ผู้บัญชาการหลงไม่ได้เป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจเมือง A แต่เป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการรักษาความมั่นคงแห่งเมือง A ซึ่งตำรวจทั่วๆ ไปไม่สามารถพบเจอท่านได้ง่ายๆ! นายตำรวจในห้องไม่คาดคิดว่าผู้บัญชาการหลงจะมาปรากฏตัวที่นี่ เพื่อทำคดีฆาตกรรม!
เจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มชั่งน้ำหนักสถานะของตระกูลเซียวในใจ
เซียวจิ่งเองก็ไม่คาดคิดว่าผู้บัญชาการหลงจะมาที่นี่ด้วยตนเอง แต่เขามั่นใจว่าที่ท่านมาที่นี่ไม่ใช่เพราะบิดา และถ้าไม่ใช่เพราะบิดา ก็เป็นที่แน่ชัดว่าใครคือผู้มีบทบาททำให้ท่านมาที่นี่ได้
เซียวจิ่งยื่นมือออกไปจับมือผู้บัญชาการหลงและกล่าวอย่างสุภาพ “ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ทำให้ท่านต้องลำบาก ท่านผู้บัญชาการหลง” จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่เถาเยี่ยนและกล่าวต่อไป “นี่คือผู้ต้องสงสัย เราขอส่งตัวให้ท่านเลยนะครับ หากมีปัญหาอะไร โปรดโทรหาผม หรือเรียกผมไปเป็นพยานได้เลยครับ”
ผู้บัญชาการหลงพยักหน้า ขณะมองไปรอบๆ จากนั้นสายตาท่านก็ไปหยุดที่ใบหน้าเซียวหงอี้ ท่านถามว่า “ผมขอดูสภาพเหยื่อผู้ถูกทำร้ายหน่อยได้ไหม”
ถังซีจับจ้องใบหน้าผู้บัญชาการหลงทันที ขณะที่คนอื่นๆ ดูสับสน ผู้บัญชาการหลงยิ้มและอธิบายว่า “ผมต้องการดูอาการของเหยื่อ จะได้ตัดสินใจถูกว่าจะต้องจัดการกับคดีนี้อย่างไร”
ถังซีพยักหน้าให้เซียวหงอี้ ซึ่งกล่าวว่า “ทางนี้ครับ ผู้บัญชาการหลง” และพาท่านออกไป หลังจากนั้นไม่นานผู้บัญชาการหลงก็กลับมา และกล่าวกับนายตำรวจหลายนายที่ติดตามท่านมาอย่างเคร่งเครียด “นำตัวผู้หญิงคนนี้ไป แล้วส่งไปที่ห้องสอบสวน” เมื่อกล่าวจบท่านก็พยักหน้าให้คนอื่นๆ แล้วเดินออกไป เมื่อเห็นผู้บัญชาการหลงพาเถาเยี่ยนไป ตำรวจอีกคนหนึ่งก็ รีบใส่กุญแจมือเซียวจิ้นหนิง และพาตัวเธอตามท่านออกไป
ขณะถูกตำรวจสองนายผลักออกไป เซียวจิ้นหนิงก็จ้องหน้าถังซีด้วยความอาฆาตแค้นและขู่ว่า “เซียวโหรว แกคิดว่าชีวิตแกจะมีความสุขอยู่ได้ตลอดไปอย่างนั้นหรือ ฉันจะบอกให้นะว่าไม่มีทาง! แกจะต้องทนทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต! “
ขณะมองดูเซียวจิ้นหนิงบ้าคลั่ง ถังซียิ้มอย่างเย็นชา เดินกอดอกเข้าไปหาด้วยประกายวาววับในดวงตา แล้วกล่าวอย่างเยือกเย็น “นี่แค่ของขวัญชิ้นแรกที่ฉันมอบให้เธอ เธอก็ทนไม่ได้เสียแล้ว ยังคิดจะทำอะไรต่อไปอีกเหรอ แล้วถ้าเจอของขวัญชิ้นใหญ่กว่านี้ที่ฉันเตรียมไว้ให้อีกล่ะ เธอจะไม่สติแตกไปเลยเหรอเมื่อถึงเวลานั้น”
“เซียวโหรว!” เซียวจิ้นหนิงซึ่งถูกจับตัวไว้โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนาย พยายามดิ้นรนเข้าไปหาถังซีอย่างยากลำบาก เธอจ้องหน้าถังซีและตะโกนอย่างเคียดแค้น “แกตั้งใจทำให้เป็นอย่างนี้ใช่ไหม แกตั้งใจจะให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก! แกพยายามจะแก้แค้นฉัน!”
