บทที่ 1526+1527

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1526 คลุมถุงชน 2

เดิมทีเธอมีเงามืดหมุนวนอยู่ภายในจิตใจ ในที่สุดก็พลันมลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย คลายคิ้วงามออกได้แล้ว

เธอเคาะขมับตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองนิสัยเด็กจริง…

มิน่า ผู้เชี่ยวชาญด้านความรักบอกว่า ผู้หญิงที่กำลังมีความรักมักมีสติปัญญาเป็นศูนย์ ดูเหมือนว่าเมื่อเป็นปัญหาความรักที่เกี่ยวข้องกับตี้ฝูอี สติปัญญาของตัวเองก็ลดฮวบลงเช่นกัน มิสู้การคิดอย่างรอบคอบของหลัวจั่นอวี่

หากรู้เช่นนี้แต่แรก เธอไม่ควรวิ่งหนีปัญหา ไม่สนใจปล่อยเขาไว้ข้างถนนตอนเขามาหา ควรจะพบเจอกันแต่โดยดี

เมื่อคิดตกเรื่องปัญหาความรักของตัวเอง กู้ซีจิ่วก็ไม่คิดมากอีกต่อไปแล้ว เอ่ยถามหลัวจั่นอวี่ขึ้นอีก “จริงสิ ครั้งนี้เมิ่งซู่เหยียนก็มาด้วย นางไม่ได้กลับไปพบคู่หมั้นของนางแล้วหรือ? ไม่ได้พบกันหรือว่าถูกเจ้าเรียกตัวมาหลังจากที่พบและพูดคุยกันแล้ว?”

หลัวจั่นอวี่หยุดชะงัก ส่ายหน้าเล็กน้อย “คู่หมั้นของนางแต่งงานแล้ว ลูกก็ใกล้จะไปซื้อซีอิ้วได้แล้ว”

กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง

เธอเคยฟังเมิ่งซู่เหยียนบอกเล่าอยู่หลายครั้ง หลังจากที่นางกับคู่หมั้นทำสัญญาอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า คู่หมั้นของนางยังเคยสัญญาว่าชาตินี้จะแต่งงานกับนางแค่คนเดียว พลังยุทธ์ของนางมาจากพรสวรรค์จริงๆ เดิมทีนางไม่อยากพูด เกรงว่าหากไม่ใช่จะถูกโยนเข้ามาตายในป่าทมิฬ นางละโมบความอ่อนโยนที่เขามีให้นาง

ทว่าต่อมาไม่รู้ว่าถูกใครแพร่งพรายออกไป ผลลัพธ์คือเรียกทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาทดสอบว่านางไม่ใช่สานุศิษย์สวรรค์ นางสิ้นหวังยิ่งนัก นางเคยพบหน้าคู่หมั้นครั้งหนึ่งก่อนถูกโยนเข้าป่าทมิฬ คู่หมั้นของนางดึงมือและบอกนางว่า เมื่อนางไปไม่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรเขาจะรอนาง จะรอนางตลอดไป…

เนื่องจากรู้ว่าเขาจะรอนาง ดังนั้นเมิ่งซู่เหยียนจึงมีความเชื่อตลอดหลายปีที่ผ่านมาว่าจะต้องออกไปให้ได้! เพราะนางตัดใจให้คู่หมั้นโดดเดี่ยวชั่วชีวิตไม่ได้…

ในความเป็นจริง คู่หมั้นของนางไม่ได้รอนางสักนิดเลย!

นางถูกขังอยู่หลายปี ตอนออกไปตามหาเขาพบ เขากลายเป็นลูกเขยในอุดมคติของเจ้าเมืองแล้ว ข้างกายมีภรรยาเลอโฉม ยังมีลูกอีกสองคน ลูกคนโตอายุหกขวบแล้ว…

เมื่อคำนวณเวลาดู คู่หมั้นของนางแต่งงานตั้งแต่ที่นางถูกขังเป็นปีที่สอง

กู้ซีจิ่วรู้ว่าเมิ่งซู่เหยียนเป็นแม่นางที่แข็งแกร่งยิ่งนัก คู่หมั้นแต่งงานไปแล้ว นางย่อมไม่มีทางไปกวนใจอีก ดังนั้นนางรีบตรงมาที่นี่ก็เป็นเรื่องปกติ

ความพยายามยืนหยัดมาหลายปีในที่สุดก็กลายเป็นความว่างเปล่า แม่นางท่านนี้ได้รับความกระทบกระเทือนหนักหน่วงถึงเพียงนี้ยังทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ ท่ามกลางศึกสงครามครั้งนี้นางลงแรงไปไม่น้อย กู้ซีจิ่วค่อนข้างนับถือนาง

จันทราดังน้ำค้างแข็ง อาบย้อมบนหลังคา

กู้ซีจิ่วอยู่บนหลังคา มองเห็นเมิ่งซู่เหยียนนั่งชมแสงจันทร์อยู่ตรงนั้น

แม่นางผู้นี้สวมอาภรณ์เขียว นั่งยืดหลังตรงอยู่ตรงนั้น ดุจไม้ไผ่เหยียดตรงต้นหนึ่ง

ข้างกายนางมีน้ำเต้าสุรา นางดื่มไปไม่น้อย ทว่าสติสัมปชัญญะยังครบถ้วนอยู่

เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วขึ้นมา นางยื่นน้ำเต้าสุราให้นาง “ดื่มเป็นเพื่อนข้าสักหน่อย?”

