บทที่ 90 ฆ่าเขาให้ข้า![รีไรท์]
กงหยูที่เห็นภาพการสังหารของหลิงตู้ฉิงนั้นทั้งตกตะลึงและรู้สึกเทิดทูนในตัวหลิงตู้ฉิงมากขึ้น จนทำให้เขาอดนึกถึงพ่อและแม่ของหลิงตู้ฉิงที่เขาเคยเจอเมื่อในอดีตไม่ได้
กงหยูในอดีตคอยติดตามหลิงเจิ้งสงไปทุก ๆ ที่เช่นเงาตามตัว ตัวเขาเองยังจำเหตุการณ์ในวันที่พ่อและแม่ของหลิงตู้ฉิงปรากฎตัวเพื่อสั่งให้หลิงเจิ้งสงเอาสกุลหลิงมาให้พวกเขายืมใช้
เมื่อพ่อและแม่ของหลิงตู้ฉิงได้ออกจากเมืองหลวงมาตั้งรกรากที่เมืองฟินิกซ์ หลิงเจิ้งสงจึงเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่พ่อแม่ของหลิงตู้ฉิงได้สอนวิธีการบ่มเพาะต่าง ๆ ให้กับเขาจนนับได้ว่าเป็นผู้มีพระคุณที่ตอบแทนเท่าไหร่ก็ไม่มีวันใช้คืนได้หมดให้กับกงหยูที่เป็นผู้ติดตามที่สนิทที่สุดได้ฟัง
ในเมื่อพ่อและแม่มหัศจรรย์ขนาดนั้น ลูกชายที่เกิดมาจะธรรมดาได้ยังไงจริงไหม?
โม่หยูถังเองที่เคยเห็นแส้อันนี้มาก่อนในตอนแรกเขาไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับมัน แต่เมื่อวันนี้เขาเห็นพลังอำนาจของมันแล้ว เขาได้หลุดอุทานออกมาอย่างตกตะลึง “สมบัติระดับราชวงศ์!?”
มี่ไลเองตอนนี้จิตใจของนางเบิกบานถึงที่สุด นางนึกถึงแส้อันทรงพลังอันนี้ซึ่งหลิงตู้ฉิงได้มอบไว้ให้อยู่ในความดูแลของนาง
นางคิดว่าของมีค่าถึงขนาดนี้หลิงตู้ฉิงกลับนำมามอบไว้ให้นางดูแลนี่มันหมายถึง หลิงตู้ฉิงนั้นให้ความสำคัญกับนางเป็นที่สุด และตอนนี้นางยิ่งรู้สึกยินดีอย่างมากกับการตัดสินใจของพ่อนางที่ส่งให้นางมาอยู่กับหลิงตู้ฉิง
ทางด้านของมี่ตั้วตั้วเองในตอนนี้เขายิ้มไม่หุบเช่นกัน “ฮ่าฮ่าฮ่า นี่ล่ะพลังอำนาจของผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์! ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์ขอบเขตรวมแสงดารามันจะนับเป็นตัวอะไรได้! ลูกสาวข้าตอนนี้เจ้าต้องเร่งมือหน่อยแล้วล่ะ ไม่งั้นเจ้าได้พลาดโอกาสสำคัญในชีวิตแน่นอน ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ใครเป็นคนใช้ฝนดาวตก?” เสียงหนึ่งได้ดังขึ้นก้องกังวาลอยู่บนท้องฟ้าเหนือจัตุรัส
เสียงนี้เรียกความสนใจให้ทุกคนแหงนหน้าขึ้นไปมองถึงที่มาของเสียง
เมื่อทุกคนหันขึ้นไปมองบนท้องฟ้า พวกเขาได้เห็นร่างเงาของชายชราผู้หนึ่ง
ชายชราผู้นี้คือ เจ้าของสถาบันหงส์เพลิง ตู้เหลยโตว
ในเวลานี้ทุกคนไม่มีใครตอบคำถามของตู้เหลยโตวเลยสักคน แต่พวกเขากลับมองไปยังทางที่หลิงตู้ฉิงยืนอยู่แทน
หลิงตู้ฉิงที่เหลือบขึ้นไปมองตู้เหลยโตวอยู่ครู่หนึ่งก็เบนสายตากลับไปหาเจิ้นป่าเจ่าที่กำลังตัวสั่นงันงกอยู่
เจิ่นป่าเจ่าในตอนนี้อยู่ในอารมณ์กลัวจนแทบจะฉี่ราด เขาไม่เคยนึกไม่เคยฝันมาก่อนว่าที่พึ่งพิงสุดท้ายที่เขาฝากความหวังไว้ทั้งหมดจะต้องมาตกตายลงเอาง่าย ๆ แบบนี้ และที่สำคัญสาเหตุของการตายของหวูชี่คงนั้นดันมาจากน้ำมือของศัตรูคู่อาฆาตของเขาแท้ ๆ อย่างหลิงตู้ฉิง
เมื่อเจิ้นป่าเจ่าเห็นหลิงตู้ฉิงมองมาที่เขา เขาสะดุ้งสุดตัวและรีบตะโกนหาตู้เหลยโตวทันที “ท่านอธิการบดี ช่วยข้าด้วย!!”
