ตอนที่ 509 หอใหญ่ทั้งห้า
ฉินหยุนตระหนักได้ ว่าเรื่องราวมันต้องมีอะไรซ่อนเร้น
กระนั้น หลายคนต่างรู้สึก ว่าเย่ว์อู่หลันคิดอยากถวายร่างกายให้จริง!
อย่างไรแล้ว ฉินหยุนก็เป็นผู้ครอบครองอุปกรณ์เต๋า มันคุ้มค่าอย่างยิ่ง
หากใช้เพียงร่างกายก็แลกเปลี่ยนมาได้
“ไม่ ข้ามีภรรยาแล้ว!” ฉินหยุนตอบกลับฉะฉาน
ฝูงชนต่างอุทานออก!
กระทั่งเทียนรั่วเหลิง ก็ไม่คิดว่าฉินหยุนจะมีภรรยาแล้ว!
“นางเลิศลํ้าเพียงนั้น?”
ดวงตางดงามของเย่ว์อู่หลันปรากฏความขื่นขมซ่อนเร้น นํ้าเสียงเผย
ความเศร้าหมอง สภาพนางขณะนี้คล้ายหัวใจแหลกสลาย
“ใช่!” ฉินหยุนยิ้มตอบ
“อย่างนั้นแล้ว หากเป็นสหายเล่า?” เย่ว์อู่หลันยังไม่คิดยอมท้อถอย
“ข้ายั่วยุขั้วอํานาจใหญ่เอาไว้มาก หากเป็นสหายกับข้า เจ้าจะมีแต่
โดนร่างแหไปด้วย!”
นํ้าเสียงฉินหยุนกล่าวขณะมองทางหลงอู่เฉินและหยางมู่เทียน
“ย่อมไม่เป็นไร ข้าจะไม่ก่อปัญหาใดเพิ่มให้กับเจ้า! ยิ่งไปกว่านั้น ข้า
คือเย่ว์อู่หลัน มันผู้ใดคิดกล้าทวงหนี้แค้นจากข้า?”
เย่ว์อู่หลันหรี่ดวงตาทรงเสน่ห์ เผยรอยยิ้มหวาน กระนั้นจิตสังหาร
แรงกล้าก็แฝงมาพร้อมกับรอยยิ้มของนาง
ฉินหยุนขณะนี้รู้สึก ว่ามันเย็นเยียบได้เทียบเท่าเทียนรั่วเหลิง นางเป็น
นางมารผู้หนึ่งที่พร้อมสังหารคนอย่างไม่กระพริบตา ภายใต้รอยยิ้ม
ของนาง ย่อมต้องซุกซ่อนความบ้าคลั่งไร้ปรานีเอาไว้อย่างแน่นอน
“นายน้อยฉิน เย่ว์อู่หลันคือผู้ที่สังหารแม้กระทั่งบิดาของนาง ทางที่ดี
เจ้าเองก็ควรระวังตัวไว้!” เจี้ยนหมางกล่าว
“เจี้ยนหมาง อย่าได้กล่าวหาข้าด้วยวาจาโป้ปดของเจ้า ข้าเพียงทําบิดา
พิการ หาได้สังหารเขาไม่!” เย่ว์อู่หลันทักท้วงไม่ยินดี “หากเจ้ายังกล้า
กล่าวว่าร้ายต่อข้า เช่นนั้นข้าคงต้องกอบกู้เกียรติตัวเองกลับคืนแล้ว!”
ทุกคนต่างตื่นตระหนก พวกเขาไม่คาดคิดว่าเรื่องราวจะดําเนินไปถึง
ขั้นนี้!
ฉินหยุนหันมองทางเทียนรั่วเหลิง พบว่าเทียนรั่วเหลิงพยักหน้าให้
ขณะนี้ ฉินหยุนค่อยเข้าใจต่อเรื่องราวของบรรดาศิษย์จากห้าตระกูล
ใหญ่
หยางมู่เทียน ถือได้ว่าอ่อนแอที่สุด!