กู้ซีจิ่วก็ไม่เกรงใจแล้ว รับน้ำเต้าสุราของนางมาดื่มสักสองสามอึก ชมแสงจันทร์ข้างกายนาง

“ซีจิ่ว เจ้าว่าผู้ชายล้วนเชื่อไม่ได้กันทั้งหมดเลยหรือไม่?” เมิ่งซู่เหยียนเอ่ยพึมพำ

กู้ซีจิ่วรู้ว่านางเก็บกดเอาไว้นานเกินไปแล้ว ต้องการระบายออกมา จึงไม่ได้ทักท้วงนาง เพียงแต่ชนน้ำเต้าสุรากับนาง แล้วดื่มอีกอึกหนึ่ง

ดวงตาของเมิ่งซู่เหยียนเลือนรางเล็กน้อย “เขาเคยรักข้าถึงเพียงนั้น วันหนึ่งมาหาข้าสามครั้งยังไม่บ่นว่ามาก แทบอยากจะตามติดอยู่กับข้าทุกวัน เขาพร่ำเอ่ยคำสัตย์สาบานกับข้ามากมายก่ายกอง ท้ายที่สุดก็ไม่รักษาคำพูด…” นางดื่มสุราอีกอึกหนึ่ง ยิ้มเล็กน้อย “เจ้ารู้ไหมว่าครั้งนี้ข้ากลับไปเห็นเขาในสภาพเยี่ยงไร? เขาเซ่นไหว้ป้ายวิญญาณข้าในบ้าน อีกทั้งยังให้ลูกชายลูกสาวทั้งสองมาเซ่นไหวข้าอยู่บ่อยครั้ง…”

————————————————————————————-

บทที่ 1527 คลุมถุงชน 3

เมิ่งซู่เหยียนส่ายหน้า “ข้ากลับไปในเมือง เมื่อถามไถ่เพียงเล็กน้อยก็รู้ว่าเขาแต่งงานแล้ว ประสบความสำเร็จในชีวิต ข้าผิดหวังยิ่งนัก เดิมทีข้าไม่อยากไปพบเจอเขา แต่ก็รู้สึกว่าหากไม่พบเจอหน้ากันสักครั้ง ข้าจะรู้สึกผิดต่อการรอคอยสิบกว่าปีของข้า…เดิมทีข้าวางแผนแอบไปดูเขาแวบหนึ่งแล้วจากไป สุดท้าย ข้าเห็นป้ายวิญญาณของข้าในคฤหาสน์ของเขา…เขากำลังรำพึงรำพันหน้าป้ายวิญญาณของข้า ให้ข้าปกป้องคุ้มครองลูกของเขาทั้งคู่ให้มีอนาคตที่ดีในภายภาคหน้า…”

กู้ซีจิ่วไร้ซึ่งวาจา

เมิ่งซู่เหยียนกล่าวต่อ “ข้ารู้สึกว่าความรักของตัวเองเปรียบเสมือนเรื่องตลกขบขัน ขณะที่กำลังจะจากมา เรือนด้านข้างของคฤหาสน์เขาเกิดไฟลุกไหม้ ลูกชายคนเล็กของเขาติดอยู่ในเรือนหลังนั้น ร้องไห้ส่งเสียงดังยิ่งกว่าขุนเขา ไฟนั้นลุกลามใหญ่โต ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปช่วยเหลือ…ข้าทนดูเด็กน้อยถูกเผาทั้งเป็นไม่ได้ จึงรีบพุ่งตัวเข้าไปช่วยเด็กคนนั้นออกมา…และด้วยเหตุนี้จึงเปิดเผยเรือนกาย เขากลับจำข้าได้ ร้องเรียกชื่อข้าขึ้นมาในทันที…”

เมิ่งซู่เหยียนดื่มสุราอีกอึกหนึ่ง “ข้าไม่อยากไปกวนใจเขาอีก อยากรีบจากมาในทันทีที่ช่วยเด็กออกมาได้ แต่เขากลับดึงรั้งชายเสื้อของข้าไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เอาแต่พูดว่าเขามีอะไรจะพูดกับข้า…”

“เจ้าฟังเขาพูดแล้ว? กู้ซีจิ่วเอ่ยถาม

เมิ่งซู่เหยียนหยุดชะงักแล้วพยักหน้า “ใช่ ข้าฟังเขาพูด…แต่ถ้าไม่ฟังจะดีกว่า!”