ตู้เหลยโตวที่ได้ยินเจิ้นป่าเจ่าตะโกน เขาพุ่งเข้ามาหาเจิ้นป่าเจ่าทันที “เกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ใครเป็นคนใช้ฝนดาวตก แล้วคนที่ใช้หายไปไหนแล้ว?”
เจิ้นป่าเจ่าเมื่อได้ยินคำถาม เขาเองก็ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร เนื่องจากเขาเองตอนนี้สติเริ่มกระเจิดกระเจิงภายใต้การจ้องมองของหลิงตู้ฉิงไปหมดแล้ว
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบคำถามเขาสักที ตู้เหลยโตวได้เหลือบมองไปยังหลิงตู้ฉิงที่ยืนอยู่บนเวที ดวงตาเขาเบิกโพลงขึ้นด้วยความตกใจ “ไอ้หยา! นี่ข้าไม่เจอเจ้าเพียงไม่เท่าไหร่ ทำไมตอนนี้เจ้าถึงอยู่ในขอบเขตควบแน่นลมปราณระดับ 7 แล้ว เจ้าไปทำอะไรมา ทำไมระดับของเจ้าถึงเพิ่มขึ้นไวขนาดนี้?”
เฮ่อเจี้ยนปิงและหยิงหวูเจี้ยงเองเมื่อได้ยินเช่นนั้นพวกเขาล้วนตกตะลึงจนต้องเพ่งมองระดับพลังของหลิงตู้ฉิงใหม่อีกครั้ง และสิ่งที่พวกเขาเห็นก็ไม่ได้แตกต่างจากที่ตู้เหลยโตวกล่าวเลย
จากที่พวกเขาส่งคนไปเฝ้าจับตาดูหลิงตู้ฉิง เมื่อเร็ว ๆ นี้คนของเขายังรายงานมาว่าหลิงตู้ฉิงอยู่ในขอบเขตควบแน่นลมปราณระดับ 4 อยู่เลย แล้วนี่มันพึ่งไม่กี่วันเอง ไฉนกลายเป็นระดับ 7 ขึ้นมาได้ยังไง?
หลิงตู้ฉิงมองไปยังตู้เหลยโตวอีกครั้งหนึ่ง อันที่จริงเขาไม่อยากจะให้ความสนใจอะไรกับเจ้าของสถาบันหงส์เพลิงผู้นี้มากนัก เนื่องจากลูก ๆ ของเขาทั้งหมดล้วนถูกขับออกจากสถาบันหงส์เพลิง ถึงแม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะรู้ว่าเรื่องทั้งหมดนั้น ตู้เหลยโตวไม่ได้รู้เห็นอะไรด้วยแต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเคืองใจนิด ๆ
หลิงตู้ฉิงหันกลับมาหาเจิ้นป่าเจ่าอีกครั้งและพูดว่า “หากเจ้ายอมฆ่าตัวตายตรงนี้แต่โดยดี ข้าไม่จะตามเอาเรื่องไปถึงคนในตระกูลเจ้าทั้งหมด!”
เจิ้นป่าเจ่าเมื่อได้ยินเช่นนั้หน้าเขาซีดลงทันที เขาหันไปหาตู้เหลยโตว “ท่านอธิการบดี ท่านต้องช่วยข้านะ!”