หลงอู่เฉินครอบครองพลังแข็งแกร่ง กระนั้นเขากลับเป็นผู้เก็บงํา
ตนเองที่สุด อีกฝ่ ายเป็นผู้ที่รักษาหน้าตายิ่งกว่าผู้ใด!
สองหญิงสาวนั้นจึงเป็นผู้แข็งแกร่งสะกดข่ม ทางหนึ่งแข็งกร้าวยอม
ขาดไม่ยอมงอ อีกหนึ่งเป็นผู้ทรงเสน่ห์และอ่อนช้อย
สําหรับเจี้ยนหมาง… คงเป็นคนสุดท้ายที่ฉินหยุนจะคิดเป็นศัตรูด้วย!
นั่นก็เพราะพลังอํานาจของผู้ฝึกตนดาบ เป็นเขาทราบดีว่าชวนสะพรึง
ขนลุกถึงเพียงใด!
ฉินหยุนทราบก็เพราะเซี่ยอู๋เฟิ งเป็นผู้ฝึกตนดาบ
เขาทราบดี ว่าผู้ฝึกตนดาบที่สูงส่ง แม้ศัตรูมีอุปกรณ์เต๋าป้องกัน ก็ยัง
สามารถสังหารอีกฝ่ ายได้แทบในทันที!
ตงฟางเฉ่ามองทางเจี้ยนหมางพร้อมเอ่ยถาม “ท่านนักดาบไร้ดวงตา
ด้วยกําลังของท่าน เข้าร่วมห้าสํานักดวงดาวไม่น่าเป็ นเรื่องยากไม่ใช่
หรือ? ได้ยินว่าท่านสามารถต่อสู้กับอาจารย์ยุทธ์สองคนได้พร้อมกัน
โดยลําพังด้วยซํ้า!”
อาจารย์ยุทธ์ เป็นตําแหน่งของผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ!
ในแดนวิญญาณอ้างว้าง ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณเรียกหาเป็นอาจารย์
ยุทธ์ และขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้าเรียกหาเป็นยอดยุทธ์
หลังจากได้ยินคําถาม เทียนรั่วเหลิงจึงเผยเสียงประหลาดใจ “จริง
หรือนี่?”
“น้องตงฟางช่างยอดเยี่ยมนัก! ตอนนั้นเจ้าคงอยู่ด้วยอย่างนั้นละสิ
เป็นข้าไม่ทราบ!” เจี้ยนหมางกล่าวตอบ
“หากท่านทราบ ข้าคงไม่อาจได้มายืนตรงนี้!” ตงฟางเฉ่าหัวเราะ
“ข้ามายังหอขุนเขาดาบกระบี่ก็เพื่อเคล็ดวิชาดาบ! หอขุนเขาดาบกระบี่
มีวิชาที่เป็นเลิศด้านนี้ยิ่งกว่าห้าสํานักดวงดาวเสียอีก! เจ้าเองก็เป็น
ผู้ใช้งานดาบ ดังนั้นภายหน้าเจ้าจะได้ทราบและเข้าใจเอง!” เจี้ยนหมาง
กล่าว
“เจี้ยนหมาง แล้วมรดกสืบทอดวิถีกระบี่แห่งเต๋าของหอขุนเขาดาบ
กระบี่เล่า? ข้าเป็นผู้ใช้กระบี่!” เย่ว์อู่หลันเร่งร้อนเอ่ยถาม
“กระบี่ถือว่าเหี้ยมโหด! อย่าได้เรียกหาเป็นวิถีกระบี่แห่งเต๋า ผู้ซึ่งใช้
กระบี่จําเป็นต้องฝึกฝนสภาวะทางจิต! พระสูตรหัวใจกระบี่ที่สืบทอด
ในหอขุนเขาดาบกระบี่ถือว่าเลิศลํ้า! เจ้าย่อมต้องไม่นึกเสียดายที่เข้า
ร่วมที่นี่อย่างแน่นอน!” เจี้ยนหมางกล่าว
“ฝึกฝนจิตใจหรือ?” ฉินหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่ง นี่เป็นเขาไม่เคยฝึกฝน
วิชากระบี่อย่างจริงจังมาก่อน
“ภายหน้าเจ้าจะเข้าใจเอง!” เจี้ยนหมางไม่คิดอธิบายอื่นใดเพิ่มเติมอีก
เวลาผันผ่านรวดเร็ว สองวันผ่านพ้นราวพลิกหน้ากระดาษ
พวกเขาได้เวลาต้องออกไปแล้ว
คนหนึ่งกล่าวกระซิบ “กลุ่มของหยางอวี้เห่าไม่กลับมา หรือจะเกิด
เรื่องอะไรขึ้น?”