“ใช่ ทุกอย่างเป็นความตั้งใจ” ถังซีมองเซียวจิ้นหนิงที่กำลังบ้าคลั่งด้วยสายตาเย็นชา หัวเราะเยาะและกล่าวเย้ยหยัน “ฉันตัดสินใจจะแก้แค้นเธอเมื่อฉันตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล ในเมื่อไม่มีใครลงโทษเธอได้ ฉันก็จะทำเอง ไม่มีใครสามารถสอนบทเรียนแก่เธอ มีแต่ฉันเท่านั้นที่ทำได้”
เซียวจิ้นหนิงมีสีหน้าตกใจ มองถังซีซึ่งกอดอกจ้องหน้าเธอเขม็งอย่างเฉยชา พร้อมกับกล่าวอย่างเยือกเย็น “ในช่วงเวลายี่สิบสามปีที่ผ่านมาเธออาจโชคดี ได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอต้องการ แต่ตอนนี้เวลาดีๆ ของเธอจบแล้ว โชคดีของเธอหมดลงแล้ว แม้ว่าใครบางคนอยากจะช่วยเธอเหลือเกิน แต่ก็ไม่ได้ผล แล้วตอนนี้ยังมีใครอีกเหรอที่อยากช่วยเธอ”
เซียวจิ้นหนิงหันไปมองหลิวเฉิงอวี่โดยไม่รู้ตัว แต่เขาไม่ได้หันมาทางเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่จ้องมองถังซีอย่างรักใคร่ เธอหายใจเข้าลึกๆ แล้วยิ้มเยาะถังซี “ถึงจะไม่มีใครช่วยฉัน เธอก็หนีไปไหนไม่พ้นหรอก ใช่ เธอหัวเราะเยาะฉันได้ ชื่นชมยินดีกับชัยชนะของเธอได้ แต่ฉันจะรอดูจุดจบของเธอ ว่าจะทุกข์ทรมานแสนสาหัสขนาดไหน”
ถังซีจ้องหน้าเซียวจิ้นหนิงอย่างไม่สะทกสะท้าน เลิกคิ้วขึ้นและยิ้มอย่างเย็นชา “รอไปเถอะ วันนั้นจะไม่มีทางมาถึง”
หลังจากเซียวจิ้นหนิงถูกนำตัวออกไป ถังซีก็หันกลับมามองหลินรั่วจื้อซึ่งเงียบกริบ “คุณหลิน ไม่มีอะไรจะพูดบ้างเหรอ”
หลินรั่วจื้อหันมามองถังซีด้วยดวงตาหม่นหมอง หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เอ่ยขึ้นว่า “เซียวโหรว ฉันรู้ว่ายายของเธอและจิ้นหนิงทำสิ่งต่างๆ มากมายเพื่อทำร้ายเธอและแม่ของเธอ แต่เธอไปไกลเกินไปแล้วที่ทำถึงขนาดนี้ ได้โปรดอย่า…”
ถังซีจ้องหน้าหลินรั่วจื้อ ขมวดคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ “ฉันทำอะไรให้คุณหลินเข้าใจผิดไปหรือเปล่า”
หลินรั่วจื้อมองถังซี ทว่าพบเพียงประกายเย็นยะเยือกวาววับอยู่ในดวงตาเธอ เธอกล่าวต่อไปอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าฉันกำลังล้อเล่นอยู่อย่างนั้นหรือ คุณหลิน ฉันมีสองทางเลือกให้คุณเลือก หนึ่งคือบอกฉันมาตามตรงว่าเกิดอะไรขึ้น กับอีกทางหนึ่งคือรอให้ถูกฟ้อง แล้วคุณจะได้ไป เจอกับครอบครัวคุณในคุก”
เมื่อจบคำพูดถังซีก็หันไปหาเซียวจิ่ง กล่าวเสริมด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ฉันจำได้ว่าพวกเขามีลูกสาวอีกคน อายุน้อยกว่าคุณแม่ฉันสองปี ดูเหมือนจะชื่อหลินเจียว ตามหาผู้หญิงคนนั้นให้หน่อยสิคะ ฉันสงสัยว่าเธอจะมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมาก กับคดีการแลกเปลี่ยนทารกเมื่อยี่สิบสามปีก่อน!”