“เดี๋ยวก่อน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ตู้เหลยโตวเอ่ยด้วยความงุนงง
ทันใดนั้น จู่ ๆ เงาอีกร่างหนึ่งได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เงาร่างนั้นคือหญิงสาวที่มีใบหน้าอันงดงาม นางแต่งกายด้วยชุดเสื้อคลุมโลหิตสีแดงฉานให้ความรู้สึกกดดันแก่ผู้ที่อยู่ในบริเวณจัตุรัสเป็นอย่างมาก
“เสื้อคลุมโลหิต!” ฝูงชนที่อยู่ด้านล่างโห่ร้องกันออกมาด้วยความหวาดกลัว
เจิ้นป่าเจ่าเมื่อเห็นผู้เชี่ยวชาญเสื้อคลุมโลหิตที่บินได้ เขาเริ่มใจชื้นขึ้นมาทันทีเขารีบตะโกน “ข้าเป็นคนของตระกูลเจิ้น พ่อของข้าคือเจิ้นฟูเห่า หากเจ้านำข้าออกไปจากที่นี่ พาข้ากลับไปยังคฤหาสน์ที่เมืองหลวง ข้าจะให้เงินค่าจ้างเจ้า 10 ล้านเหรียญทองทันที และคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นบนลานประลองมันชื่อหลิงตู้ฉิง มันฆ่าพวกของเจ้าไปมากมาย เจ้าควรเอาเลือดของมันล้างเวทีเพื่อแก้แค้นให้พวกของเจ้า”
เจิ้นป่าเจ่าคำนวณไว้ หากผู้เชี่ยวชาญเสื้อคลุมโลหิตผู้นี้เริ่มต่อสู้กับหลิงตู้ฉิงเมื่อไหร่ เขาจะฉวยโอกาสหนีไปทันที
ภายใต้สายตาผู้คนมากมาย มองผู้เชี่ยวชาญเสื้อคลุมโลหิตที่ลอยอยู่กลางอากาศค่อย ๆ บินเข้ามาใกล้หลิงตู้ฉิงจนหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา
“นายท่าน ข้ามาแล้ว!” เสี่ยวเยว่เฟิงโค้งคำนับหลิงตู้ฉิงหนึ่งครั้ง จากนั้นจึงเดินไปยืนอยู่ข้างเขา
ทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างตกตะลึง ผู้เชี่ยวชาญเสื้อคลุมโลหิตขอบเขตรวมแสงดาราเรียกหลิงตู้ฉิงว่า ‘นายท่าน’?
“เขาเป็นศัตรูของพวกเจ้านะ เขาฆ่ากลุ่มของพวกเจ้าไปตั้งมากมาย ทำไมเจ้าถึง…” เจิ้นป่าเจ่าพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“นับแต่ต่อไปนี้เป็นต้นไป ข้า เสี่ยวเยว่เฟิง ผู้นำกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตจะขอสละตำแหน่งผู้นำกลุ่ม ข้าจะเป็นเพียงสารถีให้แก่นายท่าน หลิงตู้ฉิง เพียงผู้เดียวเท่านั้น!” เสี่ยวเย่วเฟิงประกาศด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“หะ!”
ผู้คนที่ยืนดูอยู่ล้วนส่งเสียงอุทานพร้อม ๆ กัน
คำประกาศที่ทุกคนได้ยินเช่นนี้มันน่าเกรงขามมากกว่าฉากที่หวูชี่คงถูกฆ่าตายเสียอีก
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราที่มีฐานะเป็นถึงผู้นำกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตยินดีที่จะเป็นสารถีของหลิงตู้ฉิง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ผู้นำกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตเสี่ยวเยว่เฟิงนั้นไม่เหมือนหวูชี่คง นางเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราที่มีชื่อเสียงมานาน
แต่ตอนนี้ผู้ที่มีชื่อเสียงคนนี้กลับมาเป็นสารถีให้หลิงตู้ฉิงซะอย่างนั้น
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ดีแล้วที่เจ้ามาที่นี่ เจ้าช่วยไปฆ่าไอ้ขยะนั่นแทนข้าที ข้าขี้เกียจที่จะให้เลือดเขาเปรอะมือข้า”
“ยินดีรับใช้ นายท่าน!” เสี่ยวเยว่เฟิงพยักหน้า
จากนั้นนางก็หันกลับมาและเดินไปหาเจิ้นป่าเจ่า
เมื่อเห็นเสี่ยวเยว่เฟิงกำลังเดินเข้ามา เจิ้นป่าเจ่าพูดด้วยความกลัว “เขาเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเจ้า ทำไมเจ้าถึงมาฆ่าข้า แทนที่จะแก้แค้นเขา เจ้าจะทำแบบนี้ไม่ได้! พ่อของข้าเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 3 เชียวนะ ถ้าเจ้ากล้าฆ่าข้า พ่อข้าจะต้องไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”
เจิ้นป่าเจ่าเมื่อเห็นว่ายิ่งขู่ก็เหมือนยิ่งยุให้เสี่ยวเยว่เฟิงยิ่งเดินเร็วขึ้น เขาจึงตะโกนหาตู้เหลยโตว “อาจารย์ใหญ่ช่วยข้าด้วย!”