กลุ่มของหยางอวี้เห่าถูกกลุ่มของฉินหยุนกวาดล้าง แน่นอนว่าไม่มี
ทางปรากฏตัวให้ได้เห็นอีก
ต้องกล่าวกันว่า กลุ่มที่เข้าร่วมเขตแดนอ้างว้างปี ศาจแดงแห่งนี้ ทั้งหมด
ล้วนแกร่งกล้า!
นอกจากหยางอวี้เห่าและหลงอวี้เหว่ย กลุ่มอื่นล้วนรอดชีวิตกันมา
ได้ทั้งสิ้น!
ขณะนี้พวกเขาออกจากเขตแดนอ้างว้างปี ศาจแดง กําลังโดยสารเรือ
บินของหอขุนเขาดาบกระบี่เดินทางกลับ!
ผู้เฒ่าในชุดดํา ผู้ซึ่งนั่งด้านบนหัวเรือ ทราบว่าภายในเกิดเรื่องอันใด
ขึ้น เขามองทางฉินหยุนและเทียนรั่วเหลิงด้วยสายตาเผยความ
ประหลาดใจ
ตงฟางเฉ่าเมื่อออกมา เขาจึงส่งคืนอุปกรณ์เต๋าและดาบเต๋าแก่ฉินหยุน
แม้เขาคิดอยากได้พวกมันเพียงใด เขาก็ไม่กล้าออกปากเอ่ยถาม!
ทางหนึ่ง เขาทราบว่าไม่มีกําลังปกป้องพวกมันเอาไว้ อีกทางหนึ่ง เขา
รู้สึกผิดที่ไม่อาจหาสิ่งวิเศษใดมาตอบแทนที่ฉินหยุนให้หยิบยืมได้!
อย่างไรแล้ว เขาก็ได้รับโอกาสเพราะฉินหยุนและเทียนรั่วเหลิง การ
ได้เข้าร่วมหอขุนเขาดาบกระบี่ ก็ถือว่าเป็ นเรื่องที่ดีมากแล้ว
ฉินหยุนไม่คิดรับกระบี่ที่มอบแก่เทียนรั่วเหลิงกลับคืน นางยั่วยุไป
หลายขั้วอํานาจ ด้วยกระบี่ที่ดีในมือ นางจะสามารถใช้มันเพื่อปกป้อง
ตนเองได้!
ผู้คนของหอขุนเขาดาบกระบี่เริ่มทําการนับจํานวนเขาหมาป่ ากันแล้ว
พวกฉินหยุนทั้งสามคน นับได้กันคนละสี่สิบเขา!
รวมทั้งสามคน เท่ากับว่าได้รับมากมายถึงหนึ่งร้อยยี่สิบเขา!
นอกจากสามสิบเขาที่ได้รับมาภายหลัง หมายความถึงพวกเขาหามา
ได้ด้วยตนเองถึงเก้าสิบ
ด้วยครอบครองอุปกรณ์เต๋าในมือ เป็ นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะได้
ผลลัพธ์ระดับนี
กลุ่มของหลงอู่เฉิน ทั้งหมดรวมแล้วได้มาเก้าสิบเขา!