ในที่สุดหลินรั่วจื้อก็มีท่าทีตื่นตระหนก เขารีบเดินออกมาคว้าแขนถังซี จากนั้นก็กล่าวด้วยท่าทางวิตกกังวลอย่างมาก “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับน้าของเธอ เป็นความผิดของฉันกับยาย เราเป็นคนขโมยเธอมาเอง เราเป็นคนทำ นี่ไงฉันบอกเธอแล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับน้าของเธอ”
“ฉันไม่ได้บอกว่าหลินเจียวเป็นคนขโมยลูกของคุณแม่ฉัน ฉันหมายถึงเธอมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับคดีสับเปลี่ยนทารกเมื่อยี่สิบสามปีก่อน ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นหรอก”
เซียวจิ่งมองหน้าถังซีอย่างตื่นตะลึง จากนั้นก็กลืนน้ำลายหันมาสบตากับเซียวส่า ทั้งสองเห็นความตื่นตกใจในสายตาของกันและกัน ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง… ทำไมโหรวโหรวถึงพลิกสถานการณ์ไปได้รวดเร็วขนาดนี้…
ตอนนี้ถึงคราวที่เธอจะดึงผู้เกี่ยวข้องคนอื่นๆ เข้ามาในคดีใช่ไหม
ยังมีความลับอื่นที่พวกเขาไม่รู้อีกหรือเปล่า
หวังว่าคงไม่มีนะ!
หลิวเฉิงอวี่กับซีลั่วเสียนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาได้แต่มองหน้าถังซี ซีลั่วเสียนรู้สึกงุนงงสับสนไปหมด เธอจึงถามถังซี “โหรวโหรวเกิดอะไรขึ้น หนูช่วยอธิบายให้ป้าฟังหน่อยได้ไหมจ๊ะ”
ถังซีส่ายศีรษะ “หนูยังไม่แน่ใจค่ะ หนูเพียงประเมินจากปฏิกิริยาของเถาเยี่ยนกับหลินรั่วจื้อ”
จากนั้นเธอก็ละสายตาจากซีลั่วเสียน หันไปหาเซียวส่า เม้มริมฝีปากแล้วถามว่า “พี่ส่า พี่ช่วยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหลินเจียวแล้วเอามาให้ฉันได้ไหม ฉันต้องการด่วนเลยค่ะ”
เซียวส่าพยักหน้าแล้วหันไปโทรศัพท์
“เธอต้องการสืบสวนเรื่องราวเดี๋ยวนี้ เพียงเพราะการประเมินสถานการณ์อย่างนั้นหรือ” หลิวเฉิงอวี่ถามด้วยความงุนงง
สืบสวนเรื่องราวเหรอ ถังซีเลิกคิ้ว เธอไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะทำเช่นนั้น เธอแค่ต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเซียวโหรวและมารดาเมื่อหลายปีก่อน
“เปล่า ฉันไม่ได้จะสืบสวนเรื่องนี้ ฉันแค่พยายามค้นหาความจริง ฉันไม่ต้องการให้คุณแม่ฉันถูกปิดหูปิดตาอยู่ในความมืดมิดไปตลอดชีวิต”