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเยว่เฟิงใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เจิ้นป่าเจ่าก็ทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากตู้เหลยโตวต่อไป ตู้เหลยโตวขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้พูดอะไรและเขาทำเพียงแค่ยืนนิ่ง ๆ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้จักนิสัยของเจิ้นป่าเจ่า
ที่ผ่านมาตู้เหลยโตวนั้นเผิกเฉยกับพฤติกรรมของเจิ่นป่าเจ่าอยู่หลายต่อหลายครั้ง เพราะเขาเห็นแก่หน้าของเจิ้นฟูเห่า ดังนั้นถ้าเจิ้นป่าเจ่าไม่ทำอะไรเกินเลยเกินไปเขาก็เลือกที่จะมองข้ามไป
แต่ตอนนี้หลิงตู้ฉิงที่สั่งให้คนของเขาฆ่ เจิ้นป่าเจ่า เขาก็เลือกที่จะไม่เข้ามาขัดขวาง เนื่องจากอันที่จริงแล้ว เขาเองก็ต้องการให้ใครสักคนมากำจัดเจิ้นป่าเจ่าให้หาย ๆ ไปซะตั้งนานแล้วเพื่อลดเรื่องราวอันน่าปวดหัวที่เกิดในสถาบันของเขา
เจิ้นป่าเจ่าที่เมื่อขอความช่วยเหลือจากตู้เหลยโตว แต่ตู้เหลยโตวทำเป็นหูทวนลมไม่ยอมช่วยเหลือ เขาจึงทำได้แค่เพียงหันหลังและวิ่งหนี
แต่อนิจจา เขาจะเร็วไปกว่าเสี่ยวเยว่เฟิงได้อย่างไร?
เสี่ยวเยว่เฟิง เมื่อเห็นเจิ้นป่าเจ่าวิ่ง นางจึงพุ่งตัวไปดักทางหนีของเจิ้นป่าเจ่าไว้และใช้ฝ่ามือฟาดลงไปกลางหัวของเจิ้นป่าเจ่า จนร่างของเจิ้นป่าเจ่ากระแทกจมหายลงไปยังพื้นเวทีลานประลองเกิดเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่
เมื่อสังหารเจิ้นป่าเจ่าเรียบร้อย นางจึงพุ่งกลับไปที่ด้านข้างของหลิงตู้ฉิง
ตู้เหลยโตวเหลือบมองไปที่เสี่ยวเยว่เฟิงและหลิงตู้ฉิง จากนั้นจึงพูดว่า “ไอ้หนุ่ม เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเกี่ยวกับระดับการบ่มเพาะของเจ้า!”
“ก็ข้าไม่อยากจะคุยกับท่าน!” หลิงตู้ฉิงพูดตอบ
“ตาแก่คนนี้ไปทำให้เจ้าขุ่นเคืองใจตอนไหนกัน ทำไมเจ้าถึงไม่อยากคุยกับข้า!?” ตู้เหลยโตวพูดด้วยความงุนงง
หลิงตู้ฉิงที่ไม่อยากสนใจตู้เหลยโตวอีกต่อไป เขาหันกลับไปมองไปที่หวงหลินซานและหยุนเฟยหาวที่ยังคงยืนนิ่งอยู่บนเวทีและพูดขึ้น “พรุ่งนี้มาที่เรือนของข้าแล้วข้าจะรักษาผลข้างเคียงของโอสถคลุ้มคลั่งให้”
หลังจากที่พูดจบเขาก็กระโจนลงจากเวทีไปหากลุ่มคนของเขาและออกคำสั่ง “พวกเรากลับเรือนกัน”
ทุกคนเมื่อได้ยินเช่นนั้นต่างลุกขึ้นยืน หอบหิ้วสัมภาระขึ้นเตรียมพร้อมติดตามหลิงตู้ฉิงที่กำลังจะเดินจากไป