ตัวหลงอู่เฉินต้องการเพียงยี่สิบ ที่เหลือใช้สําหรับแบ่งคนอื่นภายใน
กลุ่ม
เย่ว์อู่หลันและกลุ่มหกคนของนาง ได้รับมารวมทั้งสิ้นแปดสิบเขา
ดังนั้นตัวนางจึงต้องการเพียงแค่ยี่สิบเขา
หยางมู่เทียนเดิมครอบครองแปดสิบ หลังจากสูญเสียไปสามสิบ จึง
หลงเหลืออยู่เพียงห้าสิบ!
เพื่อเข้าร่วมหอขุนเขาดาบกระบี่ หยางมู่เทียนจําเป็นต้องขอมายี่สิบ
เขา เรื่องนี้ทําเอาคนในกลุ่มไม่ยินดี กระนั้นพวกเขาก็ไม่กล้ากล่าว
อันใดออก
กลุ่มของเจี้ยนหมางได้รับเขาหมาป่ ามากมายที่สุด ห้าคนได้รวมกัน
หนึ่งร้อยสี่สิบเขา แบ่งกันแล้วจึงได้คนละสามสิบ ดังนั้นจึงเข้าร่วม
หอขุนเขาดาบกระบี่ได้สําเร็จ
สิบห้าคนซึ่งผ่านการทดสอบ แปดคนมาจากห้าตระกูลใหญ่ เป็นการ
ได้รับตําแหน่งกว่าครึ่งไปครอง
ตามปกติ ห้าตระกูลใหญ่สมควรมีศิษย์ทั้งสิ้นสิบคนเข้าร่วม ตราบ
เท่าที่ยังรอดชีวิต พวกเขาย่อมต้องผ่านการทดสอบได้
กระนั้น หยางอวี้เห่า และหลงอวี้เหว่ยล้วนตายสิ้น!
“นําเอาอาวุธที่เจ้าได้รับจากสระนํ้าดาบกระบี่ปักที่ประตู!” ชายชรา
ชุดดําตะโกนดัง
ฉินหยุนขว้างกระบี่ใหญ่ออกไป มันแทงเข้าใส่ที่ประตูลึกแน่น
ผู้อื่นล้วนใช้วิธีการของตนเอง นําอาวุธที่ได้รับมา แทงเข้าใส่ประตู
ทั้งสองบานที่แตกต่าง นี่หมายความถึง หอขุนเขาดาบกระบี่ได้รับ
ศิษย์ใหม่เพิ่มสิบห้าคน!
ผู้ซึ่งล้มเหลวในการทดสอบ ก็ได้แต่เพียงไปดื่มกินปรับทุกข์ในเมือง
พร้อมทั้งแพร่กระจายเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างการทดสอบ
* * *
ช่วงบ่าย ในลานกว้างของหอขุนเขาดาบกระบี่ ศิษย์ใหม่พร้อมกระบี่
ในมือกําลังยืนในพื้นที่โล่งกว้างของลาน
“ที่นี่คือสถาบันกระบี่ระดับต้น!” ชายชราในชุดดําที่มีจิตวิญญาณ
แรงกล้าเผยเสียงดัง “พวกเจ้าหกคนจะเป็นศิษย์ของข้านับแต่วันนี้!”
ชายชราชุดดําร่างสูงใหญ่ สวมใส่ชุดคลุมตัวนอกสีดํา ที่แขนทั้งสอง
ข้าง เต็มเปี่ ยมด้วยรอยแผลเป็นแห่งการศึก
ที่ใบหน้าของเขาก็ปรากฏแผลเป็นจํานวนหนึ่ง มันคือสิ่งที่สร้าง
ความน่าเกรงขามให้แก่เขา
“นามข้าเต๋าฟาน เรียกหาข้าเป็นฟานเซียนเซิงก็ได้!”
*เซียนเซิง = คํายกย่องบุรุษ*
ฉินหยุน เทียนรั่วเหลิง และเย่ว์อู่หลันต่างใช้กระบี่ ดังนั้นพวกเขาจึง
อยู่ที่นี่
นอกจากนี้ ยังมีศิษย์ของตระกูลเทียนคนหนึ่ง และตระกูลจีอีกสอง
คนที่ใช้งานกระบี่อยู่ในที่นี้
จากสิบห้าคนที่ผ่านการทดสอบ มีเพียงหกคนที่ใช้งานกระบี่!