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว รอนางเล่าต่อ เมิ่งซู่เหยียนฝืนยิ้ม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาพูดอะไรกับข้า? เขาบอกว่าเขาไม่ได้เต็มใจแต่งงานกับธิดาเจ้าเมืองท่านนี้ บอกว่าคนที่เขารักที่สุดก็คือข้า เขาดีใจมากที่ข้ามีชีวิตกลับมาได้ เขาอยากจ่ายค่าตอบแทนให้ข้า ยังคงจะแต่งงานกับข้า…แต่เขาไม่อาจรับข้าเป็นภรรยาได้ในตอนนี้ ให้ข้าลำบากเป็นอนุชั่วคราว เขาจะชดเชยให้ข้า วันข้างหน้าจะหาทางเลื่อนให้ข้าเป็นภรรยารอง มีฐานะเท่าเทียมกับธิดาเจ้าเมืองท่านนั้น…”

กู้ซีจิ่วนวดคลึงหว่างคิ้ว ความคิดที่ว่าการมีภรรยาอนุมากมายของเหล่าบุรุษบนโลกใบนี้ช่างฝังแน่นอย่างลึกซึ้ง

เมิ่งซู่เหยียนมองแสงจันทร์บนท้องนภา หยักยิ้มริมฝีปากเล็กน้อย “หากข้าไม่ได้อยู่ในเขตหวงห้ามมาหลายปี คอยอยู่ข้างกายเขาตลอด บางทีอาจไม่รู้สึกว่ามีอะไรในความคิดของเขา แต่ครั้งนี้เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ข้าไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งใจแต่กลับรู้สึกสะอิดสะเอียน! ข้าไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของเขา เขาไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก บอกว่าฮูหยินของเขารู้สึกสำนึกในบุญคุณเขา เขาถามว่าข้าอยากให้เขากลายเป็นคนไร้คุณธรรมที่ทอดทิ้งภรรยาใช่หรือไม่?”

กู้ซีจิ่วนิ่งงัน

เมิ่งซู่เหยียนยิ้มอีกครั้งหนึ่ง “เขาบอกว่าข้าไม่อาจเห็นแก่ตัวเยี่ยงนี้ บอกว่านี่เป็นสิ่งที่เขามอบให้ข้าได้มากที่สุดแล้ว ข้าบอกว่า ข้าไม่ต้องการให้เขายอมอ่อนข้อ และไม่ต้องการแต่งงานกับเขา เขาบอกว่าข้าพูดไปด้วยอารมณ์ เพื่อบีบบังคับให้เขาทำเรื่องไร้ซึ่งคุณธรรม อีกทั้งเขายังบอกว่าเขากับข้ายังมีหนังสือหมั้นหมายใบนั้นอยู่ ในเมื่อยังมีชีวิต ก็ควรจะแต่งงานกับเขา ในเมื่อรักเขาก็ไม่ควรทำให้เขาลำบากใจ ให้เขาต้องทำความผิด…”

กู้ซีจิ่วนวดคลึงหว่างคิ้ว “หลังจากนั้นเล่า?”

เมิ่งซู่เหยียนทอดถอนใจ “จากนั้นพี่หลัวก็ปรากฏกายขึ้น ซัดเขาไปหนึ่งยก…”

กู้ซีจิ่วพยักหน้า หากเธออยู่ตรงนั้น คาดว่าก็คงออกไปซัดคนเช่นกัน หลัวจั่นอวี่ไม่ได้ทำผิดอันใด

เมิ่งซู่เหยียนกล่าวอีก “ลักษณะของเขาเมื่อเห็นพี่หลัวราวกับรู้แจ้งในฉับพลัน บอกว่าที่แท้ข้าก็เปลี่ยนใจไปมีชายคนอื่นแล้ว อีกทั้งยังตั้งใจพาชายชู้มายั่วโมโหเขา บอกว่าเขาผิดหวังยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่าข้าจะเป็นหญิงใจง่ายได้ถึงเพียงนี้ เขามองข้าผิดไป ความจริงใจที่เขามีต่อข้าสุริยันจันทราเป็นพยานได้ นึกไม่ถึงว่าข้าจะผิดคำสาบานในวันนั้น สวมหมวกเขียวให้เขา…”

กู้ซีจิ่วพูดจาอันใดไม่ออก

เธออดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ “ซู่เหยียน เหตุใดเจ้าถึงได้ชอบคนกากเดนเยี่ยงนี้?”

————————————————————————————-