ่งบานเป็นดอกๆ โคลงเคลง สยดสยอง

“พี่เฉินเฟย!”

กู้ชูหน่วนไหนเลยจะสนใจหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ได้อีก เข้าประคองอี้เฉินเฟยทันที ถ่ายกำลังภายในของตัวเองให้อี้เฉินเฟยไม่หยุด

หัวหน้ากองธงกล้วยไม้โล่งอกทันที

ฉวยโอกาสที่เขาป่วย เอาชีวิตของเขา หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ต้องการกำจัดพวกเขาสองคนให้สิ้นซาก ต้องเป็นเวลานี้

เขารวมพลังเป็นปราการ ปราการแสงแดงเพลิงปกคลุมพวกเขา

ความเร็วของปราการแสงร้อนมาก สีหน้ากู้ชูหน่วนเปลี่ยนพลัน ถ่ายกำลังภายในให้อี้เฉินเฟยไป ก็ใช้กำลังภายในต้านปราการแสงที่อยู่เหนือศีรษะไป

ความต่างของพลังมากเกินไป กู้ชูหน่วนยังต้องแบ่งกำลังภายในอีกครึ่งรักษาบาดแผลให้อี้เฉินเฟย ปราการแสงยิ่งลดก็ยิ่งต่ำ

อาจครอบพวกเขาได้สมบูรณ์ทุกเมื่อ

ลมหายใจอี้เฉินเฟยไม่เสถียร เนื้อตัวสั่นเทิ้มไม่หยุด

คำสาปโลหิตของเขากำเริบ เดิมก็ต้านไม่อยู่ เพียงแต่อดกลั้นอย่างลำบาก เวลานี้…

อี้เฉินเฟยปรายตามอง ปราการแสงแดงเพลิงนั้นเป็นท่าไม้ตายของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ ปราการแสงเป็นกระบวนท่าที่ใช้กำลังภายในของเขากระตุ้นออกมา

ครั้นถูกครอบ สรรพสิ่งในนั้นก็จะสลายเป็นหมอกโลหิต

อี้เฉินเฟยเอ่ยอย่างอ่อนแรง “อาหน่วน เจ้ารีบ…รีบไป อย่าสนใจข้า”

“ล้อเล่นอะไร ข้าจะไม่สนใจท่านได้อย่างไร จะรอดก็รอดด้วยกัน ตายก็ตายด้วยกัน ตายพร้อมกับพี่ชายตัวเองได้ ในยมโลกไม่โดดเดี่ยวแล้ว อีกอย่างยังไม่ถึงนาทีสุดท้าย ทุกอย่างก็ยังไม่แน่”

อี้เฉินเฟยร้อนใจ เขาอยากผละกู้ชูหน่วนออก ทว่ากำลังภายในในร่างสักนิดก็ไม่เหลือแล้ว ได้แต่มองปราการแสงครอบลงต่ำเรื่อยๆ กับตา

ได้แต่มองใบหน้าแชล่มน้อยๆ ของกู้ชูหน่วนขมวดเป็นปมมากขึ้นเรื่อยๆ

อี้เฉินเฟยตัดใจ กอดการตัดสินใจที่ต้องตาย อยากทำลายชีพจรยุทธ์ของตัวเอง กระแทกปราการแสงกลุ่มนั้นออก

ทันใดนั้นเอง มีกระบี่ด้ามหนึ่งเสือกเข้ามาจากด้านหลังของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้อย่างจัง ทะลุทรวงอก เลือดสดหยดติ๋งๆ ตามคมกระบี่

หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ครางหนักเสียงหนึ่ง มองคนที่เสือกกระบี่ใส่หลังเขาอย่างตื่นตะลึง

อี้เฉินเฟยกับกู้ชูหน่วนเงยหน้ามองไปด้วยความอึ้ง

กลับเห็นคนที่เสือกกระบี่นั้นมิใช่คนอื่น เป็นเย่เฟิงนั่นเอง!

เย่เฟิงมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร? แล้วมาอยู่ข้างตัวหัวหน้ากองธงกล้วยไม้อย่างไม่ทันรู้ตัว เสือกกระบี่ใส่ได้อย่างไร?!

พวกเขากลับไม่สังเกตเห็นโดยสมบูรณ์