เต๋าฟานนําเอาหีบออกมาหกใบ “ภายในเป็นเสื้อผ้าของพวกเจ้า! ผู้ใช้
กระบี่จะสวมใส่ชุดสีดํา ผู้ใช้ดาบจะสวมใส่ชุดสีขาว!”
เย่ว์อู่หลันเปิ ดหีบออก รับเอาชุดสีดํามาชุดหนึ่ง ใบหน้าขาวนวลของ
นางเผยความรังเกียจ เป็นนางไม่ชอบเสื้อผ้าสีดํา
เต๋าฟานที่พบเห็นสีหน้ารังเกียจของเย่ว์อู่หลัน เขาเผยรอยยิ้มที่ใบหน้า
อย่างจริงจัง “สาวน้อย หากเจ้าต้องการสวมใส่ชุดที่งดงาม เจ้าก็เพียง
แค่ยกระดับสถาบันกระบี่ของข้า สู่สถาบันกระบี่ระดับราชัน เมื่อนั้น
เจ้าจะได้สวมใส่ชุดที่สวยงาม!”
“ค่อยโล่งอก ข้านึกว่าต้องสวมใส่ชุดสีดําไปทั้งชีวิตแล้ว!” เย่ว์อู่หลัน
ถอนหายใจออก
“แม้ผ่านมาหลายร้อยปี สถาบันกระบี่ของพวกเรายังเป็นเพียงสถาบัน
กระบี่ระดับต้น!” คํากล่าวของเต๋าฟาน ทําเอารอยยิ้มที่ใบหน้าของ
เย่ว์อู่หลันเลือนหายวับ
เต๋าฟานกล่าวต่อ “หอขุนเขาดาบกระบี่ มีทั้งสิ้นห้าหอ! หอกระบี่ หอ
ดาบ หออักขระ หอโอสถ และหออาวุโส! จากนามของพวกมัน เจ้า
คงทราบแล้วว่าทั้งห้าหอมีต้นตอจากอะไร!”
“หอกระบี่สวมใส่สีดํา หอดาบสวมใส่สีขาว หออักขระสวมใส่สีนํ้า
เงิน หอโอสถสวมใส่สีเขียว และหออาวุโสสวมใส่สีทอง! ศิษย์ของ
สถาบันระดับราชัน จะได้รับอนุญาตให้สวมใส่ชุดตามต้องการ!”
ฉินหยุนและคณะพยักหน้ารับ
“และหอกระบี่ของพวกเรา ก็มีสถานะตํ่าต้อยที่สุด!”
นํ้าเสียงของเต๋าฟานเผยความโศกเจือปน
“กระทั่งว่าหอขุนเขาดาบกระบี่ให้ความยุติธรรมเสมอมา กระนั้นก็
ไม่มีอันใดที่ยุติธรรมอย่างแท้จริง! ด้วยเหตุนี้ พวกเจ้าจึงต้องระมัดระวัง
คําพูดและการกระทําในหอขุนเขาดาบกระบี่ให้ดี!”
ไม่มีผู้ใดคิดว่าเรื่องนี้แปลกใหม่
ตราบเท่าที่อยู่ภายในขั้วอํานาจใหญ่ มันย่อมต้องมีทั้งเส้นสาย มิตร
ศัตรู และอื่น ๆ อีกหลากหลาย
“พวกเจ้าเพียงเพิ่งเริ่มต้น มาทําความรู้จักกันก่อนดีกว่า! อีกหลายวัน
ถัดจากนี้ พวกเจ้าคงมีงานให้ได้ทําจนล้นมือ!”
“ข้าพักอาศัยอยู่ในสถาบันกระบี่ระดับต้นแห่งนี้ หากเกิดปัญหาใด ก็
มาพบข้าได้!”
เต๋าฟานกล่าวคําจบ เขาจึงเร่งรีบออกจากลานกว้างไป
แม้สถาบันกระบี่ระดับต้นกว้างใหญ่ ทว่ามันเงียบเหงา
โรงฝึกฝนมีเพียงสิบห้าโรง ทั้งยังเงียบเหงากันทั้งสิ้น และยังมีห้อง
อาบนํ้าใหญ่ รวมถึงสิ่งอํานวยความสะดวกอื่น
อาณาเขตของสถาบันค่อนข้างกว้างใหญ่ และในสวน ก็ยังมีลาน
ฝึกฝนกว้างกว่าห้าสิบเมตร
แม้ว่าเป็นสถาบันกระบี่ระดับต้น แต่หากพิจารณาให้ดี มันก็มีทุก
อย่างครบถ้วนสมบูรณ์พร้อม
“เทียนฉั่ว เจ้าคิดอยากสังหารข้าหรือไม่?” ได้เห็นเต๋าฟานจากไป
แล้ว เทียนรั่วเหลิงจึงเอ่ยถามขึ้น
เทียนฉั่วคือบุตรหลานตระกูลเทียน เขาคล้ายรูปปั้นที่แข็งทื่อ ทว่ากลับ
มีรูปโฉมหล่อเหลา ผิวหนังขาวนวล เส้นผมยาวพลิ้วไหว ชัดเจนว่า
เขาดูแลรูปลักษณ์ตนเองดีระดับหนึ่ง
“กระทั่งว่าตระกูลไม่คิดสังหาร ข้าก็คิดสังหารเจ้า! อย่างไรแล้ว เจ้า
ได้ลงมือสังหารหลงอวี้เหว่ย หากข้าสังหารเจ้า ย่อมได้รับรางวัลเลิศ
ลํ้าจากตระกูลหลง!” เทียนฉั่วเผยนํ้าเสียงเบาทว่าเปี่ ยมด้วยจิตสังหาร
ตอบกลับ
ชายทั้งสองคนจากตระกูลจี หนึ่งสูงหนึ่งเตี้ย ทั้งสองครอบครองคิ้ว
หนาและดวงตาค่อนข้างโต
“สองหน้าโง่ตระกูลจี พวกเจ้าเล่า? คิดอยากสังหารเทียนรั่วเหลิงและ
ฉินหยุนหรือไม่?” เทียนฉั่วเอ่ยถามอย่างอหังการ
“พวกเราคือแฝดอสูรแห่งตระกูลจี!” ชายร่างใหญ่เผยเสียงคําราม
กราดเกรี้ยว
“แฝดอสูรแห่งตระกูลจีหาได้อ่อนด้อย หยาบคายหยอกล้อต่อพวกเขา
เช่นนั้น ทางที่ดีเจ้าควรเร่งรีบกล่าวขออภัยต่อพวกเขา!” เย่ว์อู่หลัน
กล่าวต่อว่า
เทียนรั่วเหลิงเผยเสียงเย็น “สองอสูรตระกูลจี หากคิดสังหารข้า ข้าก็
ไม่ขอเกรงใจหากต้องปกป้องตนเอง!”
ชายร่างใหญ่กําหมัดประทับฝ่ ามืออีกข้างให้ฉินหยุนพร้อมกล่าว “ข้า
จีฉางเจี้ยน!”
“ข้าจีฉางเชี่ยน!” ชายร่างเล็กเอ่ยคําตามติดเป็นลูกคู่
“สวัสดีสองสหาย!” ฉินหยุนประทับหมัดกับฝ่ ามือตอบรับอย่างมี
มารยาท
“พวกเราย่อมมีอารยธรรม หากผู้อื่นไม่หาเรื่อง พวกเราย่อมไม่ตอบ
โต้!” จีฉางเจี้ยนเอ่ยคําเสียงเย็น สายตามองทางเทียนฉั่วที่เผยรอยร่อง
ความโกรธเคือง
เย่ว์อู่หลันหัวเราะ “เทียนฉั่ว ในพวกเราหกคน เจ้าคล้ายเป็นเพียงผู้
เดียวที่ไม่เข้าพวก!”